- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Thursday, 08 February 2018 14:20
- Hits: 1735
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ เล็งกลุ่มพลังงานกดดันหลังราคาน้ำมันต่ำสุดรอบ 1 เดือน-Bond Yield สหรัฐปรับตัวขึ้น
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้น่าจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และเมื่อวานนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ ก็ได้ขยับขึ้นมา 2.8% นอกจากนี้ยังต้องจับตาประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งทางสภาสูงจะเสนอแผนโหวตในวันนี้
อย่างไรก็ดี คาดว่าหุ้นในกลุ่มสื่อสารน่าจะขึ้นมาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี และเป็น Defensive อีกด้วย ทั้งนี้ ช่วงนี้ตลาดฯคงจะผันผวนไปก่อนจนกว่า Bond Yield จะนิ่ง และ VIX Index จะอ่อนตัวลง ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ
พร้อมให้แนวรับ 1,775 จุด ส่วนแนวต้าน 1,790 จุด
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway Down เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้น่าจะไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน และเมื่อวานนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ของสหรัฐฯ ก็ได้ขยับขึ้นมา 2.8% นอกจากนี้ยังต้องจับตาประเด็นเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งทางสภาสูงจะเสนอแผนโหวตในวันนี้
อย่างไรก็ดี คาดว่าหุ้นในกลุ่มสื่อสารน่าจะขึ้นมาช่วยหนุนตลาดฯได้บ้าง เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี และเป็น Defensive อีกด้วย ทั้งนี้ ช่วงนี้ตลาดฯคงจะผันผวนไปก่อนจนกว่า Bond Yield จะนิ่ง และ VIX Index จะอ่อนตัวลง ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ
พร้อมให้แนวรับ 1,775 จุด ส่วนแนวต้าน 1,790 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.35 จุด ลดลง 19.42 จุด (-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,681.66 จุด ลดลง 13.48 จุด (-0.50%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,051.98 จุด ลดลง 63.90 จุด (-0.90%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 76.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 28.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 232.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 37.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.02 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 11.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.พ.61) 1,785.44 จุด ลดลง 2.99 จุด (-0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,520.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 61.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.พ.61) ที่ 7.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.65 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบ 31.60-31.75 รอปัจจัยใหม่ในสัปดาห์หน้า
- "สมคิด" นำทัพดรีมทีมเศรษฐกิจตอกย้ำเศรษฐกิจไทย เทคออฟแล้ว กางแผนปั๊มความมั่งคั่งไปสู่เศรษฐกิจฐานรากกระจายความรวยให้ทั่วถึง ขับเคลื่อนนโยบายทุกด้านเชื่อมโยงคู่ขนานเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) ยันไม่คิดทำการเมือง แต่อนาคตเป็นเรื่องของดวงชะตา "สนธิรัตน์" เตรียมดันเป้าส่งออกปี 61 โตมากกว่า 6% "อุตตม" ชี้อีอีซีปีนี้ถือเป็นปีแห่ง Action ลุยโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่คลังอัดฉีดงบกลางปีเพิ่ม ปั๊มเศรษฐกิจไหลลงสู่ฐานราก ด้าน สนช.เตรียมเห็นชอบกฎหมายอีอีซี วันนี้ (8 ก.พ.) ดันรมว.กลาโหม ร่วมนั่งบอร์ดคุมเศรษฐกิจ
- ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงิน 4.2 แสนล้านบาท นั้น ล่าสุดทางฝ่ายญี่ปุ่นได้เสนอแนวทางก่อสร้างเฟสแรกช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก วงเงิน 2.76 แสนล้านบาท โดยอาจพิจารณาตัดบางสถานีออก เช่น สถานีพิจิตรและลพบุรีเพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง
- 'มนูญ' ชี้ภายใน 5 ปีภาคใต้จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มรับเศรษฐกิจบูม ยันระบบไฟฟ้าภาคใต้มีความเสี่ยง ต้องมีโรงไฟฟ้าหลักเพิ่ม ด้านเอกชนเสนอเซ็นซื้อจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเกาะกง เชื่อมสายไฟ 1 พันกิโลเมตรป้อนลงใต้ ชี้รัฐบาลกัมพูชาเสนอแผนให้ไทยพิจารณาแล้ว
- สมาคมนักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยปีนี้สูงสุด 1,925.74 จุด ชี้เศรษฐกิจและการเมืองยังมีปัจจัยกดดัน แต่มองยังขาขึ้นอีก 2 ปี "กอบศักดิ์" มองหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 2,000 จุด หากรัฐลงทุนตามแผน
- ธปท.ประเมินตรุษจีน 2561 ใช้จ่ายครึกครื้น ธนาคารพาณิชย์แห่เบิกจ่ายธนบัตรพรึ่บแตะ 4.6 หมื่นล้านบาท ด้านธนาคารพาณิชย์แห่สำรองเงินสดรับตรุษจีน 4 แห่ง รวมกว่าแสนล้านบาท
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (7 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.35 จุด ลดลง 19.42 จุด (-0.08%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,681.66 จุด ลดลง 13.48 จุด (-0.50%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,051.98 จุด ลดลง 63.90 จุด (-0.90%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 76.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 28.21 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 232.60 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.90 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.61 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 37.53 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.02 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 11.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 ก.พ.61) 1,785.44 จุด ลดลง 2.99 จุด (-0.17%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,520.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (7 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 61.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 ก.พ.61) ที่ 7.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.65 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบ 31.60-31.75 รอปัจจัยใหม่ในสัปดาห์หน้า
- "สมคิด" นำทัพดรีมทีมเศรษฐกิจตอกย้ำเศรษฐกิจไทย เทคออฟแล้ว กางแผนปั๊มความมั่งคั่งไปสู่เศรษฐกิจฐานรากกระจายความรวยให้ทั่วถึง ขับเคลื่อนนโยบายทุกด้านเชื่อมโยงคู่ขนานเศรษฐกิจท้องถิ่น (Local Economy) ยันไม่คิดทำการเมือง แต่อนาคตเป็นเรื่องของดวงชะตา "สนธิรัตน์" เตรียมดันเป้าส่งออกปี 61 โตมากกว่า 6% "อุตตม" ชี้อีอีซีปีนี้ถือเป็นปีแห่ง Action ลุยโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่คลังอัดฉีดงบกลางปีเพิ่ม ปั๊มเศรษฐกิจไหลลงสู่ฐานราก ด้าน สนช.เตรียมเห็นชอบกฎหมายอีอีซี วันนี้ (8 ก.พ.) ดันรมว.กลาโหม ร่วมนั่งบอร์ดคุมเศรษฐกิจ
- ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงิน 4.2 แสนล้านบาท นั้น ล่าสุดทางฝ่ายญี่ปุ่นได้เสนอแนวทางก่อสร้างเฟสแรกช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก วงเงิน 2.76 แสนล้านบาท โดยอาจพิจารณาตัดบางสถานีออก เช่น สถานีพิจิตรและลพบุรีเพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง
- 'มนูญ' ชี้ภายใน 5 ปีภาคใต้จำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มรับเศรษฐกิจบูม ยันระบบไฟฟ้าภาคใต้มีความเสี่ยง ต้องมีโรงไฟฟ้าหลักเพิ่ม ด้านเอกชนเสนอเซ็นซื้อจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเกาะกง เชื่อมสายไฟ 1 พันกิโลเมตรป้อนลงใต้ ชี้รัฐบาลกัมพูชาเสนอแผนให้ไทยพิจารณาแล้ว
- สมาคมนักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยปีนี้สูงสุด 1,925.74 จุด ชี้เศรษฐกิจและการเมืองยังมีปัจจัยกดดัน แต่มองยังขาขึ้นอีก 2 ปี "กอบศักดิ์" มองหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 2,000 จุด หากรัฐลงทุนตามแผน
- ธปท.ประเมินตรุษจีน 2561 ใช้จ่ายครึกครื้น ธนาคารพาณิชย์แห่เบิกจ่ายธนบัตรพรึ่บแตะ 4.6 หมื่นล้านบาท ด้านธนาคารพาณิชย์แห่สำรองเงินสดรับตรุษจีน 4 แห่ง รวมกว่าแสนล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- COM7 (กสิกรไทย) "ซื้อ"เป้า 17.50 บาท คาดกำไรสุทธิงวด Q4/60 ที่ 188 ล้านบาท เติบโต 24.7% QoQ และ 28.4% ถือเป็นกำไรที่สูงที่สุดในประวิติการณ์อีกครั้ง โดยได้ผลักดันมาจากรายได้การขาย iPhone ทั้ง 3 รุ่น (iPhone 8, iPhone 8 Plus,และ iPhone X) รวมถึงด้านอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการเปิดเบอร์ใหม่และการย้ายค่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทพาร์ทเนอร์อย่าง TRUE ได้ออกโปรโมชั่นส่วนลด 4,000-9,000 บาทให้กับผู้ที่เปิดเบอร์ใหม่หรือย้ายค่าย
