- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Monday, 29 January 2018 14:35
- Hits: 2112
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ดีดตัวขึ้นต่อ เล็งรับ Sentiment บวกจากหุ้นโลก จับตาการประชุมเฟดสัปดาห์นี้
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ เล็งรับ Sentiment บวกจากหุ้นโลก โดยตลาดหุ้นในสหรัฐฯได้ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ และราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวขึ้นด้วย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกันหมด
พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ และให้ติดตามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.
พร้อมให้แนวรับ 1,815-1,820 จุด ส่วนแนวต้าน 1,835-1,840 ถัดไป 1,850 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
-ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,616.71 จุด เพิ่มขึ้น 223.92 จุด (+0.85%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,872.87 จุด เพิ่มขึ้น 33.62 จุด (+1.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,505.77 จุด เพิ่มขึ้น 94.61 จุด (+1.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 181.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 55.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 14.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.17 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ม.ค.61) 1,828.88 จุด เพิ่มขึ้น 9.59 จุด (+0.53%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,404.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 66.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ม.ค.61) ที่ 6.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.34 แนวโน้มยังแข็งค่า มองกรอบวันนี้ 31.30-31.40 นักลงทุนจับตาท่าทีธปท.-ติดตามผลประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้
- การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 5-6 ก.พ. 2561 ที่ จ.ตราด และจันทบุรี จะมีวาระสำคัญเกี่ยวกับการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้ส่งผลดีต่อท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ได้เป็นการยกระดับเพียงภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น
- รฟท.จ่อขยายเวลาก่อสร้างรถไฟสายสีแดง 150 วัน หลังติดปมเวนคืนพื้นที่ เดินหน้าเตรียมชงไฮสปีด 2.15 แสนล้าน เล็งเสนอนายกฯ เคาะไฟเขียว 1 ก.พ.นี้
- นักวิเคราะห์เตรียมปรับลดประมาณการกำไรหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปี 61 ลง ภายหลังจากประกาศผลประกอบการของงวดไตรมาส 4 ปี 60 เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กระทบต่อธุรกิจกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่วนใหญ่จะพึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาวัตถุดิบอย่างเช่นทองแดงและทองคำปรับสูงขึ้น
- คมนาคมเปิดผลการศึกษารถไฟเชื่อมตะวันตก-ออก เกาหลีแนะสร้างเส้นทางลากผ่าน จ.สุโขทัย พร้อมวางกรอบเวลาเปิดประมูลปี 62 ก่อสร้าง 5 ปี และเริ่มให้บริการจริงปี 68
- ที่ผ่านมากระทรวงการคลังโดย สศค.ได้ชี้แจงและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนในข้อกฎหมายของ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ.2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่อาจเกี่ยวข้องกับการชักชวนซื้อขายเงินดิจิทัลที่มีการดำเนินการกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งยังไม่มีกฎหมายรองรับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- PLANB (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 7.9 บาท คาดกำไร Q4/60 โตเด่น +70% YoY เป็น 99 ล้านบาท (แต่ลดลง –34% QoQ จากอัตราการใช้สื่อโฆษณาที่ลดลงในช่วงงานพระราชพิธีฯ ในเดือน ต.ค.60) พร้อมคาดกำไรปี 2561 เติบโต +44% YoY เป็น 698 ล้านบาท จากอัตราการใช้สื่อที่คาดจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมฯ และการขยายพื้นที่ให้บริการสื่อ (คาด Capacity เพิ่ม 7-8%) อาทิ เพิ่มจอสื่อดิจิตอล 140 จอ อีกทั้งขยายบริการสื่อโฆษณาบนรถโดยสาร ขสมก อีก 489 คัน ทั้งนี้ ล่าสุดประกาศซื้อหุ้น BMN 20% โดยใช้เงินลงทุน 262.2 ล้านบาท ทั้งนี้ BEM เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บน BMN ในสัดส่วน 65.2% โดย BMN ทำธุรกิจบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีรถไฟฟ้า MRT ได้แก่ การบริหารสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์, การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์, การให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคม
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 120 บาท คาดผลการดำเนินงานในช่วง Q4/60 จะมีกำไรสุทธิสูงถึง 11,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% qoq และ 19% yoy ปัจจัยหลักมาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจการกลั่น ตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างที่สูงขึ้น โดยคาดค่าการกลั่นของ PTTGC ในช่วง Q4/60 จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 8.1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในช่วง Q3/60 นอกจากนี้คาดจะมีผลกำไรจากสต็อกน้ำมันประมาณ 900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ Q3/60 ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในช่วง Q4/60 ประมาณ 7.6 USD/bbl มาอยู่ที่เฉลี่ย 61.5 USD/bbl ในเดือน ธ.ค.
