WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

4ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวในกรอบจำกัด ตามตลาดภูมิภาค เล็งขานรับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้แต่อยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากยังรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยตลาดฯคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และมีทิศทางที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ แต่ก็ต้องรอดูเสียงของคณะกรรมการเฟดถ้ามีการเสียงแตกออกมาในการเสนอปรับขึ้นดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง ก็อาจจะทำให้ตลาดผันผวนได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก ขานรับการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ทำให้ไปหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) ก็ปรับตัวขึ้นด้วย ซึ่งการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้นดูเหมือนจะไปขัดแย้งกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น ดังนั้นจะต้องคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ดี ช่วงนี้ตลาดฯเป็นของผู้เล่นหลักคือ นักลงทุนสถาบัน ซึ่งก็มีการถือครองหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมีอยู่มาก ดังนั้น บางทีอาจมีการสลับกลุ่มลงทุนบ้างเช่นกัน ซึ่งหุ้นที่สถาบันจะเข้าลงทุนก็น่าจะเป็นหุ้น SCC เพราะยัง Laggard อยู่มาก และหุ้นในกลุ่มการแพทย์ รวมถึงหุ้นในกลุ่มแบงก์ด้วย ซึ่งก็ชอบหุ้น BBL, KTB
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,790-1,806 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,727.27 จุด เพิ่มขึ้น 116.36 จุด (+0.47%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,716.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด (+0.15%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,364.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด (+0.27%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 262.05 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 9.09 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.51 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 3.01 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 3.14 จุด
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 มี.ค.61) 1,799.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด (+0.00%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,251.72 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 63.40
ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 มี.ค.61) ที่ 7.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.21 แนวโน้มแกว่งกรอบแคบ นักลงทุนรอประชุมเฟดคืนนี้-ตัวเลขส่งออกของไทย
- ททท.หนุนมาตรการ คืนภาษี ณ จุดขาย กระตุ้นยอดช็อปปิ้งต่างชาติ เพิ่มจาก 20% เป็น 25% แนะศึกษาโมเดลญี่ปุ่น กระจายร้านดิวตี้ฟี 2.9 หมื่นแห่งทั่วประเทศ เปิดช่องเอสเอ็มอีมีส่วนรับผลประโยชน์โดยตรง เชื่อนักท่องเที่ยวได้เงินคืนนำหมุนเวียนจับจ่ายในไทยต่อทันที
- คลังหวั่นไทยเจอมาตรการกีดกัน ทางการค้าจากสหรัฐ หลังเข้า 3 เงื่อนไขประเทศบิดเบือนค่าเงิน กสิกรไทยจับตานักท่องเที่ยวต่างชาติ ทะลักช่วงสงกรานต์กดดันเงินบาทแข็งค่าหนักมีสิทธิ์หลุด 31 บาทต่อดอลลาร์ แนะผู้ส่งออกเร่งปิดความเสี่ยง คาดจีดีพีปีนี้โต 4% หุ้นไทยเด้งรับดัชนีปีนี้ทะยานแตะ 1,914 จุดหากเลือกตั้งต้นปีหน้า
- นักวิจัยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เผยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทุนจีนประกาศแผนลงทุนคิดเป็นมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท ที่ประกาศตัวเลขการลงทุนออกมา โดยเป็นโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนารวมถึงโครงการที่จะก่อสร้างในอนาคต ขณะเดียวกันยังแฝงเข้ามาในรูปแบบนอมินี ทั้งนี้ หากกฎหมายการลงทุนในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มีความชัดเจนเชื่อว่าทุนจีนจะเข้ามาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น
- ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยรัฐบาลไม่ควรยืดหนี้ให้กับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและผู้ประกอบการโทรคมนาคม เพราะจะถูกครหาว่าเข้าไปอุ้มเอกชน ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลได้ โดยเฉพาะคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ยืดระยะเวลาจ่ายเงินค่าประมูลให้ผู้ประกอบการแบบไม่เข้มงวด โดยแบ่งจ่ายเป็น 4 งวด ทั้งที่ผู้ประกอบการรับทราบเงื่อนไขนี้อยู่แล้วก่อนการประมูล
- ในเดือน เม.ย.นี้ รฟท.จะพยายามเร่งออกเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เชื่อม 3 สนามบิน ในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 260 กม. วงเงินลงทุน 2.15 แสนล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างรายละเอียดมีความคืบหน้าไปมากแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- CMAN (บมจ. เคมีแมน) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดยราคาขาย IPO 3.84 บาท/หุ้น ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของปี 2561 ด้วยวิธี DCF ได้เท่ากับ 6.10 บาท คาดว่ากำไรสุทธิปี 2561-2563 จะโตเฉลี่ยสูงถึง 44% ต่อปี
