WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

19ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นปรับขึ้นตามตลาดตปท.หลัง Bond Yield นิ่ง-ราคาน้ำมันขึ้น, เก็งงบฯ-ปันผล
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้จะปรับตัวขึ้น เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวกกัน ยกเว้นตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลง ซึ่งเป็นไปตามตลาดสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นเกือบ 400 จุด หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯเริ่มนิ่ง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ด้วย หลังจากที่ซาอุดิอาระเบียจะลดกำลังการผลิตในไตรมาส 1/60 ให้ต่ำกว่าเพดานการผลิต ซึ่งตรงนี้จะทำให้เกิดความสมดุลมากขึ้น
ส่วนบ้านเราก็คงจะมีการเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการของบริษัท และการจ่ายปันผล อีกทั้งวันนี้ให้จับตาประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่จะแถลงต่อสภาคองเกรส ซึ่งเป็นการให้ความเห็นเป็นครั้งแรกต่อสาธารณชน
พร้อมให้แนวรับ 1,820-1,825 จุด ส่วนแนวต้าน 1,840-1,850 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,709.27 จุด พุ่งขึ้น 399.28 จุด (+1.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,779.60 จุด เพิ่มขึ้น 32.30 จุด (+1.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,421.46 จุด เพิ่มขึ้น 84.07 จุด (+1.15%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 238.04 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 292.25 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 59.46 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 16.43 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.12 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.07 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 7.70 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.พ.61) 1,834.18 จุด เพิ่มขึ้น 26.12 จุด (+1.44%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 96.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 63.91
ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.พ.61) ที่ 7.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.27 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.20-31.30 จับตาประธานเฟดคนใหม่แถลงนโยบายรอบครึ่งปีคืนนี้
- "บอร์ดอีอีซี" เคาะรายละเอียดรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา 220 กม. วงเงินลงทุน 2 แสนล้านจ่อเสนอ ครม.เริ่มเปิดประมูลนานาชาติ มี.ค.นี้ มั่นใจลงนามเอกชนปีนี้พ่วงโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ หวังลดหนี้ รฟท. เคาะผลตอบแทนลงทุนกว่า 17% รวม 7 แสนล้าน เคาะค่าโดยสารมักกะสันอู่ตะเภา 330/เที่ยว
- สศค. ชี้เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกส่อโตเกินคาด หลัง 3 เครื่องชี้วัดเดือนม.ค.สูงกว่าที่ประเมิน "ส่งออก" โตสุดรอบ 62 เดือน ขณะการบริโภคในประเทศเริ่มฟื้นชัด ด้านความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมพุ่งสูงสุดรอบ 36 เดือน ส่วนเศรษฐกิจต่างจังหวัดโตทุกภูมิภาค
- การประชุมคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) วันที่ 8 มี.ค.นี้ จะมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการเสนอขายเหรียญดิจิทัลให้คนทั่วไป (ไอซีโอ) ขณะนี้ทาง ก.ล.ต.กำลังเร่งร่างรายละเอียดให้รอบคอบเพื่อให้กฎเกณฑ์ที่จะออกมาควบคุมไอซีโอสามารถปฏิบัติได้จริง และไม่เป็นอุปสรรคต่อภาคธุรกิจ โดย ก.ล.ต.มุ่งเน้นไปที่การคุ้มครอง นักลงทุนรายย่อย
- ตลาดหลักทรัพย์คาดจำนวนผู้ลงทุนปีนี้ ทะลุ 1 ล้านคนเป็น ครั้งแรกอานิสงส์ตลาดหุ้นคึกคัก รับเป็นนักลงทุนหน้าใหม่แห่เทรด เดินหน้าให้ความรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ ด้าน "เอสบีไอ" รับทำการตลาดในไทยไม่ง่าย เพราะ ผู้ลงทุนต้องการมากกว่าราคาถูก เร่งปรับกลยุทธ์คาดเคาะแผนได้เม.ย.นี้
- อสังหาฯแข่งเดือดจับกลุ่มลูกค้าเกรดกลาง-บน แย่งซื้อที่ดินกลางกรุงดันราคาพุ่งสูงสุดวาละ 3 ล้าน ที่ตาบอดก็เอา เหตุตลาดล่างยังเจอปัญหาลูกค้ากู้ไม่ผ่านแบงก์เข้มหนี้ครัวเรือนยังสูง เปิดสถิติราคาบ้านในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี 58 ราคาขยับขึ้น 105%
*หุ้นเด่นวันนี้
- ABM (บมจ. เอเชีย ไบโอแมส) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มทรัพยากร โดยเสนอราคาขาย IPO 1.80 บาท/หุ้น บล.ทรีนีตี้ ประเมินราคาเป้าหมายไว้ที่ 2.51 บาท/หุ้น ประเมินปี 2560 จะเป็นจุดต่ำสุดคาดกำไรสุทธิราว 14 ล้านบาท เนื่องจากการเร่งระบายสินค้ากะลาปาล์มจากมาตรการภาษีส่งออกในอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะกลับมาเป็นภาวะปกติในปีนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 38 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 49 ล้านบาท โดย คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย(CAGR) ปี 2560-2562 ราวร้อยละ 89.8 ต่อปี