- BANPU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 แข็งแกร่ง ราคาปัจจุบันซื้อข่ายที่ 10x PER ราคาเหมาะสมที่ 30 บาท ซึ่งหักความเสียหายที่เกิดจากคดี 4 บาท ยังเหลือมูลค่าเหมาะสมราว 26 บาท โดยประเมินว่าหุ้นจะตอบรับผลการดำเนินงานและราคาพลังงานที่สูงขึ้นก่อนความกังวลผลการพิจารณาคดีในวันที่ 6 มี.ค.จะเข้ามากระทบในช่วงปลายก.พ.
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นได้ เล็งรับ Sentiment บวกจากหุ้นโลก โดยตลาดหุ้นในสหรัฐฯได้ขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ และราคาน้ำมันก็ยังปรับตัวขึ้นด้วย ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกันหมด
พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ และให้ติดตามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค.
พร้อมให้แนวรับ 1,815-1,820 จุด ส่วนแนวต้าน 1,835-1,840 ถัดไป 1,850 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
-ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,616.71 จุด เพิ่มขึ้น 223.92 จุด (+0.85%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,872.87 จุด เพิ่มขึ้น 33.62 จุด (+1.18%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,505.77 จุด เพิ่มขึ้น 94.61 จุด (+1.28%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 75.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 5.51 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 181.36 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 55.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 14.11 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.28 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.17 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ม.ค.61) 1,828.88 จุด เพิ่มขึ้น 9.59 จุด (+0.53%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,404.75 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 66.14 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ม.ค.61) ที่ 6.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.34 แนวโน้มยังแข็งค่า มองกรอบวันนี้ 31.30-31.40 นักลงทุนจับตาท่าทีธปท.-ติดตามผลประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้
- การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่อย่างเป็นทางการ หรือ ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 5-6 ก.พ. 2561 ที่ จ.ตราด และจันทบุรี จะมีวาระสำคัญเกี่ยวกับการผลักดันระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้ส่งผลดีต่อท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ได้เป็นการยกระดับเพียงภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น
- รฟท.จ่อขยายเวลาก่อสร้างรถไฟสายสีแดง 150 วัน หลังติดปมเวนคืนพื้นที่ เดินหน้าเตรียมชงไฮสปีด 2.15 แสนล้าน เล็งเสนอนายกฯ เคาะไฟเขียว 1 ก.พ.นี้
