WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับฐาน ตามตลาดตปท. วิตกสงครามการค้า-การเมืองสหรัฐฯถ่วงตลาด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับฐาน หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงมากเมื่อคืนนี้ จากข่าวที่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร และคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดเผยแผนดังกล่าวในสัปดาห์หน้า ซึ่งกรณีนี้ทำให้ตลาดกลับมาวิตกเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่
สำหรับในส่วนของประเทศไทย อาจจะได้รับผลกระทบต่อความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในไทยที่จะชะลอตัวลง เนื่องจากปัจจุบันไทยมีการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางส่วนไปประกอบที่จีน และจีนเป็นผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ได้
นอกจากนี้เมื่อคืนนี้ยังมีข่าวการปลดรมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯด้วย ทำให้ตลาดอาจไม่มั่นใจต่อนโยบายด้านต่างประเทศของสหรัฐฯว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ด้วย ส่วนกรณีตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ ที่ออกมาเมื่อคืนนี้ นับว่าอยู่ในระดับไม่สูงเกินไปและสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ ก็ช่วยลดความกังวลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี่ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
ส่วนทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ ยังนับว่าอยู่ในระดับไม่มากนัก และตลาดก็รับรู้เรื่องการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 11.17 ล้านบาร์เรล/วันภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯแซงหน้ารัสเซียกลายเป็นประเทศที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่อยู่ในระดับไม่สูงมากนัก ทำให้ลดแนวโน้มต่อการขึ้นดอกเบี้ย กดดันให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ซึ่งน่าจะยังเป็นผลดีต่อทิศทางราคาน้ำมันอยู่
อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับฐานของดัชนีหุ้นไทยในวันนี้จะยังไม่น่าหลุดระดับ 1,800 จุด หลังตลาดหุ้นเพิ่งฟื้นตัวขึ้นจากที่ปรับลดลงไปมากก่อนหน้านี้ ขณะที่แรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์น่าจะไม่มีผลต่อดัชนีมากนัก
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,800 และ 1,794 จุด ส่วนแนวต้าน อยู่ที่ 1,815 และ 1,820 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,007.03 จุด ลดลง 171.58 จุด(-0.68%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด (-0.64%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด (-1.02%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 203.11 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 11.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 279.66 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 31.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 17.06 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 12.34 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.54 จุด,ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 1.96 จุด,ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 10.46 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 มี.ค.61) 1,809.90 จุด เพิ่มขึ้น 9.58 จุด (+0.53%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 349.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 มี.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 60.71
ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 มี.ค.61) ที่ 7.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.22 แนวโน้มแข็งค่า หลังมีแรงขายดอลล์จากวิตกการเมืองสหรัฐฯกรณีปลดรมว.ต่างประเทศ
- ครม. อนุมัติหลักการ พ.ร.ก.คุมลงทุนเงินดิจิทัล หวังสกัดช่องทางฟอกเงิน ฉ้อโกงประชาชน พร้อมไฟเขียวเก็บภาษีกำไร-ปันผลจากเงินลงทุน เผยอยู่ระหว่างรอกฤษฎีกาพิจารณารายละเอียด คาดสัปดาห์หน้าชัด เคาะนิยามสินทรัพย์ดิจิทัล 3 ประเภท สั่งผู้เกี่ยวข้องขึ้นทะเบียน ด้าน ก.ล.ต. เผยเตรียมประกาศรองรับแล้ว รอแค่กฎหมาย ด้าน"บีไอเอส" เตือนการออกเงินดิจิทัลรวมถึง "บิทคอยน์" โดยธนาคารกลางอาจมาพร้อมความเสี่ยงถูกฉ้อโกงแม้จะสามารถปฏิวัติระบบการเงินโลกได้ก็ตาม
- รมว.อุตสาหกรรม เผยผลพวง พ.ร.บ.อีอีซีผ่าน สนช.จ่อคลอดเร็วๆ นี้ส่งผลให้นักลงทุนไทย-เทศเริ่มขยับเดินหน้าตัดสินใจการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายชัดเจนแล้ว ขณะที่บางรายยังหารือกันต่อเนื่อง โดยคาดว่ากลุ่มอาลีบาบาจะสรุปพื้นที่และแผนลงทุนอีคอมเมิร์ซปาร์กสิ้นเดือนนี้ ขณะที่เลขาธิการกนศ. ระบุว่าขณะนี้กำลังเร่งหาพื้นที่แปลงใหญ่ขนาด 600-800 ไร่ ตามที่บริษัท เอ็กซอนโมบิล คอร์ปอเรชั่น ต้องการเพื่อลงทุนขยายโรงกลั่นและโรงแยกปิโตรเคมี มูลค่า 2 แสนล้านบาท ตามที่ได้หารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไว้
- ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงาน กสทช. คืนหนังสือค้ำประกันธนาคารกรุงเทพ 16 ฉบับ ลงวันที่ 10 ก.พ. 2557 จำนวนกว่า 1,748.8 ล้านบาท ที่บริษัท ไทยทีวี โดยนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือติ๋ม ทีวีพูล เจ้าของช่อง Loca และช่องไทยทีวี ยื่นฟ้องคดีขอคืนเงินค่าธรรมเนียม ใบอนุญาตงวดที่ 3 และงวดที่เหลือ ซึ่งนับเป็นการสร้างบรรทัดฐานเปิดทางให้ทีวีดิจิทัลสามารถคืนใบอนุญาตได้ แต่เรียกค่าเสียหายไม่ได้
- ครม.เห็นชอบรายละเอียดร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ (งบกลางปี) พ.ศ. 2561 หลังจากที่ ครม.อนุมัติกรอบงบประมาณดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2561 ในวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท แยกเป็นส่วนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นเป็นจำนวนไม่เกิน 100,358 ล้านบาท และเพื่อชดใช้เงินคงคลังเป็นจำนวน 49,642 ล้านบาท โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะนำเสนอเข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในวันที่ 22 มี.ค. 2561 ต่อไป
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ มั่นใจมาร์เกตแคปพุ่งเป็น 20-22 ล้านล้านบาท และวอลุ่มเทรดแตะ 100,000 ล้านบาทในปี 64 เผยช่วง 4 ปี มาร์เกตแคปหุ้น IPO เพิ่มปีละ 600,000 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 73,617 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคลในประเทศเฉลี่ย 32,372 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ 24,319 ล้านบาท นักลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ 8,927 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศ 7,999 ล้านบาท และมีมาร์เก็ตแค็ป รวม 18.7 ล้านล้านบาท
- บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด หรือ MI เปิดเผยว่า ปรับเป้าเม็ดเงินอุตสาหกรรมโฆษณาปี 2561 อาจโตแค่ 6% จากคาดการณ์เดิม 10% หลังพบผู้ประกอบการยังทุ่มงบทำโปรโมชั่นและออนไลน์