- TWPC (ไอร่า) เป้า 12.60 บาท แม้ผลประกอบการปี 60 จะชะลอตัว จากค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจ แต่มองว่าเป็นปีของการสร้างฐาน ก่อนจะเติบโตในปีต่อ ๆ ไป โดยคาดกำไรสุทธิปี 61 และ 62 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ต่อปี พร้อมคาด Div.Yield ประมาณ 4.0–4.5% ด้านเงินสดในมือจำนวนมากราว 1.5 พันล้านบาท และ EBITDA อีกราวปีละ 1 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งการเติบโตแบบ Organic และ Inorganic ภายใต้การทำ M&A ซึ่งคาดช่วยเพิ่มกำลังการผลิต การขยายตลาดส่งออก และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และอยู่ระหว่างทยอยลงทุนโรงไฟฟ้า Biogas จากน้ำเสียในกระบวนการผลิต บนโรงงาน 3 แห่ง คาดแล้วเสร็จปี 63 คาดช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าราวปีละ 90 ล้านบาท
- ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 85 บาท เป็นหุ้น Domestic Play ที่ราคาหุ้นยัง Laggard ตรงข้ามกับแนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/60 ที่คาดสดใส +38% Q-Q, -16% Y-Y หากไม่รวมรายการพิเศษในปีก่อน กำไรปกติจะทำจุดสูงสุดใหม่ +10% Y-Y และคาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2560 ที่ -1.7% Y-Y ก่อนจะกลับมา +15% Y-Y ในปี 2561 โดยคาด SSSG เป็นบวกทุกไตรมาสตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และมีแผนเปิดสาขา Lifestyle Center 2 แห่ง (ได้ทั้งรายได้การขาย + รายได้ค่าเช่า) ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน PE เพียง 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 28-30 เท่า
- TWPC (ไอร่า) เป้า 12.60 บาท แม้ผลประกอบการปี 60 จะชะลอตัว จากค่าใช้จ่ายในการขยายธุรกิจ แต่มองว่าเป็นปีของการสร้างฐาน ก่อนจะเติบโตในปีต่อ ๆ ไป โดยคาดกำไรสุทธิปี 61 และ 62 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17% ต่อปี พร้อมคาด Div.Yield ประมาณ 4.0–4.5% ด้านเงินสดในมือจำนวนมากราว 1.5 พันล้านบาท และ EBITDA อีกราวปีละ 1 พันล้านบาท พร้อมเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งการเติบโตแบบ Organic และ Inorganic ภายใต้การทำ M&A ซึ่งคาดช่วยเพิ่มกำลังการผลิต การขยายตลาดส่งออก และเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และอยู่ระหว่างทยอยลงทุนโรงไฟฟ้า Biogas จากน้ำเสียในกระบวนการผลิต บนโรงงาน 3 แห่ง คาดแล้วเสร็จปี 63 คาดช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าราวปีละ 90 ล้านบาท
- ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 85 บาท เป็นหุ้น Domestic Play ที่ราคาหุ้นยัง Laggard ตรงข้ามกับแนวโน้มกำไรสุทธิ Q4/60 ที่คาดสดใส +38% Q-Q, -16% Y-Y หากไม่รวมรายการพิเศษในปีก่อน กำไรปกติจะทำจุดสูงสุดใหม่ +10% Y-Y และคาดกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 2560 ที่ -1.7% Y-Y ก่อนจะกลับมา +15% Y-Y ในปี 2561 โดยคาด SSSG เป็นบวกทุกไตรมาสตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อ และมีแผนเปิดสาขา Lifestyle Center 2 แห่ง (ได้ทั้งรายได้การขาย + รายได้ค่าเช่า) ด้านราคาหุ้นปัจจุบันเทรดบน PE เพียง 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 28-30 เท่า
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น นลท.ยังจับตาความเคลื่อนไหวในตลาดต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดอ่อนตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ตาม โดยนักลงทุนเองยังคงประเมินสถานการณ์จากความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและหนุนอัตราผลประโยชน์ตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 30,342.53 จุด เพิ่มขึ้น 19.33 จุด, +0.06% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 21,700.94 จุด เพิ่มขึ้น 55.57 จุด, +0.26% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,839.74 จุด เพิ่มขึ้น 3.06 จุด, +0.17%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ยอดส่งออกของจีนเดือนม.ค. ปรับตัวขึ้น 6.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนม.ค. ทะยานขึ้น 30.2% เทียบเป็นรายปี
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนม.ค.ของจีน ร่วงลง 59.7% มาอยู่ที่ระดับ 1.358 แสนล้านหยวน (2.16 หมื่นล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 ที่ยอดเกินดุลการค้าลดลง 14.2%