บริษัทฯเป็นผู้ดำเนินธุรกิจปูนไลม์และผลิตภัณฑ์เคมีต่อเนื่อง รายเดียวในประเทศที่มีทั้งโรงงานปูนไลม์และเหมืองแร่เป็นของตัวเอง ซึ่งมีความต้องการใช้ทั่วโลกและกระจายในหลายอุตสาหกรรม เช่น ก่อสร้าง น้ำตาล เหมืองแร่ กระดาษ และปิโตรเคมี การเติบโตของผู้ผลิตขึ้นอยู่กับการช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด ซึ่ง CMAN มีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการผลิต ที่เตาเผาสามารถใช้เชื้อเพลิงถ่านหินที่มีต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง เมื่อผนวกกับแผนการเพิ่มกำลังการผลิต และการขยายโรงงานในต่างประเทศ
- NUSA-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบมจ.ณุศาศิริ (NUSA)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวนหน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน จำนวน 693,939,896 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท อายุ 2 ปี มีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาการใช้สิทธิหุ้นละ 1 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 31 พ.ค.61 และใช้สิทธิครั้งสุดท้าย วันที่ 18 ก.พ.63
- RS (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 34 บาท ปี 61 คาดกำไรโตเด่น 185.7%YoY หนุนด้วยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่คาดยังโตดีจากการเพิ่มจำนวน Call Center เพื่อรองรับทำ Out-Bound Call มากขึ้นบวกกับธุรกิจทีวีที่คาดฟื้นตัวตามเม็ดเงินโฆษณาของดิจิตอลทีวีพร้อมเตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณารายนาทีของช่อง 8 ให้สอดคล้องกับ Rating ที่สูงขึ้น + Upside 18.3%
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 120 บาท คาดผลการดำเนินงานปี 61 เติบโตต่อเนื่อง จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคา HDPE ซึ่งจะเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบและปริมาณความต้องการใช้ที่สูงขึ้นจากจีน ในขณะที่ผลการดำเนินงานของ PTTGC ในปี 60 มีกำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ 66% โดยคาดราคา HDPE ในปี 61 จะยังคงยืนเหนือ 1,300 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคา HDPE ล่าสุด อยู่ที่ 1,355 USD/ตัน พร้อมคาด Div.Yield ประมาณ 5.0%
- SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 580 บาท ในฐานะหุ้นใหญ่ที่ยัง Laggard SET50 แม้คาดกำไรปีนี้ -3% Y-Y เป็น 5.31 หมื่นล้านบาท จากต้นทุนวัตถุดิบธุรกิจเคมีคอลที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่ในเชิง Valuation ถือว่าน่าสนใจ โดย PE2561 ยังต่ำเพียง 11.2 เท่า และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ 4% ต่อปี งวด 2H60 จ่าย 10.50 บาท/หุ้น (yield 2%) ขึ้น XD 4 เม.ย. โดย NVDR กลับมาซื้อครั้งแรกในรอบ 3 เดือนราว 700 ล้านบาท ขณะที่ ยอด Short Sales เฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีลดลงเหลือเพียง 2 ล้านหุ้นต่อวัน จากปีก่อนที่ 15 ล้านหุ้นต่อวัน ถือเป็นจิตวิทยาการลงทุนเชิงบวกในระยะสั้น

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกวันนี้ ขณะนักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟด
       ตลาดหุ้นเอเชียเปิดปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,811.98 จุด เพิ่มขึ้น 262.05 จุด, +0.83% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,299.73 จุด เพิ่มขึ้น 9.09 จุด, +0.28% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,037.35 จุด เพิ่มขึ้น 26.51 จุด, +0.24% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,488.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.70 จุด, +0.11%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,516.32 จุด เพิ่มขึ้น 3.01 จุด, +0.09% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,859.53 จุด เพิ่มขึ้น 3.14 จุด, +0.17%
ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ
นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดอย่างใกล้ชิด ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 18.34 จุด รับเงินปอนด์อ่อนหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ
        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของอังกฤษ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติดีดตัวขึ้นด้วย
ตลาดหุ้นลอนดอนได้ปัจจัยหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ปรับตัวขึ้นเพียง 2.7% ในเดือนก.พ. โดยต่ำกว่าระดับ 3.0% ในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งแตะ 3.1% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555
ONS ระบุว่า การชะลอตัวของดัชนี CPI ในเดือนก.พ. ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ขณะที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว
การอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหุ้นบริษัทข้ามชาติ โดยหุ้นบาร์เรตต์ ดิเวลล็อปเมนท์ ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นเพอร์ซิมมอน เพิ่มขึ้น 0.8%
หุ้นเบลล์เวย์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2561 เพิ่มขึ้น 17%
ส่วนหุ้นไมโคร โฟกัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ร่วงลง 1.9% หลังจากนายคริส ซู ซีอีโอของบริษัทได้ประกาศลาออกตำแหน่ง นอกจากนี้ หุ้นไมโคร โฟกัสยังได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับเงินปอนด์,ยูโรอ่อน ขณะนลท.จับตาประชุมเฟด,แบงก์ชาติอังกฤษ