*หุ้นเด่นวันนี้

- SCC (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 530 บาท หลังมองการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มใน BMP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายท่อและข้อต่อ PVC ชั้นนำทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม จะเป็นผลดีกับ SCC ในการที่มีอำนาจในการควบคุมและบริหาร BMP ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยก่อนหน้านี้ SCC เองได้มีการศึกษาโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์เวียดนามซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในระหว่างการสรุปจัดหาแห่งเงินกู้ ดังนั้นการเข้าซื้อ BMP ในครั้งนี้จะช่วยให้ SCC ได้มีโอกาสเข้าในทำการตลาดในประเทศเวียดนามได้อย่างเต็มตัวและอาจจะมี Synergy กับโครงการปิโตรฯคอมเพล็กซ์ ในอนาคตอีด้วย สำหรับราคาซื้อหุ้นเพิ่มใน BMP ที่ 3.23 พันล้านบาท ค่อนข้างที่จะเหมาะสม โดยผลประกอบการเมื่อปี 2559 BMP มีกำไรสุทธิ 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 897 ล้านบาท ซึ่งเมื่อคิดเป็น P/E ที่ SCC ซื้อจะอยู่ประมาณ 12 เท่า เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของ BMP ที่ 14 เท่า
- TRUE (ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 8.10 บาท โดยมองปัจจัยบวกจากกระแสเงินสดอิสระที่กลับมาเป็นบวกและเงินปันผลที่สูงขึ้น แม้ TRUE จะขาดทุนจากการดำเนินงานปกติสูงขึ้น yoy ในปี 60 แต่รายได้และ EBITDA ยังเติบโตสูง ขณะที่สถานการณ์การกำกับดูแลยังเป็นบวก เพราะการประมู ลและดีล 2.3GHz อาจล่าช้าและรัฐอาจยอมขยายระยะเวลาการชำระค่าใบอนุญาต 900MHz อย่างไรก็ตามปรับลดประมาณการในปี FY61-63 เพื่อรับรู้ดีลการซื้อและเช่ากลับสินทรัพย์ แต่ได้ปรับราคาเป้าหมายในปีนี้ตามวิธี SOP ขึ้น 8% สะท้อนมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของ DIF
- AH (เมย์แบงก์ฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 39 บาท จากการที่ผู้บริหาร AH ตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2561 จะเติบโตได้ 3-5% ตามอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ และ แรงหนุนจากฐานยอดขายในต่างประเทศ การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้การมีพันธมิตร SGAH จะช่วยสร้าง Global Footprints มีศักยภาพในอนาคตที่จะขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศ อินเดีย สหรัฐ และยุโรป โดยคาดกำไรปกติในปี 2561 จะเติบโตต่อเนื่อง หุ้น AH มีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ดี 3.5-3.7% ซื้อขาย P/E ต่ำ 9.5 เท่า

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ วิตกข่าว ทรัมป์ ปลดรมว.ต่างประเทศ
          ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืน โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,764.99 จุด ลดลง 203.11 จุด, -0.92% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,298.67 จุด ลดลง 11.57 จุด, -0.35% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,321.79 จุด ลดลง 279.66 จุด, -0.88% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,063.73 จุด ลดลง 31.90 จุด, -0.29% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,477.43 จุด ลดลง 17.06 จุด, -0.68% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,541.39 จุด ลดลง 12.34 จุด, -0.35% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,862.49 จุด ลดลง 1.54 จุด, -0.08%
ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์ของโพลิติโครายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยจะพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยคาดว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยแผนการดังกล่าวในสัปดาห์หน้า

