WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

8 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับขึ้นตาม ตปท.รับราคาน้ำมันขึ้นหนุนหุ้นพลังงาน,คาดวอลุ่มบางช่วงเทศกาลตรุษจีน
นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่เป็นบวก ขณะเดียวกันราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ก็เป็นปัจจัยหนุนให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยผลักดันดัชนี แต่ยังคงต้องระวังบริเวณแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1,800 และ 1,806 จุด ที่อาจจะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังจากที่นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่อง แต่มอง downside ยังจำกัด ขณะที่มูลค่าซื้อขายวันนี้อาจไม่คึกคักมากนักหลังตลาดต่างประเทศหลายแห่งเริ่มปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน โดยให้แนวต้านบริเวณ 1,800 และ 1,806 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,786 และ 1,780 จุด
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีภาพเป็นบวกในทืศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯยังอยู่ในระดับสูง แต่ก็มีสิ่งผิดปกติที่ค่าเงินดอลลาร์กลับอ่อนค่าลง ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ซึ่งน่าจะช่วยหนุนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ และผลักดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังต้องระวังความผันผวนและแรงขายระยะสั้น ในบริเวณแนวต้านจิตวิทยาที่ 1,800 และ 1,806 จุด เนื่องจากยังมีแรงกดดันจาก Fund Flow ที่ยังขายสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย และเริ่มเห็นแรงขายของกองทุนในประเทศออกมาด้วย แต่ด้าน downside ก็ยังจำกัดจากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงานที่น่าจะยังช่วยประคองตลาดได้อยู่ ด้านมูลค่าซื้อขายในวันนี้คาดว่าจะไม่โดดเด่นมากนัก หลังจากที่เข้าสู่ช่วงเทศกาลตรุษจีน
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,786 และ 1,780 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,800 และ 1,806 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (14 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด เพิ่มขึ้น 253.04 จุด (+1.03%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,698.63 จุด เพิ่มขึ้น 35.69 จุด (+1.34%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,143.62 จุด เพิ่มขึ้น 130.10 จุด (+1.86%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 229.93 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 443.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 13.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.80 จุด และดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 5.60 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นไต้หวัน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันตรุษจีน
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.พ.61) 1,792.09 จุด ลดลง 7.94 จุด (-0.44%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,902.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (14 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 60.60 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.41 ดอลลาร์ หรือ 2.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.พ.61) ที่ 7.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.33 กลับมาแข็งค่าในรอบ 51 เดือนหลังมีแรงเทขายดอลลาร์ทำกำไร
- ธปท.ออกประกาศฉบับใหม่กำหนดหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (แอลซีอาร์) ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว โดยให้ธนาคารพาณิชย์เปิดเผยข้อมูลแอลซีอาร์ 3 รายการ ได้แก่ อัตราส่วนแอลซีอาร์ ปริมาณสินทรัพย์สภาพคล่องทั้งสิ้น และประมาณการกระแสเงินสดไหลออกสุทธิใน 30 วัน พร้อมคำอธิบายเกี่ยวกับข้อมูลแอลซีอาร์ และการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์บนเว็บไซต์ของธนาคารพาณิชย์เป็นรายครึ่งปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป เพราะเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาดใช้ประเมินความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ ทั้งยังช่วยให้การเปิดเผยข้อมูลมีความโปร่งใสและมีมาตรฐานเดียวกับสากล