- นักวิเคราะห์เตรียมปรับลดประมาณการกำไรหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปี 61 ลง ภายหลังจากประกาศผลประกอบการของงวดไตรมาส 4 ปี 60 เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทำให้กระทบต่อธุรกิจกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่วนใหญ่จะพึ่งพิงการส่งออกเป็นหลัก เนื่องจากมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาวัตถุดิบอย่างเช่นทองแดงและทองคำปรับสูงขึ้น
- คมนาคมเปิดผลการศึกษารถไฟเชื่อมตะวันตก-ออก เกาหลีแนะสร้างเส้นทางลากผ่าน จ.สุโขทัย พร้อมวางกรอบเวลาเปิดประมูลปี 62 ก่อสร้าง 5 ปี และเริ่มให้บริการจริงปี 68
- ที่ผ่านมากระทรวงการคลังโดย สศค.ได้ชี้แจงและสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่ชัดเจนในข้อกฎหมายของ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ.2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่อาจเกี่ยวข้องกับการชักชวนซื้อขายเงินดิจิทัลที่มีการดำเนินการกันอยู่ในขณะนี้ ซึ่งยังไม่มีกฎหมายรองรับ
*หุ้นเด่นวันนี้
- PLANB (เคจีไอ) "เก็งกำไร"เป้า 7.9 บาท คาดกำไร Q4/60 โตเด่น +70% YoY เป็น 99 ล้านบาท (แต่ลดลง –34% QoQ จากอัตราการใช้สื่อโฆษณาที่ลดลงในช่วงงานพระราชพิธีฯ ในเดือน ต.ค.60) พร้อมคาดกำไรปี 2561 เติบโต +44% YoY เป็น 698 ล้านบาท จากอัตราการใช้สื่อที่คาดจะเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมฯ และการขยายพื้นที่ให้บริการสื่อ (คาด Capacity เพิ่ม 7-8%) อาทิ เพิ่มจอสื่อดิจิตอล 140 จอ อีกทั้งขยายบริการสื่อโฆษณาบนรถโดยสาร ขสมก อีก 489 คัน ทั้งนี้ ล่าสุดประกาศซื้อหุ้น BMN 20% โดยใช้เงินลงทุน 262.2 ล้านบาท ทั้งนี้ BEM เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บน BMN ในสัดส่วน 65.2% โดย BMN ทำธุรกิจบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ภายในสถานีรถไฟฟ้า MRT ได้แก่ การบริหารสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์, การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์, การให้บริการระบบสื่อสารโทรคมนาคม
- PTTGC (ไอร่า) เป้า 120 บาท คาดผลการดำเนินงานในช่วง Q4/60 จะมีกำไรสุทธิสูงถึง 11,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% qoq และ 19% yoy ปัจจัยหลักมาจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจการกลั่น ตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นจากส่วนต่างที่สูงขึ้น โดยคาดค่าการกลั่นของ PTTGC ในช่วง Q4/60 จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล จาก 8.1 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในช่วง Q3/60 นอกจากนี้คาดจะมีผลกำไรจากสต็อกน้ำมันประมาณ 900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับ Q3/60 ตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในช่วง Q4/60 ประมาณ 7.6 USD/bbl มาอยู่ที่เฉลี่ย 61.5 USD/bbl ในเดือน ธ.ค.
- BANPU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 แข็งแกร่ง ราคาปัจจุบันซื้อข่ายที่ 10x PER ราคาเหมาะสมที่ 30 บาท ซึ่งหักความเสียหายที่เกิดจากคดี 4 บาท ยังเหลือมูลค่าเหมาะสมราว 26 บาท โดยประเมินว่าหุ้นจะตอบรับผลการดำเนินงานและราคาพลังงานที่สูงขึ้นก่อนความกังวลผลการพิจารณาคดีในวันที่ 6 มี.ค.จะเข้ามากระทบในช่วงปลายก.พ.
