WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

20ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ฟื้นตัวขึ้น เล็งแรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯหลังราคาน้ำมันปรับขึ้น

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นมาสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และดัชนี SET เมื่อวานนี้ก็ปิดแถวระดับแนวรับ 1,790 จุดด้วย
นอกจากนี้ คาดว่าตลาดฯจะได้แรงหนุนจากการทยอยประกาศจ่ายปันผลของหุ้นในกลุ่มแบงก์ ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้จะค่อนไปทางบวก แต่นักลงทุนก็ยังระวังการลงทุนเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) สูง และยังวิตกว่าการเลือกตั้งอาจจะล่าช้าออกไป อย่างไรก็ดีให้รอดูสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะพิจารณากฎหมายลูก 2 ฉบับในต้นเดือนหน้า ซึ่งก็จะเป็นตัวชี้วัดการเลือกตั้งจะเลื่อนออกไปหรือไม่
พร้อมให้แนวรับ 1,790-1,785 จุด ส่วนแนวต้าน 1,800 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,962.48 จุด เพิ่มขึ้น 164.70 จุด (+0.66%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,703.96 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด (+0.10%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,210.09 จุด ลดลง 8.14 จุด (-0.11%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 53.28 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 323.40 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 12.85 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 20.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.41 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ก.พ.61) 1,788.63 จุด ลดลง 12.53 จุด (-0.70%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 599.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 62.77 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.09 ดอลลาร์ หรือ 1.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.พ.61) ที่ 7.25 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.49 แนวโน้มแข็งค่า ตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 31.38-31.55
- ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยการประเมินความเสี่ยงเศรษฐกิจมีความยากและซับซ้อนมากขึ้น อีกทั้งมีความผันผวนจากความคาดหวังและมุมมองของตลาดที่สวนทางกัน ซึ่งได้เกิดขึ้นแล้วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมาก และผลตอบแทนพันธบัตรไม่ปรับเพิ่มขึ้นทั้งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแล้ว 4 ครั้ง ตั้งแต่ปลายปี 2559 จาก 0.5% เป็น 1.5% ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติ ส่งผลให้ค่าเงินในกลุ่มตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วแข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์
- สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.).มีแนวคิดที่จะเปิดให้บริการดาวเทียมเสรี เพื่อเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาให้บริการดาวเทียมในประเทศไทย (แลนดิ้งไลน์) โดยต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ สดช.กำหนดขึ้น คือ 1.ใช้ในภารกิจของพระราชวงศ์ บุคคลสำคัญ ภัยพิบัติแห่งชาติ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 2.ให้บริการในระยะสั้น และมีการกำหนดเวลาที่แน่นอนที่เป็นบริการเฉพาะ เช่น การถ่ายทอดสดกีฬาฟุตบอล 3.ให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสาธารณะและสังคม 4.ส่งเสริมสนับสนุนการบริการรับส่งสัญญาณของผู้ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่กำกับดูแลโดยใช้สถานีภาคพื้นดินภายในประเทศ
- กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) คาดการณ์การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปี 61 อยู่ที่ 154.69 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบทรงตัวเฉลี่ย 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
- "สมคิด"หารือรมช.พัฒนาเศรษฐกิจ สหพันธรัฐรัสเซีย เล็งตั้งกองทุนสนับสนุนสตาร์ตอัพร่วมกัน เตรียมยกคณะทีมเศรษฐกิจเยือนรัสเซีย เดือนพ.ค.นี้ ชักชวนลงทุนเมืองนวัตกรรรมในอีอีซี ด้านไบโอเทค หุ่นยนต์โรโบติก รองนายกฯพอใจส่งออกม.ค.พุ่ง 17.6% เร่งศก.ก้าวกระโดดไปสู่ดิจิตอล
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 94 บาท เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความมั่นคงและมีศักยภาพเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อปี (CAGR) 14.2% ในช่วง 3 ปี (2561-2563) โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายขยายสาขาเป็น 13,000 สาขาภายในปี 2564 ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นเป็นลำดับ โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนลดลงจาก 2.6 เท่าในปี 2559 เป็น 1.7 เท่าในปี 2560 และคาดจะลดลงเหลือ 1.4 เท่าในปีนี้
- MODERN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" แนวโน้มกำไร Q4/60 จะดีกว่าที่คาดไว้เดิม (คาด 72 ลบ. น่าจะทำได้ 80-85 ลบ. โตทั้ง Q-Q, Y-Y) เพราะตลาดออฟฟิสกลับมาโตแรง จึงคาดกำไรทั้งปี 2560 จบที่ 215 ลบ. +24% Y-Y และปี 2561 ยังฟื้นต่อเนื่อง ตามตลาดออฟฟิสและมิกซ์ยูสเปิดใหม่ที่ขยายตัวเร็ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้อัตรากำไรสูงกว่าบ้านและคอนโด พร้อมคาดปันผลเฉพาะ H2/60 ที่ 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 4% PE2561 แค่ 14 เท่า
- IVL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 70 บาท ราคาหุ้นปรับตัวลงจากแรงขาย Sell on fact ตอบรับงบ Q4/60 ที่ออกมาดีไปแล้ว จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เนื่องจากโมเมนตัมของผลกำไรที่แข็งแกร่งยังไม่จบระยะสั้นได้แรงหนุนจาก Spread PTA ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็น 125$/ton เทียบกับค่าเฉลี่ยในปี 2017 ที่ 100$/ton และยังมีข่าวดีจากการประกาศเข้าซื้อกิจการ(M&A)เพิ่มอีกในช่วงปลาย Q1/61 เป็นอีกหนึ่ง upside ให้ IVL ในปีนี้