- 'เจวีซี' เปิดพรีเซลเจฟินคอยน์วันแรก 100 ล้านโทเคน ยอดจองซื้อพุ่ง 86% 'เจมาร์ท' ปลื้มผลตอบรับ ท่วมท้นสะท้อนความเชื่อมั่น ชูตัวอย่างมาตรฐานบริษัทที่ต้องการระดมทุนแบบไอซีโอ พร้อมร่อนหนังสือ ตลท.แจงความเสี่ยงชัดเจน ด้าน ก.ล.ต.ยัน 2 เดือนสรุปแนวทางดูแล
- ธ.ก.ส.เตรียมขยายวงเงินสินเชื่อเอสเอ็มอีเกษตรวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท ในระยะเวลา 3 ปี ข้างหน้า เริ่มตั้งแต่เมษายน 2561-31 มีนาคม 2564 คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับโครงการปัจจุบัน 4% แต่สำหรับโครงการใหม่ จะขยายเพดานวงเงินสินเชื่อต่อรายเป็นไม่เกิน 20 ล้านบาท/ราย จากโครงการปัจจุบันที่กำหนด 10 ล้านบาท/ราย โดยโครงการนี้จะให้ระยะเวลากู้นานสุด 7 ปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยคงที่ 4% เป็นเวลาสามปีแรก หลังจากปีที่สามจนถึงปีที่เจ็ด จะคิดอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน ซึ่งจะเป็นอัตราผ่อนปรนเท่าไหร่นั้น คณะกรรมการธนาคารจะพิจารณาในภายหลัง
- กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 เสียง คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 22 ของการประชุม ตั้งแต่ปี 2558 โดย กนง.มองว่านโยบายการเงินควรอยู่ในระดับผ่อนปรนต่อไปเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ด้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ จะส่งผลต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยไทยหรือไม่นั้น การตัดสินใจ นโยบายดอกเบี้ยของไทยจะพิจารณาปัจจัยในประเทศเป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามสหรัฐ
- บอร์ดบีโอไอหนุนการใช้ระบบดิจิทัลในการผลิต เพิ่มมาตรการส่งเสริมการลงทุน ยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ในวงเงิน 50% กระตุ้นการลงทุนในท้องถิ่น สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรครบวงจร
- บอร์ด กสทช.มีมติชะลอประมูลคลื่น 900-1800 MHz อีก 1-2 เดือนรอความชัดเจนเรื่องอำนาจจากกฤษฎีกา พร้อมลุยเน็ตประชารัฐ เฟส 2 จำนวน 15,000 หมู่บ้าน ไม่รอดีอี ส่วนมาตรการช่วยเหลือทีวีดิจิทัล เตรียมชง คสช.เคาะ ม.44 ช่วยผู้ประกอบการ ด้านเอกชนหวัง "พักหนี้-ลดค่าเช่าโครงข่าย" ต่อลมหายใจ เสนอพิจารณาเพิ่มทางออก "คืนใบอนุญาต" นำคลื่นประมูลโทรคมฯ ชี้รัฐได้ประโยชน์สูงกว่า
*หุ้นเด่นวันนี้
- SPRC (ไอร่า) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 20.60 บาท คาดปี 61 กำไรสุทธิ 7,476 ล้านบาท ขณะที่โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นคาดจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 6.1% เป็น 175,000 บาร์เรลต่อวัน คาดเงินลงทุนประมาณ 70 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2,310 ล้านบาท) แล้วเสร็จปลายปี 62 พร้อมกับการปิดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในรอบ 5 ปี ปัจจุบันยังไม่มีการลงทุนใหญ่จึงจ่ายเงินปันผลได้ในระดับสูง ประกอบกับภาระหนี้สินเริ่มลดลงมาเป็น Net Debt=0 คาดผลตอบแทนจากเงินปันผล 6.0%
- BTS (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 9.40 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 60/61 (ต.ค.-ธ.ค.60) เติบโตแกร่งถึง 89.8% YoY และ 36.1% QoQ มาที่ 889 ล้านบาท ดีกว่ากสิกรไทยและตลาดคาดถึง 44% และ 38% ตามลำดับ จากรายได้จากงาน E&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายมากกว่าคาดและกำไรพิเศ 230 ล้านบาทจากเงินลงทุน กำไรสุทธิเติบโตโดดเด่น YoY จากรายได้ 2.9 พันล้านบาทที่เพิ่มเข้ามาจากงาน E&M สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยาย ส่วนกำไรเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ QoQ จากรายได้ในส่วนของ E&M เช่นกันที่เติบโตถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ เชื่อว่าธุรกิจในกลุ่ม BTS จะเป็นผู้ได้ประโยชน์อย่างมากจากแผนพัฒนารถไฟฟ้าหลายสายจนถึงปี 66 จากประสบการณ์การบริหารรถไฟฟ้าสายสีเขียวเกือบ 20 ปี และอุปสรรคในการเข้ามาของผู้เล่นใหม่ที่สูง
