- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 05 February 2018 10:51
- Hits: 771
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามทั่วโลกหลังบอนด์ยีลด์พุ่งฉุดดาวโจนส์ดิ่งหนักกังวลทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้าราว 1.7-2% ซึ่งค่อนข้างหนัก ตามตลาดสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดิ่งลงมากกว่า 2% ภายหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond yield)ได้พุ่งขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯออกมาดีกว่าคาด และค่าจ้างต่อชั่วโมงเพิ่มขึ้นกว่าคาด ทำให้กังวลว่าเงินเฟ้อจะสูงกว่าคาด และจะกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลงด้วย
สัปดาห์นี้ให้ติดตามตัวเลข PMI ภาคบริการ ของยุโรป พร้อมให้แนวรับ 1,805-1,810 จุด โดยบริเวณนี้มีโอกาสเด้งระหว่างวัน ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,820-1,830 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (2 ก.พ.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,520.96 จุด ร่วงลง 665.75 จุด (-2.54%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.13 จุด ลดลง 59.85 จุด (-2.12%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,240.95 จุด ลดลง 144.92 จุด (-1.96%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 353.37 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 50.41 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 886.22 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 155.93 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 38.05 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 46.75 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 22.63 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 130.16 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (2 ก.พ.61) ,827.35 จุด ลดลง 6.25 จุด (-0.34%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,787.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 2 ก.พ.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (2 ก.พ.61) ปิดที่ระดับ 65.45ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 35 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (2 ก.พ.61) ที่ 7.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.47 อ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ หลังตัวเลขการจ้างงานฯสหรัฐออกมาดีกว่าคาด
- อสังหาฯเดินหน้าบุกทำเล "อีอีซี" ชี้มูลค่าตลาดที่อยู่อาศัย กว่า 8 หมื่นล้าน ประเมินการลงทุนเฉลี่ยปีละ 2-3 หมื่นล้าน พบ ทำเลฮอต "ชลบุรี" ราคาที่ดิน พุ่ง 50% "ออริจิ้น" ปั้นโปรเจค มิกซ์ยูส "ศรีราชา-ระยอง" ด้านพฤกษาลุยบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ 7 โครงการกว่า 5,500 ล้าน "ศุภาลัย-แสนสิริ" ย้ำทำเลศักยภาพ ดันตลาดต่างจังหวัดโต
- ประธานคณะกรรมการจัดตั้งกองทุนรวมโครงการสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) เผย การขายหน่วยลงทุน ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ 4.4 หมื่นล้านบาท อาจจะไม่ทันตามกำหนดในเดือน มี.ค.-เม.ย. 2561 เนื่องจากสหภาพแรงงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ไปยื่นเรื่องอุทธรณ์ศาลปกครอง ทำให้การเดินหน้าขายหน่วยลงทุนมีปัญหา
- รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้จัดทำรายงานแนวโน้มธุรกิจประจำไตรมาส 4 ปี 2560 โดยจากการสำรวจความเห็น ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว พบว่า ผู้ประกอบการมองไตรมาสแรกปีนี้ การท่องเที่ยวมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง เห็นได้จากยอดจองที่พักแรมล่วงหน้าที่เข้ามาสูงกว่าปีก่อน และมีการจอง สถานที่ เพื่อจัดประชุมสัมมนาของหน่วยงานราชการมากขึ้นด้วย
- "พาณิชย์" เผยแนวโน้มราคาวัสดุก่อสร้างในประเทศส่อแววพุ่งกระฉูด ทั้งปูน เหล็ก หิน ดิน ทราย ยางมะตอย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน และ 3 จังหวัดในพื้นที่อีอีซี ที่มีโครงการก่อสร้างมาก ทำให้ผู้รับเหมาแห่กักตุน แถมปีนี้รัฐยังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่
- ในการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 5 ก.พ.นี้ ภาคเอกชนเตรียมเสนอโครงการพัฒนาภาคตะวันออกทั้งระบบ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การค้า การเกษตร และสาธารณสุข รวมแล้วมีมากกว่า 10 โครงการ เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคตะวันออกได้ขยายตัวมากขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้
- FTE (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 5 บาท เหตุไฟไหม้โรงงานที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ถือเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ขายและวางระบบดับเพลิงโดยตรง ซึ่งล่าสุดเกิดเหตุที่บริษัท ไทยกอง ผู้ผลิตถุงมือยางแพทย์รายใหญ่ ยังชอบ FTE มากที่สุดในกลุ่ม เพราะเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงและยังมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มโรงงานไม่ถึง 10% ขณะที่คาดปันผลเฉพาะ H2/60 จะสูงราว 3% (ทั้งปีคาด 5%) เพราะยังไม่มีแผนใช้เงินในระยะนี้
- HUMAN (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 13 บาท ปี 61 มีกิจกรรมติดตามหลาย เริ่มด้วยเปิดตัวสินค้าใหม่ Performance management ใน Q1/61 ตามด้วย M&A บริษัทบัญชี 2 แห่งภายใน H1/61 ขณะที่ Software Financial Solution กำลังพัฒนาคาดเริ่มทดสอบได้ในช่วงปลายปีนี้ หนุนบริการ Back office outsourcing ให้ครอบคลุมมากขึ้น เปิดตลาดใหม่ควบคู่ไปกับการต่อยอดธุรกิจกับกลุ่มลูกค้าเดิม บริษัทตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกราวปีละ 5 หมื่นคน (ปี 61 เซ็นเพิ่มแล้วราว 2 หมื่นคน) หนุนผลประกอบการเติบโตเฉลี่ย 50% CAGR 60-63 ด้าน Q4/60 คาดกำไรสุทธิ 28 ล้านบาท +52% QoQ หนุนทั้งปี 60 กำไรสุทธิ 81 ล้านบาท (+15% YoY)
