WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

5 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้น ขานรับตลาดตปท.รีบาวด์,SET ยืนเหนือ 1,800 จุด-กำไรบจ.ยังดีหนุน
         นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้น่าจะแกว่งตัว Sideway up หลังได้รับ Sentiment ที่ดีขึ้นจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่รีบาวด์ต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา แม้วอลุ่มการซื้อขายช่วงนี้จะน้อยลงบ้างหลังหลายประเทศในภูมิภาคหยุดทำการช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่การที่ดัชนี SET สามารถยืนเหนือ 1,800 จุดก็เป็นสัญญาณที่ดี และก็เชื่อว่าจะทำให้วอลุ่มกลับเข้ามา
ส่วนการลงทุนของต่างชาติก็มีทิศทางที่ดีขึ้น หลังมีแรงขายน้อยลงในตลาดหุ้นไทย ประกอบกับต่างชาติเปิดสถานะ long ติดต่อกันหลายวันในตลาดฟิวเจอร์ส รวมถึงค่าเงินดอลลารี์ที่อ่อนค่าลงส่งผลบวกต่อราคาน้ำมัน และการลงทุนใน Emerging Market ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงกลับเข้ามาด้วย ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้ค่าเงินบาทในช่วงนี้แข็งค่าสุดในรอบ 4 ปีก็นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้นไทย
สำหรับความกังลต่อทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ที่อยู่ในระดับสูงนั้นน่าจะซึมซับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ไปแล้ว ส่วน Bond yield จะปรับตัวขึ้นต่อหรือไม่นั้นน่าจะยังต้องรอสัญญาณจากการประชุมเฟดในเดือนมี.ค.อีกครั้งหนึ่งว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่าเดิมที่เคยคาดว่าจะปรับขึ้น 3 ครั้งหรือไม่
ทั้งนี้ มองว่าตลาดหุ้นไทยอาจจะยังผันผวนบ้างแต่ก็ยังฟื้นตัวได้ดี จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีก็จะช่วยผลักดันให้กำไรของบจ.ยังอยู่ในระดับที่ดีช่วยประคองตลาดได้
พร้อมมองแนวรับที่ 1,790-1,792 จุด และแนวต้านที่ 1,806 และ 1,813 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (15 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,200.37 จุด พุ่งขึ้น 306.88 จุด (+1.23%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,731.20 จุด เพิ่มขึ้น 32.57 จุด (+1.21%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,256.43 จุด เพิ่มขึ้น 112.81 จุด (+1.58%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 91.01 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.พ.61) 1,800.86 จุด เพิ่มขึ้น 8.77 จุด (+0.49%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 920.13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (15 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 61.34 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.พ.61) ที่ 7.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.26 แข็งค่าต่อเนื่อง รับเม็ดเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร มองกรอบวันนี้ 31.20-31.30
- EIC SCB ประเมินภาพรวม EEC ช่วยปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ-ดึงเงินลงทุนต่างชาติเข้าไทย พร้อมเป็นโอกาสให้อีกหลายอุตสาหกรรมเกิดแนะ 3 กลุ่มหลัก "ซ่อมบำรุงอากาศยาน-IoT-หุ่นยนต์" ขณะที่แรงงานใน 3 กลุ่ม อุตสาหกรรมกว่า 6.5 แสน เสี่ยงตกงานจากการเข้ามาของโรบอตแนะปรับตัวเพิ่มทักษะในกลุ่มงานที่มีดีมานด์เพิ่ม
- ไอซีโอฮิตไม่เลิกแม้ยังไร้กฎเกณฑ์ล่าสุด คริปโตเวชั่นสตาร์ตอัพไทยจ่อระดมทุนอีก 5 หมื่นล้าน อีทีเรียมเป็นรายที่ 2 ตามเจมาร์ท แต่ไประดมที่สิงคโปร์แทน คาดเปิดจองซื้อกลาง มี.ค.ส่วน'เจฟินคอยน์'นักลงทุนจองกว่า 90% แล้ว ด้านแบงก์ชาติ ย้ำชัด หนังสือเวียนไม่ครอบคลุม"ไอซีโอ"พร้อมทบทวนหนังสือเวียนรองรับเกณฑ์ ก.ล.ต.ไม่เป็นอุปสรรคระดมทุน แจงเหตุออกหนังสือเวียน ห่วง 3 เรื่องหลัก เสถียรภาพระบบการเงิน ปกป้องผู้ลงทุน สกัดธุรกิจ สีเทาสบช่องฟอกเงิน ด้านนักวิชาการชี้รัฐไม่ควรปิดกั้นการทำไอซีโอ
- บอร์ด กทพ.เห็นชอบให้กู้เงิน 3,400 ล้านบาท เพื่อนำไปก่อสร้างโครงการทางพิเศษ (ทางด่วน) สายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ในระหว่างที่ยังไม่สามารถระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund:TFF) ของกระทรวงการคลังได้ โดยหลังจากนี้ กทพ.จะเสนอเรื่องให้กระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา คาดว่าจะเสนอเรื่องเข้า ครม. ได้ในเดือนเมษายน เนื่องจาก กทพ.วางแผนจะใช้เงินก่อสร้างงวดแรกในเดือน สิงหาคมจำนวน 3,003 ล้านบาท, งวดที่ 2 ในเดือนกันยายน จำนวน 77 ล้านบาท รวมเป็น 3,080 ล้านบาท
