WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

12 1ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาครับ Sentiment ลบสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม
         นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ตอบรับ Sentiment ลบจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ซึ่งอาจเป็นนโยบายกีดกันการค้า คาดว่าจะมีผลในสัปดาห์หน้า ทำให้หลายประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐค่อนข้างมาก ส่วนไทยไม่ได้เป็นผู้ส่งออกเหล็กไปสหรัฐฯเป็นหลัก
อนึ่ง สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ
นอกจากนั้น ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลง 3 วันติดต่อกันด้วย เป็นแรงกดดันต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราคงปรับตัวลงไม่มาก และอาจแข็งแกร่งกว่าภูมิภาค เนื่องจากปัจจัยในประเทศยังสนับสนุนภาพรวมการลงทุน เช่น เศรษฐกิจไทยยังเติบโตได้ดี และมีการจ่ายปันผลค่อนข้างดี ประกอบกับกำหนดจะจัดการเลือกตั้งไม่เกินเดือน ก.พ.62
พร้อมให้แนวรับ 1,820-1,825 ถัดไป 1,810 จุด ส่วนแนวต้าน 1,840 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 มี.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,608.98 จุด ร่วงลง 420.22 จุด (-1.68%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,677.67 จุด ลดลง 36.16 จุด (-1.33%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,180.56 จุด ลดลง 92.45 จุด (-1.27%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 433.15 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 384.49 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 8.34 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 50.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 25.30 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 34.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 66.50 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 3.05 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 20.79 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ก.พ.61) 1,830.13 จุด ลดลง 0.26 จุด (-0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,918.10 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 มี.ค.61) ปิดที่ระดับ 60.99
ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 65 เซนต์ หรือ 1.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 มี.ค.61) ที่ 7.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.46 ตลาดกังวลสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม-จับตาเงินเฟ้อไทย
- ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยเดือน ม.ค.2561 อยู่ที่ 113.7 มีการเติบโตอยู่ที่ 9.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 โดยสาขาบริการที่สำคัญมีการเติบโตที่ดีทั้งก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การขายปลีก
- รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.เป็นต้นไป ตลท.ได้ปรับรอบระยะเวลาชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยจากปัจจุบันอยู่ที่ 3 วันทำการ (T+3) เป็น 2 วันทำการ (T+2) หลังจากได้เตรียมความพร้อม ทั้งการปรับปรุงเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และการทดสอบระบบร่วมกันทั้งอุตสาหกรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะช่วยให้นักลงทุนได้รับเงินและหุ้นเร็วขึ้นอีก 1 วัน และสามารถบริหารพอร์ตการลงทุนระหว่างประเทศได้สะดวกขึ้น
- รมว.พาณิชย์ เผยในปี 61 มีแผนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขยายการค้าและการลงทุนตามนโยบายหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ ของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจาการค้ากับต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น ฮ่องกง, รัสเซียและอิหร่านเพื่อกระชับความสัมพันธ์และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทยด้วย
- ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 61 นี้ ททท.คาดว่าจะมีคนเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากหลังจากที่ประชุม ครม.ครั้งล่าสุดได้อนุมัติวันหยุดราชการเพิ่มอีก 1 วัน ทำให้ช่วงเทศกาลนี้มีวันหยุดยาวถึง 5 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย.61 โดยคาดว่าจะมีคนเดินทางท่องเที่ยวมากกว่า 3,010,300 คน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 12.10% จากปีก่อนที่มีคนเดินทาง 2,685,400 คน/ครั้ง สามารถสร้างรายได้มากกว่า 10,442.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.59% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9,033.84 ล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 220 บาท NVDR ซื้อหนักสุดในรอบ 6 เดือน ในงวด ก.พ.18 ที่ 1.9 พันลบ. ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีสูงถึง 2.7 พันลบ. คิดเป็น 49% ของยอดซื้อสะสมทั้งปีก่อนที่ 5.4 พันลบ อีกทั้งยอด Short Sales ยังต่ำสุดในรอบ 8 เดือนที่ 412 ลบ.คิดเป็นครึ่งหนึ่งของค่าเฉลี่ยรายเดือนช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยน่าสนใจสุดในกลุ่มเพราะมีคลื่นความถี่พร้อม จึงไม่ต้องกังวลกับความไม่แน่นอนในการประมุลคลื่นขณะเดียวกัน การแข่งขันที่เริ่มลดลงยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรม และเอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้นด้วย พร้อมคาดกำไรปีนี้ +9% Y-Y อยู่ที่ 3.3 หมื่นลบ. โตครั้งแรกในรอบ 3 ปี
- QH (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 3.85 บาท รายงานกำไรสุทธิ Q4/60 อยู่ที่ 905 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 19.7% QoQ แต่เติบโต 33.6% YoY และทั้งปี 60 มีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 3.46 พันล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 17.4% YoY และสูงกว่าที่คาด 11.5% ที่ 3.1 พันล้านบาท โดยระดับ Gross Profit Margin อยู่ที่ 35% และสามารถปรับลดค่าใช้จ่าย SG&A ลงได้ต่ำกว่าที่คาดถึง 7.5% และเป็นการปรับตัวลดลงถึง 18% YoY พร้อมปรับคาดกำไรสุทธิปี 61 ลง 4% เป็น 3.56 พันล้านบาท แต่ปรับเพิ่มระดับ Gross Profit Margin ขึ้น และปรับลดค่าใช้จ่าย SG&A ลง 12.8%
- TPIPL (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 3 บาท ในแง่เฉพาะมูลค่าเงินลงทุน 70% ใน TPIPP ที่ราคาปิด 7.25 บาทจะมีค่าถึง 42,775 ล้านบาท (7.25*5,900) หรือ คิดเป็น 2.12 บาทต่อหุ้น มากกว่าราคาหุ้น TPIPL ในแง่ราคาหุ้นระยะสั้นถูกกดดันจาก Q1/61 แนวโน้มขาดทุนต่อ แต่จะเริ่มเห็นพัฒนาการด้านบวกหลังโรงไฟฟ้าเดินเครื่องเต็มที่ Q2/61 ช่วย TPIPL ฟื้นมีกำไร ในปี 61 จะรับรู้โรงไฟฟ้ารวม 440 MW ในครึ่งปีหลัง หรือเพิ่มขึ้น 220MW ธุรกิจไฟฟ้ากำไรเพิ่มเป็น 4,267 ล้านบาท เติบโต 65% ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้างได้แรงหนุนโครงการภาครัฐบาลมากขึ้นครึ่งปีหลัง แต่คาดยังขาดทุนต่อ รวมแล้วในปีนี้กำไรจะดีขึ้นเป็น 1,544 ล้านบาท ลดลงจากประมาณการเดิม 3,008 ล้านบาท แต่ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน 1,260 ล้านบาท