- SMPC (เออีซี) แนะ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 15.60 บาท ยังคงมองเชิงบวกด้วยแรงหนุน 1) แนวโน้มขาขึ้นของราคาเหล็กหนุนรับประโยชน์จากปริมาณขายถังแก๊สเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้าเร่งสั่งออร์เดอร์เนื่องจากกลัวราคาแพงขึ้น บวกกับราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นตามนโยบายตั้งราคาด้วยวิธี Cost Plus (ราคาขาย=ต้นทุน+มาร์จิ้น) ดังนั้น เมื่อราคาวัตถุดิบเหล็กสูงขึ้น จะทำให้กำไรต่อถังแก๊สเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และ 2) ปีนี้ยังมีแผนขยายกำลังผลิตถังแก๊สเพิ่มเป็น 10.0 ล้านใบ จากปี 60 ที่ 8.2 ล้านใบ ดังนั้นจึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 61 จะมีกำไรสุทธิ 639.3 ล้านบาท เติบโต 20.2% YoY

ตลาดหุ้นเอเชียบวกเช้านี้ ขานรับดาวโจนส์ปิดพุ่งต่อเนื่อง
        ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 21,384.10 จุด เพิ่มขึ้น 229.93 จุด, +1.09% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 30,958.71 จุด เพิ่มขึ้น 443.11 จุด, +1.45% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,415.97 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด, +0.39% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,840.73 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด, +0.32% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,603.71 จุด เพิ่มขึ้น 5.60 จุด, +0.07% ส่วนตลาดหุ้นจีน ตลาดหุ้นไต้หวัน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้เนื่องในวันตรุษจีน
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา และสามารถปิดในแดนบวกเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว และหันมาให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 45.96 จุด เหตุนักลงทุนเมินตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
        ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) โดยดัชนี FTSE 100 ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายตลาด เนื่องจากนักลงทุนซึมซับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ หลังจากที่ดัชนีปรับตัวลงในช่วงแรก อันเนื่องมากจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,213.97 จุด เพิ่มขึ้น 45.96 จุด หรือ +0.64%
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นปิดตลาดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9%
นอกจากนี้ การที่เงินปอนด์ชะลอการแข็งค่ายังช่วยหนุนหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์จึงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
หุ้นบริษัทข้ามชาติที่ได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ได้แก่ หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ผู้ผลิตสินค้าหรูรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ ซึ่งผู้ผลิตบุหรี่ ดีดตัวขึ้น 0.9%
หุ้นสกาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเพย์ทีวีรายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทได้รับสิทธิให้ขยายเวลาการแพร่ภาพฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก จนถึงปี 2020
หุ้นโคคา-โคลา เอชบีซี ผู้ผลิตขวดน้ำอัดลมรายใหญ่ของอังกฤษ ทะยานขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิปี 2560 พุ่งขึ้น 24%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับ GDP เยอรมนีสดใส,นักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ
       ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) หลังจากสำนักงานสถิติเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนียังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 4/2560 นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.1% ปิดที่ 374.53 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,339.16 จุด เพิ่มขึ้น 142.66 จุด หรือ +1.17% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,165.26 จุด เพิ่มขึ้น 56.02 จุด หรือ +1.10% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,213.97 จุด เพิ่มขึ้น 45.96 จุด หรือ +0.64%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากสำนักงานสถิติเยอรมนีรายงานว่า ตัวเลข GDP ประจำไตรมาส 4/2560 ของเยอรมนี ขยายตัว 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่แข็งแกร่ง ส่วน GDP เยอรมนีตลอดทั้งปี 2560 ขยายตัว 2.2%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นักลงทุนซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาดของสหรัฐ โดยรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% และหากเทียบรายปี ดัชนี CPI ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9%