- คลังทำใจขายหน่วยลงทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ดีเลย์ไปกลางปี 2561 หลังติดปัญหา สร.กทพ. ยื่นเรื่องอุทธรณ์ศาลปกครองแตะเบรกดำเนินการ มั่นใจไม่กระทบแผนลงทุนสร้างทางด่วนใหม่ 2 เส้น
- อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การผลักดันธุรกิจบริการที่กรมส่งเสริมตามนโยบายของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ พบว่ามีแนวโน้มขยายตัวธุรกิจบริการของไทยในอัตราดีขึ้นต่อเนื่องโดยสถิติการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 60 พบว่ามีธุรกิจบริการที่เข้ามาจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,598 ราย เพิ่มขึ้น 19% หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 1,017 ราย เทียบกับปี 2559 มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 2.16 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% หรือ เพิ่มขึ้น 6,379 ล้านบาท เทียบกับปี 59
- "มูบาดาลา" ยักษ์ปิโตรเลียมยูเออี รุกขยายลงทุนไทย ลั่นพร้อมชิงเค้ก 2 แหล่งก๊าซอ่าวไทย "เอราวัณ-บงกช" มั่นใจทุนหนา ชำนาญลงทุนทั่วโลก หวังยึดไทยฮับพลังงานอาเซียน แย้มสนใจลงทุนพลังงานทดแทน ด้าน "พลังงาน" เตรียมนำทีโออาร์ประมูล เสนอ กพช. 7 มี.ค.นี้ คาดรู้ผลผู้ชนะสิ้นปีนี้ ลงนามเดือนก.พ. ปีหน้า
*หุ้นเด่นวันนี้
- ROBINS (เคทีบีฯ) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 79 บาท ขณะที่รายงานกำไรสุทธิใน 4Q60 ที่ 820 ล้านบาท -18.8% YoY และ+34.1% QoQ ใกล้เคียงที่คาด กำไรปกติเพิ่มขึ้น +14.7%YoY, + 30.2%QoQ จากการเติบโตของรายได้ค่าเช่า ซึ่งมีอัตราการเช่าสูง การลดลงของต้นทุนการเงินและภาษี ขณะที่การเติบโตที่สูง QoQ มาจากการจับจ่ายใช้สอยมีแนวโน้มฟื้นตัว การเข้าสู่ช่วงเทศกาลปลายปี และการกระตุ้นจากภาครัฐ บริษัทจะมีกำไรสุทธิ ในปี 61 ประมาณ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากการขยายสาขาใหม่และรับรู้รายได้เต็มปีจากสาขาที่เพิ่มในปี 60 บริษัทมีหนี้สินต่อทุนสุทธิเป็น cash ซึ่งเอื้อต่อการขยายสาขา
- STEC (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 27 บาท ลดลงจาก 30.50 บาท หลังจากปรับลดประมาณการกำไรปี 2561-62 ลง 25% และ 8.2% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามแม้ว่ากำไรติดลบอย่างมากในไตรมาส 4/2560 ก็คาดว่ากำไรของ STEC จะพลิกเป็นบวกในปี 2561 ในระดับ 1.1 พันล้านบาท และเติบโตขึ้น 58.5% ในปี 2562 ด้วยแรงหนุนจาก backlog ในมือขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพของบริษัทจำนวน 1.235 แสนล้านบาท โดยคาดว่ากำไรของ STEC จะกลับสู่ระดับปกติตั้งแต่ไตรมาส 1/2561 เป็นต้นไป แม้จะมีอัตรากำไรปกติ (GPM) ที่ต่ำกว่าปกติ นอกจากนี้เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลง 7.3% เมื่อวานนี้ (15 ก.พ. 2561) ได้สะท้อนประเด็นกำไรไตรมาส 4/2560 ที่น่าผิดหวังไปแล้ว
- NYT (เออีซี) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 6.6 บาท โดยช่วง 4Q60 กำไรเติบโต 19.2%YoY จากปริมาณส่งออกรถยนต์เริ่มดีขึ้นส่งผลให้ทั้งปี 60 กำไรหดตัวเพียง 0.3%YoY ส่วนปี 61-62 คาดกำไรโตเฉลี่ยปีละ 2.1% จากออเดอร์ส่งออกรถยนต์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันพลิกกลับมาเป็นขาขึ้น ผนวกกับมี Upside 3.9% พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลจากกำไรปี 60 ที่ 0.30 บาท/หุ้นคิดเป็น Div. Yield 4.7% (XD 7 พ.ค. และจ่ายปันผล 24 พ.ค. นี้)

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น ขณะซื้อขายเบาบางเหตุตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการตรุษจีน
           ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่วอลุ่มการซื้อขายเบาบางเนื่องจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,699.71 จุด เพิ่มขึ้น 234.73 จุด, +1.09%
ตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นไต้หวัน ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ตลาดหุ้นมาเลเซีย และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันตรุษจีน
รัฐบาลญี่ปุ่นได้เสนอชื่อนายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ต่อรัฐสภาญี่ปุ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อีกหนึ่งสมัย ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของนายคุโรดะจะหมดลงในเดือนเม.ย.ปีนี้
สภาไดเอ็ท ซึ่งประกอบไปด้วยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น จะต้องให้ความเห็นชอบต่อการเสนอชื่อนายคุโรดะ เพื่อให้นายคุโรดะสามารถดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ BOJ ต่อไปอีก 5 ปี หรือจนถึงปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้นายคุโรดะเป็นผู้ว่าการ BOJ ที่ยาวนานที่สุด

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นเหมือง,พลังงานหนุนฟุตซี่ปิดบวก 20.84 จุด
        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันและราคาโลหะในตลาดโลกดีดตัวขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้ปัจจัยบวกจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,234.81 จุด เพิ่มขึ้น 20.84 จุด หรือ +0.29%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี ปรับขึ้น 0.4% ส่วนหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดขยับลง 0.3% หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดตัวขึ้น 1.5% และหุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 1.8%
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์เงินปอนด์ของอังกฤษอย่างใกล้ชิด หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่า เงินปอนด์อาจร่วงลงไปมากกว่า 15% จากระดับปัจจุบัน หากกระบวนการที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) เป็นไปอย่างไม่ราบรื่น
นอกจากนี้ IMF ยังได้ระบุถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของอังกฤษ โดยระบุว่า อังกฤษจำเป็นต้องเพิ่มศักยภาพด้านการผลิต และสร้างสมดุลด้านการเงินภาคสาธารณะ เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดจาก Brexit ขณะเดียวกัน IMF ได้แนะนำให้รัฐบาลอังกฤษเพิ่มการสร้างที่อยู่อาศัยราคาต่ำและการลงทุนด้านการวิจัย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนศักยภาพการผลิตและลดความไม่เท่าเทียมกันในสังคม

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับหุ้น แอร์บัส พุ่ง,หุ้นเหมือง-พลังงานแข็งแกร่ง
         ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นแอร์บัสที่พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังจากบริษัทประกาศแผนเพิ่มการผลิตเครื่องบิน เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ รวมทั้งรับแรงบวกจากการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของตลาดหุ้นสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 376.51 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,346.17 จุด เพิ่มขึ้น 7.01 จุด หรือ +0.06% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,222.52 จุด เพิ่มขึ้น 57.26 จุด หรือ +1.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,234.81 จุด เพิ่มขึ้น 20.84 จุด หรือ +0.29%
หุ้นแอร์บัสปิดพุ่งขึ้น 10.28% หลังจากบริษัทประกาศแผนการผลิตเครื่องบินเพิ่มขึ้นเป็น 800 ลำในปีนี้ เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น โดยแอร์บัสเชื่อมั่นว่า รายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเพิ่มผลิตเครื่องบิน
นอกจากนี้ แอร์บัส ยังได้แสดงความเชื่อมั่นว่า กำไรของบริษัทอาจจะพุ่งขึ้นถึง 20% ในปี 2561 หากบริษัทสามารถแก้ปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับโครงการเครื่องบินจำนวน 2 โครงการได้สำเร็จ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดตัวขึ้น 1.5% หุ้นอันโตฟากัสตา พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นเกลนคอร์ พุ่งขึ้น 1.5% และหุ้นอาร์เซลอร์มิททัล พุ่งขึ้น 1.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นบีพี ปรับขึ้น 0.4% ส่วนหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดขยับลง 0.3% หลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งในระหว่างวัน