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งเมื่อคืน
         ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน โดยได้ปัจจัยบวกจากการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,789.72 จุด เพิ่มขึ้น 53.28 จุด, +0.25% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,275.43 จุด เพิ่มขึ้น 6.87 จุด, +0.21% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,289.08 จุด เพิ่มขึ้น 323.40 จุด, +1.04% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,688.97 จุด เพิ่มขึ้น 26.59 จุด, +0.25% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,427.13 จุด เพิ่มขึ้น 12.85 จุด, +0.53% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,509.05 จุด เพิ่มขึ้น 20.59 จุด, +0.59% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,853.66 จุด ลดลง 1.41 จุด, -0.08%
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.919% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 3.201%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่าเนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์นั้น ลดลง 2,250 ราย สู่ระดับ 226,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 29.18 จุด หลังอังกฤษปรับลด GDP ไตรมาส 4
         ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) ได้ปรับลดตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4/2560 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงบริษัทบริติช อเมริกัน โทแบคโค และบีเออี ซิสเต็ส์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,252.39 จุด ลดลง 29.18 จุด หรือ -0.40%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษได้ปรับลดตัวเลขการขยายตัวของ GDP ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว โดยระบุว่า GDP ในไตรมาส 4 มีการขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 0.5%
เมื่อเทียบรายปี GDP ในไตรมาส 4 มีการขยายตัว 1.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
นอกจากนี้ GDP เมื่อพิจารณาทั้งปี 2560 เศรษฐกิจอังกฤษมีการขยายตัว 1.7% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555
หุ้นบริติช โทแบคโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตบุหรี่แบรนด์ Dunhil และ Lucky Strike ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง 2.6% ในปี 2560
หุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านกลาโหม ดิ่งลง 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการปี 2560 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดตลาดขยับขึ้น 0.2% หลังจากราคาหุ้นร่วงหนักในช่วงแรก จากการที่บริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิปี 2560 ที่ระดับ 3.17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.25 พันล้านดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ หลังความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนีดิ่งหนัก
            ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) หลังจากสถาบัน Ifo รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน รวมทั้งรายงานการประชุมประจำเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดในปีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.2% ปิดที่ 380.34 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,461.91 จุด ลดลง 8.58 จุด หรือ -0.07% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,252.39 จุด ลดลง 29.18 จุด หรือ -0.40% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,309.23 จุด เพิ่มขึ้น 7.06 จุด หรือ +0.13%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลง หลังจาก Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 115.4 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 117.0
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมประจำเดือนม.ค.ของเฟด ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน จากการดีดตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลง
หุ้นบริติช โทแบคโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตบุหรี่แบรนด์ Dunhil และ Lucky Strike ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง 2.6% ในปี 2560
หุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าด้านกลาโหม ดิ่งลง 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการปี 2560 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดตลาดขยับขึ้น 0.2% หลังจากราคาหุ้นร่วงหนักในระหว่างวัน ภายหลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิปี 2560 ที่ระดับ 3.17 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.25 พันล้านดอลลาร์
หุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากธนาคารประกาศแผนการจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้นในปีหน้า แม้ธนาคารขาดทุน 2.64 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ก็ตาม
หุ้นเจนแมบ เอเอส ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีทางชีวภาพของเดนมาร์ก ทะยานขึ้น 18% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 30% ในปี 2560

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 164.70 จุด รับบอนด์ยีลด์ชะลอตัว,หุ้นพลังงานพุ่ง
          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม รวมทั้งรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,962.48 จุด เพิ่มขึ้น 164.70 จุด หรือ +0.66% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,703.96 จุด เพิ่มขึ้น 2.63 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,210.09 จุด ลดลง 8.14 จุด หรือ -0.11%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ชะลอตัวลงเมื่อคืนนี้ หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ แสดงความเห็นว่า เฟดจะต้องใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไปในปีนี้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นายบุลลาร์ดยังกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ และมีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดต่อไปอีกหลายปี
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 2.919% เมื่อคืนนี้ ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 45 ปี ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่าเนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์นั้น ลดลง 2,250 ราย สู่ระดับ 226,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์ก หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นเชฟรอน ดีดตัวขึ้น 0.7% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดขึ้น 1.2% ส่วนหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 22% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ดีเกินคาด
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 1.01% หุ้นควอนต้า เซอร์วิส พุ่งขึ้น 3.04% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 3.34%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารอ่อนแรงลง โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับตัวลง 0.18% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 0.75% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.95% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.6%
--อินโฟเควสท์
OO5832

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!