WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ขยับขึ้นกรอบจำกัดแม้คลายวิตกสถานการณ์ซีเรีย, จับตาตัวเลข GDP จีน-งบฯแบงก์ไทย
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยจะขยับขึ้นต่อในเช้านี้หลังคลายความกังวลสถานการณ์ซีเรีย แต่การฟื้นตัวน่าจะอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังรอดูการประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 1/61 ของจีนในช่วงเช้าวันนี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่า GDP จะขยายตัวราว 6.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับเติบโต 6.8% ในไตรมาส 4/60 หากออกมาตามคาดก็จะยังเป็นเชิงบวกต่อตลาดเพราะยังมี GDP เติบโตในระดับสูงอยู่
อยึ่ง เช้านี้สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/61 ขยายตัว 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวประกาศงบการเงินไตรมาส 1/61 กลุ่มแบงก์ของไทยที่จะเริ่มทยอยออกมาในสัปดาห์นี้ โดยภาพรวมมองว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายไตรมาส แต่อาจจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตลาดยังจับตามองการตั้งสำรองฯมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 ของกลุ่มแบงก์ด้วย
ขณะเดียวกัน แม้สถานการณ์ซีเรียอาจจะจบลง แต่นักลงทุนยังจับตาความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่เพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย รวมถึงจับตาความเห็นเชิงนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีออกมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาด้วย
สำหรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงเมื่อคืนนี้ จากความคลายกังวลต่อสถานการณ์ซีเรีย แต่ราคาน้ำมันดิบก็นับว่ายังทรงตัวในระดับสูงสุดรอบ 3 ปี และโอกาสที่สหรัฐฯจะทำการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ ซึ่งนับว่ายังเป็นความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ก็มีโอกาสที่จะทำให้ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งไม่น่ากระทบต่อการลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงานมากนัก รวมถึงการที่ผู้ถือหุ้นของ PTT อนุมัติการแตกพาร์ซึ่งคาดว่าจะมีผลในเดือน พ.ค.นั้น แม้ตลาดจะรับรู้ไปแล้ว แต่ก็เชื่อว่ายังเป็นปัจจัยหนุนตลาดได้บ้าง
"วอลุ่มวันนี้น่าจะกลับเข้ามาสู่ปกติ เพราะนักลงทุนน่าจะกลับเข้าสู่ตลาดหลังจากผ่านพ้นช่วงสงกรานต์ และสถานกาณณ์ซีเรียก็ไม่ได้ลุกลาม น่าจะกระตุ้นนักลงทุนให้เริ่มกลับเข้ามาก็จะทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้น"นายอภิชาติ กล่าว
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,758 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,770-1,772 และ 1,780-1,785 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (16 เม.ย.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,573.04 จุด พุ่งขึ้น 212.90 จุด (+0.87%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,677.84 จุด เพิ่มขึ้น 21.54 จุด (+0.81%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,156.28 จุด เพิ่มขึ้น 49.63 จุด (+0.70%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 33.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.32 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 39.30 จุด ,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 1.04 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.90 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 8.12 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.65 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 เม.ย.61) 1,767.17 จุด เพิ่มขึ้น 3.95 จุด(+0.22%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,494.29 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 เม.ย.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (16 เม.ย.61) ปิดที่ระดับ 66.22
ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.17 ดอลลาร์ หรือ 1.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 เม.ย.61) ที่ 6.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.17 แข็งค่าตามทิศทางภูมิภาคจากคลายกังวลซีเรีย ตลาดรอติดตามท่าทีสหรัฐฯ