ปัจจุบัน ABM ประกอบธุรกิจจัดหาและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวมวล (Biomass Fuel) หลากหลายประเภท ซึ่งเชื้อเพลิงนี้สามารถให้ความร้อนได้ดี ได้แก่ กะลาปาล์ม ไม้สับและส่วนอื่นๆของไม้ ขี้กบ ขี้เลื่อยและฝุ่นไม้ ชีวมวลอัดแท่ง และเชื้อเพลิงชีวมวลอื่น เช่น แกลบ ซังข้าวโพด เหง้ามันสับ เป็นต้น โดยบริษัทมีคลังสินค้า 8 แห่ง ทั้งในและต่างประเทศ สามารถเก็บสินค้าได้มากกว่า 2.4 แสนตัน อีกทั้งมีบริการขนส่งด้วยกองรถบรรทุกของกลุ่มบริษัทในเครือ และการว่าจ้างผู้ขนส่งภายนอก รองรับความต้องการของลูกค้าได้ทั่วประเทศ
- RJH (เคทีบี) "ซื้อ" เป้า 37.00 บาท รายงานกำไรสุทธิ Q4/60 ที่ 56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% YoY แต่ลดลง 22% QoQ ดีกว่าตลาดคาด 7% แต่ใกล้เคียงกับที่คาด โดยการเติบโต YoY เนื่องจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากการปรับค่าบริการของ สปส. และจำนวนคนไข้เงินสดเพิ่มขึ้น รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง สำหรับรวมทั้งปี 2560 มีกำไรสุทธิ 231 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% YoY ส่วนปี 2561 ปรับกำไรสุทธิขึ้น 4% จากประกาศเข้าถือหุ้น RRH เพิ่มอีก 46% เป็นถือ 100% ซึ่งมองเป็นบวก เนื่องจาก RRH มีผลการดำเนินงานดี โดยปี 2560 มีกำไรปกติที่ 27 ล้านบาท ซึ่งคาดปี 2561 จะมีกำไรปกติ (สุทธิ) 40 ล้านบาท เติบโต 48% YoY ดังนั้นการเข้าถือหุ้นเพิ่มจะทำให้กำไรปกติของ RJH ในปี 2561 เติบโตได้ 21% YoY
- ADVANC (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 219 บาท ยังคงอันดับหนึ่งได้อย่างต่อเนื่องทั้งในด้านส่วนแบ่งทางการตลาดและรายได้รวม อีกทั้งยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้านเงินปันผลของรอบผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2560 จ่ายในวันที่ 26 เมษายน 2561 ที่ 3.57 บาท/หุ้น (Yield 1.8%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 เมษายน 2561 สำหรับปี 61 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมโครงข่าย) เพิ่มขึ้น 7-8%YoY โดย 2% มาจาก CSL ที่จะรับรู้รายได้เต็มปีซึ่งส่วนเพิ่มนี้มาจากกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งเป็นลูกค้าเดิมของ CSL ทั้งนี้เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าองค์กรสำหรับ ADVANC อีกด้วย โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ลูกค้าองค์กรจากเดิม 9% เพิ่มเป็น 25% ใน 3 ปี สำหรับลูกค้ากลุ่มอื่น ADVANC ยังคงมุ่งเน้นที่จะเพิ่มลูกค้าที่มีคุณภาพโดยเฉพาะกลุ่ม Post-Paid
- EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 7 บาท กำไร Q4/60 แกร่งกว่าคาด -41% Q-Q, +29% Y-Y เป็น 22 ล้านบาท จากรายได้ที่โตดีและค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่ำกว่าคาด ทำให้กำไรทั้งปี 2560 จบที่ 84 ล้านบาท +11% Y-Y เป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โมเมนตัมยังดีต่อในปี 2561 โดยเฉพาะ Q1/61 ที่ได้อานิสงส์จากโรคท้องร่วงระบาด ระยะกลาง-ยาวได้ประโยชน์จากการเริ่มเปิดศูนย์ผู้มีบุตรยาก (EKH ถือหุ้น 57%)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์พุ่งต่อเนื่อง
         ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ ขานรับตลาดพันธบัตรสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,391.67 จุด เพิ่มขึ้น 238.04 จุด, +1.07% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,328.67 จุด ลดลง 0.90 จุด, -0.03% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,790.85 จุด เพิ่มขึ้น 292.25 จุด, +0.93% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,896.16 จุด เพิ่มขึ้น 59.46 จุด, +0.55% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,474.08 จุด เพิ่มขึ้น 16.43 จุด, +0.67% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,566.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด, +0.31% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,867.15 จุด เพิ่มขึ้น 7.07 จุด, +0.38% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,507.68 จุด เพิ่มขึ้น 7.70 จุด, +0.09%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คนใหม่ ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์และตอบข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยการกล่าวแถลงการณ์ของนายพาวเวลทั้งในวันนี้และวันพฤหัสบดีจะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับวอลล์สตรีทแข็งแกร่ง นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงประธานเฟด
         ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) โดยการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคึกคัก ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันนี้ และวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 383.06 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,344.26 จุด เพิ่มขึ้น 26.89 จุด หรือ +0.51% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,527.04 จุด เพิ่มขึ้น 43.25 จุด หรือ +0.35% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,289.58 จุด เพิ่มขึ้น 45.17 จุด หรือ +0.62%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคักคัก หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ ขานรับตลาดพันธบัตรสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพ โดยเมื่อคืนนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.840% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.129%
หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของดอยซ์แบงก์ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นโฟล์คสวาเกนขึ้นสู่ระดับ "buy" จากระดับ "hold"
หุ้นแอสโซซิเอทเต็ด บริติช ฟู้ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของพรีมาร์ค พุ่งขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ายอดขายในธุรกิจทุกภาคส่วนจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
หุ้น PostNL ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งบรรจุภัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 17% หลังจากบริษัทปรับลดเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจในปี 2562
หุ้นแบงก์ ออฟ ไอร์แลนด์ กรุ๊ป ร่วงลง หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีลดลง 18% ในปีงบการเงิน 2560
นักลงทุนจับตานายพาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ และตอบข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยการกล่าวแถลงการณ์ของนายพาวเวลทั้งในวันนี้ และวันพฤหัสบดีจะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 399.28 จุด รับตลาดบอนด์เริ่มมีเสถียรภาพ,หุ้นเทคโนฯดีดแรง
           ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) ขานรับตลาดพันธบัตรสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก ขณะที่นักลงทุนจับตาแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในวันนี้ และวันพฤหัสบดีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,709.27 จุด พุ่งขึ้น 399.28 จุด หรือ +1.58% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,779.60 จุด เพิ่มขึ้น 32.30 จุด หรือ +1.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,421.46 จุด เพิ่มขึ้น 84.07 จุด หรือ +1.15%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ต่อเนื่องจากวันศุกร์ โดยเมื่อคืนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.840% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.129%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2% หุ้นอินเทล ทะยานขึ้น 2.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.4% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.4%
หุ้นแอปเปิลได้รับแรงซื้อส่งเข้าหนุน หลังจากมีรายงานข่าวว่า แอปเปิล อิงค์ เตรียมออกสมาร์ทโฟน 3 รุ่นในปลายปีนี้ ซึ่งในบรรดาสมาร์ทโฟน 3 รุ่นที่จะเปิดตัวในครั้งนี้ รุ่นหนึ่งจะเป็น iPhone ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่แอปเปิลเคยผลิตมา ส่วนอีกรุ่นหนึ่งจะมีขนาดเท่ากับ iPhone X ในปัจจุบัน แต่ได้รับการอัพเกรด และอีกรุ่นหนึ่งเป็น iPhone ที่มีราคาไม่แพง แต่เพียบพร้อมด้วยฟีเจอร์หลักๆ ของรุ่นเรือธง
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 0.8% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 1.1% หุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 1.9% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 1.7%
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการขนส่งบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากบริษัทได้ยื่นฟ้องร้องต่อสำนักงานป้องกันการทุ่มตลาดของสภาพยุโรป เพื่อเรียกค่าเสียหายเป็นเงินสูงถึง 2.15 พันล้านดอลลาร์พร้อมดอกเบี้ย หลังจากที่หน่วยงานดังกล่าวได้ขัดขวางการควบรวมกิจการระหว่างยูไนเต็ด พาร์เซลกับบริษัททีเอ็นที เอ็กซ์เพรส ในปี 2556 โดยข้อตกลงควบรวมกิจการในครั้งนั้นคิดเป็นวงเงิน 7 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดควรรักษาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับต่ำ ขณะที่ประสิทธิภาพการผลิตต่ำ และตลาดการเงินทั่วโลกมีอุปสงค์สูงสำหรับสินทรัพย์ปลอดภัย ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า ถ้าหากเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ก็จะส่งผลให้มีการใช้นโยบายการเงินที่ตึงตัวเกินไปสำหรับเศรษฐกิจในปัจจุบัน
นักลงทุนจับตานายพาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ ซึ่งมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ และตอบข้อซักถามจากคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้ และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐในวันพฤหัสบดี โดยการกล่าวแถลงการณ์ของนายพาวเวลทั้งในวันนี้ และวันพฤหัสบดีจะมีขึ้นในเวลา 10.00 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อของสหรัฐ รวมทั้งทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ในม.ค. โดยดิ่งลง 7.8% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 593,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว โดยยอดขายบ้านใหม่ที่ลดลงในเดือนม.ค. ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของยอดขายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ส, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2560 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนม.ค.
--อินโฟเควสท์
OO5911

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!