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงถ้วนหน้า วิตกสงครามการค้าหลัง ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก
          ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วงลงถ้วนหน้าในวันนี้ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,611.10 จุด ลดลง 433.15 จุด, -1.40% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,339.98 จุด ลดลง 384.49 จุด, -1.77% ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียเปิดวันนี้ที่ 6,597.71 จุด ลดลง 8.34 จุด, -0.13% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,414.94 จุด ลดลง 50.83 จุด, -0.60% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,248.45 จุด ลดลง 25.30 จุด, -0.77% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,479.54 จุด ลดลง 34.31 จุด, -0.98%ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,719.29 จุด ลดลง 66.50 จุด, -0.62% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,857.81 จุด ลดลง 3.05 จุด, -0.16% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,406.57 จุด ลดลง 20.79 จุด, -0.86%
ปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผู้บริหารของบริษัทยูเอส สตีล คอร์ป และเซ็นจูรี อลูมิเนียม โดยทรัมป์เชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ และจะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนว่า จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศใดบ้าง และจะดำเนินมาตรการดังกล่าวเป็นเวลานานเท่าใด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 56.27 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย, PMI อังกฤษดิ่งหนัก
          ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.พ.
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,175.64 จุด ลดลง 56.27 จุด หรือ -0.78%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เตือนเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในระหว่างการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.2 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนม.ค.
หุ้นดับบลิวพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ ดิ่งลง 8.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายตลอดปีงบการเงิน 2561
หุ้นเรนโทคิล อินนิเชียล ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารจำกัดแมลง ร่วงลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2560 ที่ระดับ 986.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ผู้จำหน่ายสินค้าหรูชื่อดัง ดีดตัวขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทได้แต่งตั้งริคคาร์โด ทิสคี ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ให้ดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็คเตอร์
หุ้นสกาย ปรับตัวขึ้น 1.8% หลังจากสกายได้บรรลุข้อตกลงกับบริษัทเน็ตฟลิกซ์ เพื่อให้บริการสตรีมมิ่งในยุโรป