หุ้นสกาย ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเพย์ทีวีรายใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทได้รับสิทธิให้ขยายเวลาการแพร่ภาพฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก จนถึงปี 2020
หุ้นโคคา-โคลา เอชบีซี ผู้ผลิตขวดน้ำอัดลมรายใหญ่ของอังกฤษ ทะยานขึ้น 3.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิปี 2560 พุ่งขึ้น 24%
หุ้นเครดิต สวิส พุ่งขึ้น 3.8% หลังจากธนาคารเปิดเผยยอดขาดทุน 2.1 พันล้านฟรังก์ หรือกว่า 2.3 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 4 และ 983 ล้านฟรังก์ตลอดปี 2560 จากผลกระทบของการปฏิรูประบบภาษีของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของเครดิต สวิส ยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อธุรกิจของธนาคาร
ทั้งนี้ นายทิดเจน เธียม ประธานบริหารของเครดิต สวิส กล่าวว่า กลยุทธ์ทางธุรกิจของธนาคารยังคงได้ผล และขณะนี้ก็เข้าสู่ปีสุดท้ายของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ระยะเวลา 3 ปีแล้ว โดยในปี 2560 ธนาคารมีผลประกอบการก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า เนื่องจากระบบบริหารความมั่งคั่งของธนาคารนั้น ช่วยให้รายได้ของธนาคารเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 253.04 จุด นักลงทุนมองมุมบวกศก.,ขณะเมินตัวเลขเงินเฟ้อพุ่ง
        ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งมุมมองดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 หลังจากที่ดัชนีร่วงลงในช่วงแรก จากความวิตกกังวลที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค. อาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.49 จุด พุ่งขึ้น 253.04 จุด หรือ +1.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,698.63 จุด เพิ่มขึ้น 35.69 จุด หรือ +1.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,143.62 จุด เพิ่มขึ้น 130.10 จุด หรือ +1.86%
ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเนื่องจากความกังวลที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 0.3% และหากเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI ทรงตัวที่ระดับ 2.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1.9%
อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ รวมทั้ง Nasdaq และ S&P500 ดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา และสามารถปิดในแดนบวกเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว และหันมาให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นบลูชิพอย่างคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวขึ้น 2% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ทะยานขึ้น 2.6% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 3.1% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.6%
ส่วนหุ้นบลูชิพตัวอื่นๆที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (IBM) พุ่งขึ้น 2.6% เช่นกัน
หุ้นฟอสซิล กรุ๊ป ผู้จำหน่ายนาฬิกาชื่อดังของสหรัฐ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 88% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2560 ขณะที่หุ้นฮิลตัน เวิลด์ไวด์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดเช่นกัน
หุ้นชิโปเล่ เม็กซิกัน กริลล์ ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดัง พุ่งขึ้น 15.4% ขานรับข่าวการแต่งตั้งนายไบรอัน นิคคอล เป็นซีอีโอคนใหม่ของบริษัท โดยก่อนหน้านี้นายนิคคอลเคยเป็นผู้บริหารของธุรกิจทาโค เบลล์ ของบริษัทยัม แบรนด์ส
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวขึ้น 3% หลังจากนิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า เน็ตฟลิกซ์ได้ทำข้อตกลงทางธุรกิจมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์กับไรอัน เมอร์ฟีย์ ผู้ผลิตรายการทีวีชื่อดังของฮอลลีวู๊ด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกร่วงลง 0.3% ในเดือนม.ค. โดยเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังระบุว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.4% เช่นเดียวกันในเดือนพ.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
--อินโฟเควสท์
OO5546

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!