- นักวิเคราะห์จับตาผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่เตรียมประกาศประเมินแนวโน้มยังน่าสนใจลงทุน เชียร์ซื้อหุ้นกลุ่ม"พลังงาน-รับเหมา"อานิสงส์น้ำมันโลกขาขึ้น แผนลงทุนภาครัฐหนุน เลี่ยงกลุ่มสื่อสารเหตุยังไร้ความชัดเจนเรื่องค่าสัมปทาน แนะถือเงินสด 60% รอจังหวะลงทุน
- พาณิชย์ขอสหรัฐฯ ไม่ขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจากไทย ยกเหตุผลชี้แจงไทยมีส่วนแบ่งในตลาดสหรัฐฯ น้อย และมีมาตรการป้องกันการแอบอ้างสิทธิ การทุ่มตลาด และพร้อมร่วมมือสหรัฐฯ แก้ปัญหาเหล็กส่วนเกิน เผยยังได้ขอให้เร่งตรวจสอบด้านสุขอนามัยส้มโอ เพื่อเปิดทางส่งออก และขอให้ไทยได้สิทธิออกเครื่องหมายรับรองสินค้าเกษตรอินทรีย์ของสหรัฐฯ ระบุยังได้รับข่าวดี สหรัฐฯ ไม่ใส่ชื่อไทยเป็นประเทศที่ต้องถูกทบทวน GSP และไม่เป็นประเทศบิดเบือนค่าเงิน
- สศค.เปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพ.ร.บ. การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ. ... จนถึงวันที่ 30 เม.ย.นี้ โดยกฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญคือจะนำมาใช้ดูแลผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แก่ กลุ่มสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด (สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์) สินเชื่อรับสมุดคู่มือจดทะเบียนรถเป็นประกัน การชำระหนี้ (สินเชื่อทะเบียนรถ) การให้เช่าซื้อ การให้เช่าแบบลีสซิ่งและแฟกตอริ่ง โดยจะคุมเข้มสัญญาแก้เอาเปรียบผู้บริโภค
- กสทช.เรียกโอเปอเรเตอร์ทุกรายเข้าชี้แจงวันนี้ (17 เม.ย.) กรณีที่มีข่าวเอสเอ็มเอส ดูดเงินประชาชนผู้ใช้บริการ รวมถึงเรียกผู้ประกอบการทรูมูฟ เอช มาชี้แจงกรณีที่ปรากฏข่าวบนเว็บไซต์ว่าทรูทำข้อมูลบัตรประชาชนลูกค้าหลุดจำนวนมาก
- แบงก์ชาติผนึก 8 ธนาคาร ศึกษาความเป็นไปได้ออก"เงินดิจิทัล"ระหว่างกันเพื่อชำระเงินในตลาดอินเตอร์แบงก์ เพิ่มความคล่องตัว การหักชำระเงิน คาดใช้เวลาศึกษาไม่เกิน 6 เดือน หากสำเร็จช่วยให้การชำระเงินระหว่างกันทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วัน พร้อมเล็งดึงระบบบล็อกเชนช่วยการขายพันธบัตรออมทรัพย์ ร่นเวลาส่งมอบบอนด์ถึงมือผู้ซื้อไม่เกิน 3 วัน
- บริษัทไทยชะลอแผนระดมทุนไอซีโอ รอดูเกณฑ์กำกับดูแลของก.ล.ต. ควายทองหันระดมทุนในญี่ปุ่นแทน ประเมินกฎหมายในประเทศไม่เอื้อ ขณะที่โปรฟินคอยน์เลื่อนขายพรีเซลออกไป 2 เดือน เจฟินคอยน์ยืดเวลาเข้าเทรดในตลาดรอง
- 'ไพรินทร์' สั่ง ทย.-ทอท.สางปัญหาสนามบินแออัด เล็งเปิด 3 สนามบินให้เช่าจอดเครื่องบิน กล่อมสายการบิน-บริษัททัวร์ปรับเส้นทางบินลงจังหวัดใกล้เคียง ชงของบ 1.2 หมื่นล้านบาท ขยาย 2 สนามบินนครศรีฯ-ตรัง
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเหมาะสม 230 บาท สัปดาห์นี้จับตา กสทช.และรัฐบาลหารือข้อสรุปประเด็นการผ่อนจ่ายคลื่น 900 MHz หรือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ เบื้องต้นมองว่าหากไม่ได้รับการช่วยเหลือ ยังคงมุมมองเป็นกลางต่อกลุ่ม ปีนี้คาดว่าอัตรากำไรของกลุ่มสื่อสารจะเพิ่มขึ้น จากการแข่งขันที่ลดลงจากการที่ operator จะหันไปใช้กลยุทธ์อื่นนอกเหนือจาก market share ผ่าน Handset subsidy ซึ่งเริ่มเห็นแล้วใน Q4/60 ถือเป็นบวกต่อกระแสเงินสด ส่วนผลประกอบการ Q1/61 คาดเติบโต ประมาณ 5-10% YoY และคาดกำไรปี 61 เติบโต 10% เป็น 3.3 หมื่นล้านบาท และมีมุมมองเชิงบวกต่อจุดยืน (สถานะบวก) ต่อการประมูลคลื่นและ Policy risk ต่าง ๆ ของภาครัฐ
- HMPRO (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 15.60 บาท คาดว่ากำไรไตรมาส 1/61 เพิ่มขึ้น 23.2% YoY แต่ลดลง 15.5% QoQ มาอยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ 1.0 ppt และ SSSG ยังคงมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 3.0% น้อยกว่า 3.1% ในไตรมาส 4/60 ขณะที่คาดกำไรไตรมาส 1/61 เท่ากับ 23.5% ของประมาณการปี 61 ที่ 5.5 พันล้านบาท (+ 18.5% YoY) โดยการประเมินมูลค่าอยู่ที่ PER ที่ 33.7 เท่าซึ่งอยู่ที่ 2.0SD คาด HMPRO จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 1/61 ในช่วง 23-24 เมษายน