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากเงินยูโรและเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ และผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพรุ่งนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 375.57 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,307.33 จุด เพิ่มขึ้น 90.31 จุด หรือ +0.74% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,252.43 จุด เพิ่มขึ้น 29.59 จุด หรือ +0.57% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,061.27 จุด เพิ่มขึ้น 18.34 จุด หรือ +0.26%
ตลาดหุ้นยุโรปได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินยูโรที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากรายงานของสถาบัน ZEW ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมีเดือนมี.ค. ร่วงลงอย่างหนัก สู่ระดับ 5.1 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2559 โดยลดลงจากระดับ 17.8 ในเดือนก.พ. และอยู่ในระดับต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 13.1
ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ปรับตัวขึ้นเพียง 2.7% ในเดือนก.พ. โดยต่ำกว่าระดับ 3.0% ในเดือนม.ค. หลังจากพุ่งแตะ 3.1% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยหุ้นบริษัทข้ามชาติ โดยหุ้นบาร์เรตต์ ดิเวลล็อปเมนท์ ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นเทเลอร์ วิมพีย์ พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นเพอร์ซิมมอน เพิ่มขึ้น 0.8%
หุ้นเบลล์เวย์ ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน พุ่งขึ้น 3.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในช่วงครึ่งแรกของปีงบการเงิน 2561 เพิ่มขึ้น 17%
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีเอ็นพี พาริบาส์ ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของบีเอชพี บิลลิตัน ขึ้นสู่ระดับ "neutral" จากระดับ "underperform"
ส่วนหุ้นไมโคร โฟกัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ ร่วงลง 1.9% หลังจากนายคริส ซู ซีอีโอของบริษัทได้ประกาศลาออกตำแหน่ง นอกจากนี้ หุ้นไมโคร โฟกัสยังได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561
หุ้น A.P. Moeller-Maersk ซึ่งเป็นบริษัทชิปปิ้งของเดนมาร์ก ปรับตัวลง 1.6% หลังจากมีรายงานว่า นายจาคอป สเตราส์โฮม ผู้บริหารฝ่ายการเงินของบริษัทประกาศว่าจะลาออกจากตำแหน่งในวันที่ 31 มี.ค.นี้
นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันพรุ่งนี้ รวมทั้งจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 116.36 จุด รับหุ้นพลังงานดีดตัว ขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด
         ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (20 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 2% อย่างไรก็ตาม หุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่สอง และได้ฉุดหุ้นโซเชียลมีเดียรายอื่นๆปรับตัวลงด้วย หลังจากรายงานว่า คณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังสอบสวนกรณีการล้วงข้อมูลผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวนมาก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,727.27 จุด เพิ่มขึ้น 116.36 จุด หรือ +0.47% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,716.94 จุด เพิ่มขึ้น 4.02 จุด หรือ +0.15% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,364.30 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด หรือ +0.27%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างซาอุดิอาระเบียและอิหร่าน รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า เวเนซุเอลาจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 0.5% หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ พุ่งขึ้น 2.11% หุ้นอนาดาร์โค ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 3.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นวาเลโร เอนเนอร์จี ปรับตัวขึ้น 1.5%
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมเฟด โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดีดตัวขึ้น 0.1% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ขยับขึ้น 0.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.2%
หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.8% และได้ฉุดหุ้นบริษัทโซเชียลมีเดียรายอื่นๆร่วงลงด้วย รวมถึงหุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 10.4% หุ้นสแนป ดิ่งลง 2.5% หลังจากคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) กำลังสอบสวนว่า การที่เฟซบุ๊กมีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงที่ทางบริษัททำไว้กับทาง FTC ในปี 2554 หรือไม่ ทางด้านนายดาเมียน คอลลินส์ สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ ได้ส่งหนังสือฉบับหนึ่งถึงนายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก เพื่อให้เขาเข้าชี้แจงต่อทางการอังกฤษ กรณีที่เฟซบุ๊กมีความเกี่ยวข้องกับแคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง
รายงานดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่มีข่าวว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคนโดยไม่ได้รับอนุญาต และเอื้อประโยชน์ต่อทีมหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559
หุ้นออราเคิล ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 9.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 94.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2560, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.พ. และยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ.
OO6762

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!