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกผลประกอบการ, PMI ภาคการผลิตชะลอตัว
         ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงบริษัทคาร์ฟูร์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของหลายประเทศในยุโรปที่ชะลอตัวลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.3% ปิดที่ 374.86 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,190.94 จุด ลดลง 244.91 จุด หรือ -1.97% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,262.56 จุด ลดลง 57.93 จุด หรือ -1.09% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,175.64 จุด ลดลง 56.27 จุด หรือ -0.78%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจาก นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้เตือนเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อในระหว่างการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในหลายประเทศของยุโรปที่ชะลอตัวลง โดยไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.2 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน จากระดับ 55.3 ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของฝรั่งเศส ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.9 ในเดือนก.พ. จากระดับ 58.4 ในเดือนม.ค. และลดลงจากตัวเลขประมาณการเบื้องต้นเดือนก.พ.ที่ระดับ 56.1 ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 60.6 จากระดับ 61.1 ในเดือนม.ค
หุ้นดับบลิวพีพี ซึ่งเป็นบริษัทโฆษณารายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 8.2% หลังจากบริษัทปรับลดยอดขายตลอดปี 2561
หุ้นคาร์ฟูร์ ดิ่งลง 6% หลังจากบริษัทประกาศลดการจ่ายเงินปันผล อันเนื่องมาจากการขาดทุนเป็นวงเงินสูงถึง 652.7 ล้านดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2560
หุ้น Beiersdorf ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของเยอรมนี ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในปีงบการเงิน 2560 มูลค่า 841.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นเรนโทคิล อินนิเชียล ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารจำกัดแมลง ร่วงลง 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในปีงบการเงิน 2560 ที่ระดับ 986.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ผู้จำหน่ายสินค้าหรูชื่อดัง ดีดตัวขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทได้แต่งตั้งริคคาร์โด ทิสคี ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ให้ดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็คเตอร์

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 420.22 จุด วิตกข่าวทรัมป์เตรียมเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก,อลูมิเนียม
        ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า นโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐอาจก่อให้เกิดสงครามการค้า และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัทของสหรัฐด้วยเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,608.98 จุด ร่วงลง 420.22 จุด หรือ -1.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,677.67 จุด ลดลง 36.16 จุด หรือ -1.33% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,180.56 จุด ลดลง 92.45 จุด หรือ -1.27%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กในอัตรา 25% และอลูมิเนียม 10% ในสัปดาห์หน้า โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ
การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธุรกิจที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งรวมถึงผู้บริหารของบริษัทยูเอส สตีล คอร์ป และเซ็นจูรี อลูมิเนียม โดยทรัมป์เชื่อว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องอุตสาหกรรมของสหรัฐ และจะช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง
ดาเนียล อิเคนสัน นักวิเคราะห์จากสถาบันคาโต และนักวิเคราะห์คนอื่นๆ ต่างก็ออกมาแสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า มาตรการดังกล่าวของทรัมป์จะกลับมาสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตของสหรัฐเอง เนื่องจากบริษัทสหรัฐจะต้องเผชิญกับการตอบโต้จากบริษัทคู่แข่งต่างชาติ นอกจากนี้ มาตรการดังกล่าวจะผลักดันให้ราคาสินค้าและการบริการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคของสหรัฐ
นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันอังคาร โดยได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อ และส่งสัญญาณว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง
ส่วนในการแถลงรอบที่ 2 เมื่อวานนี้ นายพาวเวลได้ตอบข้อซักถามของสมาชิกคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐที่ว่า เหตุใดเฟดจึงยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นระดับเป้าหมายของเฟด โดยนายพาวเวลตอบว่า "ในขณะนี้ เรามีอัตราการว่างงานอยู่ที่ระดับ 4.1% ซึ่งสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็คือ เราดำเนินการล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งหากเฟดไม่ดำเนินการก่อนที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และปล่อยให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นก่อน ก็จะทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย"
หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ร่วงลง หลังจากทรัมป์ประกาศแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม โดยหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ดิ่งลง 4% หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 3% หุ้นเฟียต ไคร์สเลอร์ ออโต้โมบิล ดิ่งลง 2.7%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตเหล็กและอลูมิเนียมดีดตัวขึ้นจากถ้อยแถลงดังกล่าว โดยหุ้นยูเอส สตีล พุ่งขึ้น 5.8% หุ้นนูคอร์ คอร์ป พุ่งขึ้น 3.3% และหุ้นเซ็นจูรี อลูมิเนียม ทะยานขึ้น 7.5%
หุ้นแอล แบรนด์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดังอย่าง "Victoria’s Secret " ร่วงลงเกือบ 14% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
หุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ร่วงลง 3.3% และหุ้นโคห์ล คอร์ป ดิ่งลง 5.1% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เช่นกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สำหรับภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 55.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 55.5 ในเดือนม.ค. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างทรงตัวในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 210,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512
--อินโฟเควสท์
OO6007

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!