ขณะที่กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 7.972 แสนล้านเยน (7 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการเกินดุลติดต่อกันเดือนที่ 42
ส่วนยอดเกินดุลการค้าสินค้าในเดือนธ.ค.อยู่ที่ระดับ 5.389 แสนล้านเยน เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการนำเข้าเพิ่มขึ้น
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านการเงินนั้น ธนาคารกลางจีนได้ระงับการดำเนินการทางตลาดเงิน (Open Market Operations - OMO) ติดต่อกันเป็นวันที่ 11 ในวันนี้ โดยระบุว่า สภาพคล่องในระบบธนาคารยังอยู่ในระดับที่เพียงพอ
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 138.02 จุด รับหุ้นธุรกิจสร้างบ้านพุ่ง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ แม้มีรายงานว่า ดัชนีราคาบ้านของอังกฤษปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.ก็ตาม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,279.42 จุด เพิ่มขึ้น 138.02 จุด หรือ +1.93%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเป็นวันแรกในรอบ 7 วันทำการ โดยได้ปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้าน เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอังกฤษ โดยหุ้นเทย์เลอร์ วิมพีย์ พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นบาร์แรตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ดีดตัวขึ้น 1.6%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก แม้รายงานของฮาลิแฟกซ์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านของอังกฤษปรับตัวลง 0.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ส่วนดัชนีราคาบ้านในช่วงเวลา 3 เดือนจนถึงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้น 2.2% โดยชะลอตัวลงจากช่วงเวลา 3 เดือนที่สิ้นสุดเดือนธ.ค.ซึ่งมีการขยายตัว 2.7%
หุ้นเทสโก พุ่งขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นเซเวิร์น เทรนท์ ทะยานขึ้น 3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2561 และยังได้ประกาศแผนลดต้นทุน
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดพุ่ง รับข่าวพรรคการเมืองเยอรมนีบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาล
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่าพรรคการเมืองของเยอรมนีสามารถบรรลุข้อตกลงซึ่งจะปูทางไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล โดยรายงานข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในเยอรมนีซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่สุดในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2% ปิดที่ 380.13 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,590.43 จุด เพิ่มขึ้น 197.77 จุด หรือ +1.60% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,255.90 จุด เพิ่มขึ้น 94.09 จุด หรือ +1.82% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,279.42 จุด เพิ่มขึ้น 138.02 จุด หรือ +1.93%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์ Bild รายงานว่า พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ของนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD) สามารถบรรลุข้อตกลงซึ่งจะปูทางไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลแล้ว หลังจากที่เยอรมนีต้องเผชิญภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 ก.ย.ปีที่แล้ว
รายงานระบุว่า พรรค CDU/CSU จะได้โควตากระทรวงด้านเศรษฐกิจ และกลาโหม ขณะที่พรรค SPD จะได้ดูแลกระทรวงการคลัง
ทั้งนี้ ตัวแทนจากพรรค CDU/CSU และ SPD ได้เจรจากันเป็นเวลานานหลายวัน ก่อนจะบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลผสม หลังจากที่การเจรจาหลายครั้งก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 ฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับนโยบายด้านแรงงาน และสาธารณสุข
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านของอังกฤษดีดตัวขึ้น รายงานของฮาลิแฟกซ์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านของอังกฤษปรับตัวลง 0.6% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ส่วนดัชนีราคาบ้านในช่วงเวลา 3 เดือนจนถึงเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้น 2.2% โดยชะลอตัวลงจากช่วงเวลา 3 เดือนที่สิ้นสุดเดือนธ.ค.ซึ่งมีการขยายตัว 2.7%