- TISCO (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 98 บาท คาดกำไร Q1/61 โตทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการรับรู้รายได้ SCBT ส่วนทั้งปี 61 คาด +18% Y-Y เป็น 7.18 พันล้านบาท จากคาดการณ์การตั้งสำรองฯที่ลดลง เพราะCoverage ratio สูงถึง 197% เพียงพอต่อคุณภาพหนี้ปัจจุบัน และ IFRS9 (2) รับรู้รายได้จากพอร์ตสินเชื่อจาก SCBT เต็มปีเป็นปีแรก ขณะที่มองว่าจะได้รับผลกระทบจากฟรีค่าธรรมเนียมน้อยสุดในกลุ่ม ส่วนประกาศจ่ายปันผลงวดปี 60 มากถึง 5 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 5.5% ขึ้น XD วันที่ 27 เม.ย.61

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีน
         ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในเช้าวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจจีนหลายรายการที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนมี.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,801.83 จุด ลดลง 33.70 จุด, -0.15% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,112.97 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด, +0.07% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,354.89 จุด เพิ่มขึ้น 39.30 จุด, +0.13% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,953.51 จุด ลดลง 1.04 จุด, -0.01% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,459.39 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด, +0.08% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,505.31 จุด เพิ่มขึ้น 8.12 จุด, +0.23% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,874.11 จุด ลดลง 4.65 จุด, -0.25%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนมี.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 66.36 จุด วิตกสหรัฐอาจคว่ำบาตรครั้งใหม่
         ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ โดยพุ่งเป้าไปยังบริษัทหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเคมีโจมตีซีเรีย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,198.20 จุด ลดลง 66.36 จุด หรือ -0.91%
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 6.5% หลังจากมีรายงานว่า นายมาร์ติน ซอร์เรลล์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทมาอย่างยาวนานนั้น ได้ประกาศลาออก หลังจากเผชิญการสอบสวนเกี่ยวกับความประพฤติมิชอบ
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านธุรกิจ ร่วงลง 3% หลังจากบริษัทประกาศลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2561
ส่วนหุ้นบริษัทที่เข้าไปลงทุนในรัสเซียต่างก็พากันร่วงลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ว่า สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ โดยหุ้นบีพี ร่วงลง 1.6% ขณะที่หุ้น Evraz ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ ดิ่งลง 7%
ทั้งนี้ นางนิกกี้ ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ระบุว่า สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
อย่างไรก็ตาม หุ้นวิทเบรด พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทอิลเลียต แมเนจเมนท์ได้เข้าซื้อหุ้นมากกว่า 6% ในวิทเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกสหรัฐเล็งคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
         ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทยุโรปที่เข้าไปลงทุนในรัสเซีย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.4% ปิดที่ 377.74 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,391.41 จุด ลดลง 50.99 จุด หรือ -0.41% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,312.96 จุด ลดลง 2.06 จุด หรือ -0.04% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,198.20 จุด ลดลง 66.36 จุด หรือ -0.91%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ โดยพุ่งเป้าไปยังบริษัทหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเคมีโจมตีซีเรีย
ทั้งนี้ นางนิกกี้ ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ระบุว่า สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