หุ้นเนสท์เล่ ร่วงลง 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในปี 2560 เพิ่มขึ้นเพียง 2.4% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบ 10 ปี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของยุโรป สำนักงานสถิติแห่งชาติฝรั่งเศส (Insee) เปิดเผยว่า อัตราว่างงานของฝรั่งเศสในไตรมาส 4/2560 อยู่ที่ระดับ 8.9% ลดลง 0.7% จากระดับ 9.6% ในไตรมาส 3/2560 โดยอัตราว่างงานในไตรมาส 4 ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า สหภาพยุโรปเกินดุลการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.8% สู่ระดับ 1.208 แสนล้านยูโรในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับระดับ 1.131 แสนล้านยูโรในปี 2559 ขณะเดียวกันสหภาพยุโรปขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.76 แสนล้านยูโรในปีที่แล้ว เมื่อเทียบกับระดับ 1.753 แสนล้านยูโรในปี 2559
ทั้งนี้ สหภาพยุโรปมีการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 7.7% สู่ระดับ 1.8785 ล้านล้านยูโรในปีที่แล้ว ขณะที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 8.2% สู่ระดับ 1.8535 ล้านล้านยูโร ส่งผลให้มีการเกินดุลการค้า 2.5 หมื่นล้านยูโร เมื่อเทียบกับระดับ 3.2 หมื่นล้านยูโรในปี 2559
ส่วนในยูโรโซนนั้น มีการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้น 7.1% สู่ระดับ 2.1929 ล้านล้านยูโรในปีที่แล้ว ขณะที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 9.7% สู่ระดับ 1.954.8 ล้านล้านยูโร ส่งผลให้ตัวเลขเกินดุลการค้าลดลงสู่ระดับ 2.381 แสนล้านยูโร เมื่อเทียบกับระดับ 2.652 แสนล้านยูโรในปี 2559

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 306.88 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ,นักลงทุนคลายกังวลเงินเฟ้อ
       ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (15 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ของสหรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญนั้น ปรับตัวขึ้นสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,200.37 จุด พุ่งขึ้น 306.88 จุด หรือ +1.23% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,731.20 จุด เพิ่มขึ้น 32.57 จุด หรือ +1.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,256.43 จุด เพิ่มขึ้น 112.81 จุด หรือ +1.58%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นทะลุแนว 25,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี และไม่ได้อยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป เมื่อพิจารณาจากข้อมูลแรงงานและเงินเฟ้อที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI เดือนม.ค.เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน และค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพ ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 3.36% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้เพิ่มการถือครองหุ้นในบริษัทแอปเปิลอีก 31.24 ล้านหุ้น สู่ระดับ 165.33 ล้านหุ้น
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 2.04% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวขึ้น 1.7% หุ้นเฟซบุ๊ก ขยับขึ้น 0.25% หุ้นอเมซอน เพิ่มขึ้น 0.74% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 5.3%
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 4.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของวอลล์สตรีท หุ้นทริปแอดไวเซอร์ พุ่งขึ้น 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นเอวอน โพรดักส์ ทะยานขึ้น 13% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน
หุ้นแมคโดนัลด์ ดีดตัวขึ้น 0.5% หลังจากบริษัทประกาศปรับปรุงคุณภาพอาหารชุด Happy Meal ให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนม.ค. ขณะที่การผลิตในกลุ่มการบินและอวกาศ, พลาสติก และอาหาร ต่างก็ปรับตัวลง ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านทรงตัวที่ระดับ 72 ในเดือนก.พ. ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนม.ค. หลังจากดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปีในเดือนธ.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในคืนนี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท
OO5601

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!