- GOLD (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 12 บาท ปีนี้มีโอกาสทำ New Record High ได้ทั้งรายได้-กำไรสุทธิ และ Presales รวมทั้งเป็นบริษัทขนาดกลางที่มีสัดส่วนรายได้ค่าเช่า Recurring ประมาณ 10-15% ของรายได้รวมเป็นกลยุทธ์ที่โดดเด่นกว่ากลุ่ม รวมทั้งโครงการสามย่าน มิตรทาวน์ คาดใช้เวลา 1.5-2 ปีแล้วเสร็จเพิ่มสัดส่วน Recurring ได้
ตลาดหุ้นเอเชียลดลงเช้านี้ หลังดาวโจนส์ปิดร่วงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปี
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น ยังกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 22,921.16 จุด ลดลง 353.37 จุด, -1.52% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,411.67 จุด ลดลง 50.41 จุด, -1.46% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 31,715.56 จุด ลดลง 886.22 จุด, -2.72% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 10,970.30 จุด ลดลง 155.93 จุด, -1.40% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,487.34 จุด ลดลง 38.05 จุด, -1.51% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,483.07 จุด ลดลง 46.75 จุด, -1.32% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,847.85 จุด ลดลง 22.63 จุด, -1.21% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,680.59 จุด ลดลง 130.16 จุด, -1.48%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวสโคกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดในปีนี้ และยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นเมื่อวันศุกร์ด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 46.96 จุด วิตกบอนด์ยีลด์สหรัฐ-อังกฤษพุ่ง
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั้งในสหรัฐและอังกฤษ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,443.43 จุด ลดลง 46.96 จุด หรือ -0.63%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% แตะที่ 3.074% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษประเภท 10 ปี ดีดตัวขึ้น 0.05% สู่ระดับ 1.571% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2560
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ส่วนตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านร่วงลง หลังจากการสำรวจของ Markit/CIPS พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของสหราชอาณาจักรปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังแตะระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ หุ้นบาร์แรตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ร่วงลง 1.7% หุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ลดลง 1.7% และหุ้นเพอร์ซิมมอน ลดลง 0.5%
หุ้นแอสทราเซเนกา ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากราคาหุ้นร่วงลงในระหว่างวัน จากการรายงานผลกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทซึ่งทรุดตัวลงถึง 81% ในไตรมาส 4/2560 อันเนื่องมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น
หุ้นแคปิตอล พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวขึ้น 2.3% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาหุ้นแคปิตอลร่วงลงอย่างหนักถึง 48% เมื่อวันพุธ ภายหลังจากบริษัทประกาศลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2561 และระงับการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกผลประกอบการดอยซ์แบงก์,บอนด์ยีลด์พุ่ง
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.พ.) หลังจากดอยซ์แบงก์ ธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนี เปิดเผยตัวเลขขาดทุนติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและประเทศยุโรป ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.4% ปิดที่ 388.07 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2559
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,785.16 จุด ร่วงลง 218.74 จุด หรือ -1.68% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,364.98 จุด ลดลง 89.57 จุด หรือ -1.64% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,443.43 จุด ลดลง 46.96 จุด หรือ -0.63%
หุ้นดอยซ์แบงก์ ร่วงลง 6.2% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/2560 อยู่ที่ 2.18 พันล้านยูโร เนื่องจากรายได้โดยรวมปรับตัวลง 19% แตะระดับ 5.71 พันล้านยูโร ขณะที่ตัวเลขขาดทุนสุทธิตลอดปี 2560 อยู่ที่ 512 ล้านยูโร ซึ่งเป็นการขาดทุนติดต่อกันปีที่ 3
การร่วงลงของหุ้นดอยซ์แบงก์ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณในดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 1.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร โดยเมื่อคืนนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% แตะที่ 3.074% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษประเภท 10 ปี ดีดตัวขึ้น 0.05% สู่ระดับ 1.571% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2560 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีประเภทอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.06% สู่ระดับ 0.705% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ส่วนตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี
หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านของอังกฤษร่วงลง หลังจากการสำรวจของ Markit/CIPS พบว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคก่อสร้างของสหราชอาณาจักรปรับตัวลงสู่ระดับ 50.2 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังแตะระดับ 52.2 ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ หุ้นบาร์แรตต์ เดเวลลอปเมนต์ส ร่วงลง 1.7% หุ้นเทย์เลอร์ วิมปีย์ ลดลง 1.7% และหุ้นเพอร์ซิมมอน ลดลง 0.5%
หุ้นแอสทราเซเนกา ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 3.1% หลังจากราคาหุ้นร่วงลงในระหว่างวัน จากการรายงานผลกำไรก่อนหักภาษีของบริษัทซึ่งทรุดตัวลงถึง 81% ในไตรมาส 4/2560 อันเนื่องมาจากต้นทุนที่สูงขึ้น
หุ้นแคปิตอล พีแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ปรับตัวขึ้น 2.3% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากราคาหุ้นแคปิตอลร่วงลงอย่างหนักถึง 48% เมื่อวันพุธ ภายหลังจากบริษัทประกาศลดคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2561 และระงับการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น
หุ้นบีที ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
ส่วนหุ้นโนเกีย ดีดตัวขึ้น 1.6% หลังจากนักวิเคราะห์ของเอ็มเคเอ็ม พาร์ทเนอร์ส ได้ปรับเพิ่มระดับความน่าลงทุนของหุ้นโนเกีย สู่ระดับ "buy" จากระดับ "neutral" หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรและรายได้ที่แข็งแกร่งเกินคา
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 665.75 จุด วิตกบอนด์ยีลด์พุ่ง,เฟดขึ้นดบ.เร็วกว่าคาด หลังจ้างงานแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหนักสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อวันศุกร์ (2 ก.พ.) โดยได้รับแรงกดดันจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของตัวเลขจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น ยังกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,520.96 จุด ร่วงลง 665.75 จุด หรือ -2.54% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,240.95 จุด ลดลง 144.92 จุด หรือ -1.96% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.13 จุด ลดลง 59.85 จุด หรือ -2.12%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 4.1% ขณะที่ดัชนี S&P ปรับตัวลง 3.9% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 3.5%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.พุ่งขึ้น 200,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 180,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปี
ส่วนตัวเลขรายได้ หรือค่าแรงต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเนื่องจากเป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้น 9 เซนต์/ชั่วโมง หรือ 0.3% และเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบรายปี
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินเวสโคกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดในปีนี้ และยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐทะยานขึ้นเมื่อวันศุกร์ด้วย ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ขณะที่นักวิเคราะห์จากแน็ทเวสต์ มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ตัวเลขรายได้หรือค่าแรงของแรงงานที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 9 ปีในเดือนม.ค.นั้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้คณะกรรมการเฟดภายใต้การนำของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนใหม่ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มากกว่า 3 ครั้งที่มีการคาดการณ์กันก่อนหน้านี้ เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่จะดีดตัวขึ้น
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3% แตะที่ 3.074% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว เมื่อวันศุกร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภทอายุ 10 ปี ทะยานขึ้นแตะ 2.83% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.4% หลังจากแอปเปิลเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. 2560 โดยระบุว่า รายได้เพิ่มขึ้น 13% เทียบรายปี สู่ระดับ 8.83 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% เทียบรายปี สู่ระดับ 3.89 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรของแอปเปิลยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 4.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4 ที่น้อยกว่าคาด
หุ้นดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของเยอรมนีและจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลง 8.4% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 2.18 พันล้านยูโรในไตรมาส 4/2560
หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 5.1% และหุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 5.6% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของวอลล์สตรีท
ส่วนหุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2560 ที่ระดับ 3.75 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ 6.05 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ระดับ 5.983 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแล้ว ทางการสหรัฐยังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆเมื่อวันศุกร์ด้วยเช่นกัน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ในเดือนธ.ค. โดยพุ่งขึ้น 1.7% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5% ทางด้านผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 95.7 ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะร่วงลงสู่ระดับ 95.0 หลังจากอยู่ที่ระดับ 95.9 ในเดือนธ.ค.
--อินโฟเควส
OO5201