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้น นลท.จับตาผลประกอบการ-ประชุมเฟด
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าจากการออกมาแสดงความคิดเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในสหรัฐ ได้แก่ ไมโครซอฟท์ เฟซบุ๊ก และเพย์พาล ในวันพุธที่จะถึงนี้ และตามมาด้วยการเปิดเผยผลประกอบการของอาลีบาบา แอปเปิ้ล อัลฟาเบท และอเมซอน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,749.33 จุด เพิ่มขึ้น 117.45 จุด, +0.50% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,863.80 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด, +0.53% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 33,142.51 จุด ลดลง 11.61 จุด, -0.04%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค. เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค. เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
การแถลงนโยบายประจำปีดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งในปีที่แล้ว โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว CNN ก็จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.นี้ รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 49.70 จุด ขานรับ GDP ขยายตัวมากกว่าคาด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขานรับตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวมากกว่าการคาดการณ์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 49.70 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 7,665.54 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยา โดยหุ้นแอสตราเซเนกาเพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น บวก 1.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับอานิสงส์หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวมากกว่าคาดในไตรมาส 4 โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของภาคการผลิตและบริการ
โดย GDP ไตรมาส 4 มีการขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบรายไตรมาส และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%
การขยายตัวของ GDP ในไตรมาส 4 นับว่าสูงที่สุดในปีที่แล้ว โดยไตรมาส 1 และ 2 มีการขยายตัวเพียง 0.3% ขณะที่ไตรมาส 3 มีการขยายตัว 0.4%
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2560 เศรษฐกิจอังกฤษมีการขยายตัว 1.8% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่เป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 ส่วนในปี 2559 เศรษฐกิจมีการขยายตัว 1.9%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังนักลงทุนคลายวิตกยูโรแข็งค่า
0ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) หลังจากที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร และขานรับการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาและสินค้าหรู
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 400.57 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,340.17 จุด เพิ่มขึ้น 41.81 จุด หรือ 0.31% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,529.15 จุด เพิ่มขึ้น 47.94 จุด หรือ 0.87% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,665.54 จุด เพิ่มขึ้น 49.70 จุด หรือ 0.65%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นแอสตราเซเนกาเพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นวิฟอร์ ฟาร์มา ทะยาน 2.9% หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น บวก 1.5%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอช โมเอ็ท เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง พุ่งขึ้น 5.9% หุ้นคริสเตียน ดิออร์ ทะยาน 4.7% หุ้นแอร์เมส อินเตอร์เนชั่นแนล เพิ่มขึ้น 1.9%
ก่อนหน้านี้ สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวเป็นวงกว้าง และอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนก็เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของ ECB ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนมองว่า ECB จะยังคงมีแผนยุติการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่า ECB ได้ประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีก็ตาม
ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% นอกจากนี้ ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 223.92 จุด ขานรับผลประกอบการแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (26 ม.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮอีกครั้ง หลังสหรัฐเผยตัวเลขจีดีพีที่ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย แต่นักลงทุนมองว่ายังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 223.92 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 26,616.71 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 33.62 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 2,872.87 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 94.61 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 7,505.77 จุด
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ทะยานขึ้น 2.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.6%
บริษัทแอบบ์วี, ฮันนีเวล, อินเทล และร็อคเวลล์ ต่างรายงานตัวเลขกำไรและรายได้ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นแอบบ์วีพุ่ง 13.8% หุ้นฮันนีเวลบวก 1.9% หุ้นอินเทลทะยาน 10.6% หุ้นร็อคเวลล์บวก 1.7%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ที่ระดับ 2.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3% ในปีนี้ ตามเป้าหมายของรัฐบาล จากปัจจัยบวกของดอลลาร์ที่อ่อนค่า และเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง รวมทั้งแรงกระตุ้นจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว, 3.1% ในไตรมาส 2 และ 3.2% ในไตรมาส 3
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมาก หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปีที่แล้ว
นอกจากตัวเลขจีดีพีแล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8%
--อินโฟเควสท์