หุ้นบริษัทที่เข้าไปลงทุนในรัสเซียต่างก็พากันร่วงลง โดยหุ้นบีพี ร่วงลง 1.6% ขณะที่หุ้น Evraz ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ ดิ่งลง 7% และหุ้นโพลีเมทัล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองในรัสเซีย ดิ่งลง 9.5%
หุ้นดับเบิลยูพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 6.5% หลังจากมีรายงานว่า นายมาร์ติน ซอร์เรลล์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทมาอย่างยาวนานนั้น ได้ประกาศลาออก หลังจากเผชิญการสอบสวนเกี่ยวกับความประพฤติมิชอบ
หุ้นซอฟต์แวร์ เอจี เอสโอดับเบิลยู ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของเยอรมนี ร่วงลง 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกร่วงลง
หุ้นวิทเบรด พุ่งขึ้น 7.2% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทอิลเลียต แมเนจเมนท์ได้เข้าซื้อหุ้นมากกว่า 6% ในวิทเบรด ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานเครือโรงแรมพรีเมียร์ อินน์
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนในระดับหนึ่ง จากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย เนื่องจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้สร้างความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เนื่องจากเป็นการโจมตีในขอบเขตจำกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 212.90 จุด รับยอดค้าปลีกฟื้นตัว,ตลาดคลายกังวลซีเรีย
        ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (16 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้นในเดือนมี.ค. รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,573.04 จุด พุ่งขึ้น 212.90 จุด หรือ +0.87% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,677.84 จุด เพิ่มขึ้น 21.54 จุด หรือ +0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,156.28 จุด เพิ่มขึ้น 49.63 จุด หรือ +0.70%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกฟื้นตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 3 เดือน โดยยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายรถยนต์
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค. หลังจากทรงตัวในเดือนก.พ.
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะได้รับแรงหนุนจากมาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากระดับ 35% สู่ระดับ 21%
ด้านนักวิเคราะห์ของ CFRA คาดการณ์ว่า ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐจะพุ่งขึ้น 16.3% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี จากระดับ 10.4% ในช่วงต้นปี
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 0.44% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไร 62 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 1 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 59 เซนต์/หุ้น ขณะเดียวกันธนาคารมีรายได้ 2.31 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3059 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นเจบี ฮันท์ ทรานส์ปอร์ท เซอร์วิส พุ่งขึ้น 6.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย เนื่องจากการโจมตีซีเรียของสหรัฐและชาติพันธมิตรเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานั้น ไม่ได้สร้างความเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐและรัสเซีย เนื่องจากเป็นการโจมตีในขอบเขตจำกัดที่มีการกำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาข้อพิพาทด้านการเมืองระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด หลังจากนางนิกกี้ ฮาร์ลีย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติ ระบุว่า สหรัฐจะออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซียเพื่อตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่นักลงทุนให้ความสนใจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-การใช้กำลังการผลิตเดือนมี.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย
--อินโฟเควสท์
OO7522

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!