ทั้งนี้ หุ้นเทย์เลอร์ วิมพีย์ พุ่งขึ้น 2.8% และหุ้นบาร์แรตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ดีดตัวขึ้น 1.6%
หุ้นเทสโก พุ่งขึ้น 1.3% ขณะที่หุ้นเซเวิร์น เทรนท์ ทะยานขึ้น 3% หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการปี 2561 และประกาศแผนลดต้นทุน
หุ้นทุลโลว์ ออยล์ ซึ่งเป็นผู้สำรวจน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่งของยุโรป พุ่งขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนที่ลดน้อยลงในปี 2560
หุ้นสแตท ออยล์ ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของนอร์เวย์ ทะยานขึ้น 4.6% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล และเปิดเผยตัวเลขกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2560
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 19.42 จุด หลังบอนด์ยีลสหรัฐพุ่ง,วิตกเงินเฟ้อ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า แกนนำวุฒิสภาชิกในสภาคองเกรสสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับงบประมาณระยะเวลา 2 ปี ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จนอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,893.35 จุด ลดลง 19.42 จุด หรือ -0.08% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,681.66 จุด ลดลง 13.48 จุด หรือ -0.50% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,051.98 จุด ลดลง 63.90 จุด หรือ -0.90%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า แกนนำวุฒิสภาชิกในสภาคองเกรสสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเกี่ยวกับงบประมาณระยะเวลา 2 ปี เพื่อเพิ่มงบประมาณรายจ่ายให้กับรัฐบาลอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนี้จะนำไปใช้จ่ายด้านการทหารเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวยังต้องรอการอนุมัติจากสภาคองเกรส
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.796% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 3.068% เมื่อคืนนี้
การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ประกอบกับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าแรงในสหรัฐนั้น ยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ โดยกระแสคาดการณ์เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวแสดงความเห็นว่า เฟดควรถอนตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เนื่องจากตลาดแรงงานที่ตึงตัวได้เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ
หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ปิดตลาดร่วงลง 1.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4 ที่ระดับ 1.535 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.545 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นชิโปเล่ เม็กซิกัน กริลล์ ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านอาหารเม็กซิกันชื่อดัง ปิดตลาดดิ่งลง 11% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลกำไรและรายได้ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีทก็ตาม
ส่วนหุ้นสแนป ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสแนปแชท ทะยานขึ้น 48% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4
หุ้นเทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ดีดตัวขึ้น 3.3% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการแล้ว
นักลงทุนยังคงจับตาการโหวตร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในสภาคองเกรสสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนที่จะส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป โดยร่างงบประมาณชั่วคราวที่สภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันอังคารนั้น จะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปได้อีก 6 สัปดาห์ หรือจนถึงวันที่ 23 มี.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์
ทั้งนี้ หากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณภายในเวลาเที่ยงคืนของวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงของวันศุกร์ตามเวลาไทย สหรัฐก็จะเผชิญภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง หลังจากที่เกิดการชัตดาวน์เป็นเวลา 3 วันในเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค.
--อินโฟเควสท์
OO5356