OO4952
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ดอลลาร์ยังคงแข็งค่าจากการออกมาแสดงความคิดเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทชั้นนำในสหรัฐ ได้แก่ ไมโครซอฟท์ เฟซบุ๊ก และเพย์พาล ในวันพุธที่จะถึงนี้ และตามมาด้วยการเปิดเผยผลประกอบการของอาลีบาบา แอปเปิ้ล อัลฟาเบท และอเมซอน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 23,749.33 จุด เพิ่มขึ้น 117.45 จุด, +0.50% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,863.80 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด, +0.53% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 33,142.51 จุด ลดลง 11.61 จุด, -0.04%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 30 ม.ค. เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าของวันที่ 31 ม.ค. เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
การแถลงนโยบายประจำปีดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งในปีที่แล้ว โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว CNN ก็จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างรอดูคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.นี้ รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 49.70 จุด ขานรับ GDP ขยายตัวมากกว่าคาด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และขานรับตัวเลขจีดีพีที่ขยายตัวมากกว่าการคาดการณ์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 49.70 จุด หรือ 0.65% ปิดที่ 7,665.54 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยา โดยหุ้นแอสตราเซเนกาเพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น บวก 1.5%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับอานิสงส์หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวมากกว่าคาดในไตรมาส 4 โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของภาคการผลิตและบริการ
โดย GDP ไตรมาส 4 มีการขยายตัว 0.5% เมื่อเทียบรายไตรมาส และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4%
การขยายตัวของ GDP ในไตรมาส 4 นับว่าสูงที่สุดในปีที่แล้ว โดยไตรมาส 1 และ 2 มีการขยายตัวเพียง 0.3% ขณะที่ไตรมาส 3 มีการขยายตัว 0.4%
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2560 เศรษฐกิจอังกฤษมีการขยายตัว 1.8% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่เป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2555 ส่วนในปี 2559 เศรษฐกิจมีการขยายตัว 1.9%
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก หลังนักลงทุนคลายวิตกยูโรแข็งค่า
0ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 ม.ค.) หลังจากที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร และขานรับการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาและสินค้าหรู
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 400.57 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,340.17 จุด เพิ่มขึ้น 41.81 จุด หรือ 0.31% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,529.15 จุด เพิ่มขึ้น 47.94 จุด หรือ 0.87% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,665.54 จุด เพิ่มขึ้น 49.70 จุด หรือ 0.65%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาปรับตัวเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า โดยหุ้นแอสตราเซเนกาเพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นวิฟอร์ ฟาร์มา ทะยาน 2.9% หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น บวก 1.5%
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นแอลวีเอ็มเอช โมเอ็ท เฮนเนสซี่ หลุยส์ วิตตอง พุ่งขึ้น 5.9% หุ้นคริสเตียน ดิออร์ ทะยาน 4.7% หุ้นแอร์เมส อินเตอร์เนชั่นแนล เพิ่มขึ้น 1.9%
ก่อนหน้านี้ สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวเป็นวงกว้าง และอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนก็เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของ ECB ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนมองว่า ECB จะยังคงมีแผนยุติการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่า ECB ได้ประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีก็ตาม
ทั้งนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% นอกจากนี้ ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 223.92 จุด ขานรับผลประกอบการแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (26 ม.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดทำนิวไฮอีกครั้ง หลังสหรัฐเผยตัวเลขจีดีพีที่ต่ำกว่าคาดการณ์เล็กน้อย แต่นักลงทุนมองว่ายังแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 223.92 จุด หรือ 0.85% ปิดที่ 26,616.71 จุด ดัชนี S&P 500 บวก 33.62 จุด หรือ 1.18% ปิดที่ 2,872.87 จุด ดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 94.61 จุด หรือ 1.28% ปิดที่ 7,505.77 จุด
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ทะยานขึ้น 2.2% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 1.6%
บริษัทแอบบ์วี, ฮันนีเวล, อินเทล และร็อคเวลล์ ต่างรายงานตัวเลขกำไรและรายได้ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นแอบบ์วีพุ่ง 13.8% หุ้นฮันนีเวลบวก 1.9% หุ้นอินเทลทะยาน 10.6% หุ้นร็อคเวลล์บวก 1.7%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ที่ระดับ 2.6% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3% และต่ำกว่าระดับ 3.2% ในไตรมาส 3
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 3% ในปีนี้ ตามเป้าหมายของรัฐบาล จากปัจจัยบวกของดอลลาร์ที่อ่อนค่า และเศรษฐกิจโลกที่แข็งแกร่ง รวมทั้งแรงกระตุ้นจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาล
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว, 3.1% ในไตรมาส 2 และ 3.2% ในไตรมาส 3
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมาก หลังจากที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปีที่แล้ว
นอกจากตัวเลขจีดีพีแล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8%
--อินโฟเควสท์
OO4952