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 75.98 จุด วิตกปอนด์แข็งฉุดผลประกอบการบริษัทข้ามชาติ
       ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งการแข็งค่าของเงินปอนด์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด หรือ -1.05%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลง เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้ โดยเมื่อคืนนี้ เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3986 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3848 ดอลลาร์
ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนั้น มาจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนี CPI เดือนก.พ.ขยับขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนี CPI สหรัฐทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
หุ้นอันโตฟากัสตา ดีดตัวขึ้น 3% หลังจากผู้ประกอบการเหมืองทองแดงรายนี้ได้เปิดเผยกำไรสุทธิปีงบการเงิน 2560 ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า
หุ้นไดเร็คไลน์ อินชัวรันซ์ ร่วงลง 2.5% หลังจากดอยซ์แบงก์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไดเร็คไลน์ ลงสู่ระดับ "hold" จากระดับ "buy"
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) ให้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และแต่งตั้งนางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ กังวลเงินยูโร,ปอนด์แข็งค่าฉุดผลประกอบการ
         ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ได้ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ โดยทั้งสกุลเงินยูโรและปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ.ของสหรัฐชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1% ปิดที่ 375.47 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,221.03 จุด ลดลง 197.36 จุด หรือ -1.59% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,242.79 จุด ลดลง 33.92 จุด หรือ -0.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,138.78 จุด ลดลง 75.98 จุด หรือ -1.05%
การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ และบริษัทส่งออกของยุโรป โดยเมื่อคืนนี้ ทั้งยูโรและเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ การชะลอตัวของดัชนี CPI สหรัฐได้ลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับปัจจัยกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่ โดยจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่รับตำแหน่งดังกล่าว
หุ้น TP ICAP ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ของยุโรป ร่วงลง 10.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีลดลงในปีงบการเงิน 2560 หุ้นอิลเลียด เอสเอ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารของฝรั่งเศส ดิ่งลง 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิทรงตัวในปีงบการเงิน 2560
หุ้นไดเร็คไลน์ อินชัวรันซ์ ร่วงลง 2.5% หลังจากดอยซ์แบงก์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไดเร็คไลน์ ลงสู่ระดับ "hold" จากระดับ "buy"
หุ้น RWE ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภครายใหญ่ของยุโรป ปรับตัวลง 2.9% หลังจากที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นในระหว่างวัน จากการที่บริษัทสามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในปีงบการเงิน 2560
ส่วนหุ้น E.ON ซึ่งเป็นบริษัทสาธารณูปโภคของเยอรมนี ทะยานขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และคาดว่าจะปรับลดจำนวนพนักงานลง 5 พันตำแหน่ง
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 171.58 จุด หลังหุ้นการเงิน-เทคโนฯดิ่ง,วิตกข่าวทรัมป์ปลดรมว.ต่างประเทศ
         ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังจากเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยพุ่งเป้าไปที่สินค้าในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและการสื่อสาร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,007.03 จุด ร่วงลง 171.58 จุด หรือ -0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,765.31 จุด ลดลง 17.71 จุด หรือ -0.64% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,511.01 จุด ลดลง 77.31 จุด หรือ -1.02%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และชะลอตัวจากระดับ 0.5% ในเดือนม.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
แต่จากนั้นไม่นาน ดาวโจนส์ก็ร่วงลงสู่แดนลบ หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศปลดนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ หลังเกิดความขัดแย้งด้านนโยบายต่างประเทศหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา โดยปธน.ทรัมป์ได้โยกนายไมค์ ปอมเปโอ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (CIA) เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศแทนนายทิลเลอร์สัน และให้นางจีน่า แฮสเปล รองผอ.CIA ขึ้นเป็นผอ.CIA คนใหม่
ทั้งนี้ ข่าวการปลดนายทิลเลอร์สันส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายต่างประเทศสหรัฐ โดยเฉพาะในด้านนโยบายเกี่ยวกับเกาหลีเหนือและอิหร่าน
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากเว็บไซต์ของโพลิติโครายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มีแผนที่จะออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะพุ่งเป้าไปที่สินค้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร โดยคาดว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยแผนการดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
หุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1.4% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 0.8%
ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.4% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ดิ่งลง 2.2% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม ปรับตัวลง 0.6% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.7%
หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 5% หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี เพื่อสกัดข้อเสนอที่บริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นบริษัทเซมิคอนดัคเตอร์รายใหญ่ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในสิงคโปร์ ได้เสนอซื้อกิจการของควอลคอมม์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นเมซี อิงค์ พุ่งขึ้น 3.7% และหุ้นโคห์ล คอร์ป ปรับตัวขึ้น 2.7%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20-21 มี.ค. ขณะที่ CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 86% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในปีนี้ และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.พ., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์

OO6402

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!