- Details
- Category: หุ้นเด่นวันนี้
- Published: Friday, 26 January 2018 11:38
- Hits: 8054
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ผันผวน หลังทรัมป์หนุนเงินดอลลาร์แข็ง,ไทยอาจเลื่อนเลือกตั้งเป็นก.พ.62
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ออกมาบอกว่า อยากจะเห็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในนโยบายของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ส่วนไทยก็มีความชัดเจนมากขึ้นว่าอาจเลื่อนเลือกตั้งจากเดิม พ.ย.61 เป็น ก.พ.62
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯงวดไตรมาส 4/60 ซึ่งจะประกาศเป็นครั้งแรกในวันนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,805-1,810 จุด ส่วนแนวต้าน 1,830-1,840 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
-ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,392.79 จุด พุ่งขึ้น 140.67 จุด (+0.54%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด (+0.06%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,411.16 จุด ลดลง 3.89 จุด (-0.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 87.85 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 12.82 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 181.83 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.54 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 3.56 จุด ,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.42 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ม.ค.61) 1,819.29 จุด ลดลง 19.67 จุด (-1.07%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,515.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.51ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ม.ค.61) ที่ 6.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.43 แข็งค่าต่อเนื่อง แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.35-31.50 ท่ามกลางตลาดผันผวน
- พาณิชย์เรียกเอกชนประเมินสถานการณ์ส่งออกวันนี้ หลังเผชิญผลกระทบรอบด้าน "บาทแข็ง-สหรัฐส่อขึ้นภาษีนำเข้า" เพิ่ม หลังรมต.พาณิชย์สหรัฐส่งสัญญาณขึ้นภาษีในที่ประชุมดับเบิลยู อีเอฟ ระบุจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อการค้าโลกอีกต่อไป ด้านสภาผู้ส่งออกหวั่นบาทแข็งป่วนเป้าส่งออก เหตุแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน
- สกุลเงินทั่วโลกแข็งค่าสวนทางดอลลาร์ หลังรมว.คลังสหรัฐส่งสัญญาณเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะบาทแข็งทุบสถิติรอบ 4 ปีเศษ แตะระดับ 31.34 บาทต่อดอลลาร์ นักวิเคราะห์เตือนทั่วโลกรับมือดอลลาร์อ่อน ด้าน สศค.ระบุแนวโน้มบาทแข็งจากปัจจัยทั้ง ภายใน-นอก เล็งปรับคาดการณ์เงินบาทปีนี้
- กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ก.พ. 2561 ให้พิจารณามาตรการส่งเสริม 2 อุตสาหกรรมตามแผนพัฒนาและขับเคลื่อน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอส-เคิร์ฟ)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินแนวโน้ม การขยายตัวของสินเชื่อสุทธิในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่งในปี 2561 มีโอกาสขยายตัวสูงขึ้นกว่าระดับ 4.3% ในปี 2560 ทั้งนี้คาดว่าอานิสงส์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นน่าจะช่วยประคองการฟื้นตัวของสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยอาจโตได้ต่อเนื่อง
- นักวิชาการเตือนแบงก์ชาติแทรกแซงค่าเงินบาทต้องระวัง หวั่นถูกสหรัฐโจมตีการค้า เหตุเป็น 1 ใน 16 ประเทศเกินดุล ฟาก ก.ล.ต.คาดประกาศเกณฑ์ไอซีโอ ไตรมาสแรกปี 61
*หุ้นเด่นวันนี้
- AMANAH (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ออกมาดี ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/60 ที่เห็นสัญญาณหนี้เสียที่ควบคุมได้ ขณะที่พอร์ตสินเชื่อกลับมาเดินหน้าเพิ่มขึ้น ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER 12 เท่า และคาดล้างขาดทุนสะสมหมด และกลับมาจ่ายปันผลได้ในปีหน้า เป็นปัจจัยสำคัญของการฟื้นตัวของราคา
- AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) เป้า 30 บาท แนวโน้มกำไร Q4/60 -23% Q-Q, -39% Y-Y เพราะลูกค้าบางส่วนรอความชัดเจนของกม. EEC ซึ่งคาดเสร็จสมบูรณ์ใน 1Q61 แต่น่าจะทำให้กำไรสุทธิทั้งปีโตได้ 17% Y-Y และคาดโตต่อ 18% Y-Y ในปีนี้ ระยะยาวยังสดใสจากอานิสงส์ของ EEC เพราะมีพื้นที่พร้อมขายกว่า 1 หมื่นไร่ในระยองและชลบุรี
- AP (ไอร่า) เป้า 10.20 บาท คาด Q4/60 มีกำไรสุทธิ 1,138 ล้านบาท (+79%QoQ แต่ -10%YoY) สูงสุดในรอบปี 60 จาก Backlog รอโอน ทั้งโครงการแนวราบและคอนโด ประมาณ 5,700 ล้านบาท และการส่งมอบโครงการคอนโดใหม่ อีก 3 โครงการ แบ่งเป็น โครงการของ AP เอง 2 โครงการ ได้แก่ Aspire Erawan เฟส 1 มูลค่า 3,500 ล้านบาท มียอดขาย 44% และ Life Sukhumvit 48 มูลค่า 2,200 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 100% และโครงการร่วมทุน ที่พร้อมส่งมอบ อีก 1 โครงการ ได้แก่ Rhythm Rangnam มูลค่า 2,700 ล้านบาท ขายหมดแล้ว 100% ซึ่งคาดเข้ามาช่วยเพิ่มส่วนแบ่งกำไรใน 4Q60 ขณะที่คาดทั้งปี 60 มีกำไรสุทธิ 3,087 ล้านบาท เติบโต 14%
- TRUE (เคทีบี) มองราคา TRUE ที่ปรับตัวลงวานนี้เป็นเพียงแรงขายจาก panic sell โดยยังคงให้ความสนใจในกลุ่ม telecom เนื่องจากมองว่านักลงทุนจะหันมาสนใจกลุ่มที่อิง domestic play มากขึ้นหลังปัจจัยเรื่องต่างประเทศยังไม่ชัดเจน อีกทั้งมองว่ากลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบหากมีการเลื่อนการเลือกตั้งน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเรื่องการแบ่งคลื่น 1800 MHz ที่จะเข้าประมูล 45 MHz จากเดิม 3 ใบอนุญาต ออกไปเป็น 9 ใบอนุญาต
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะผันผวน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้ออกมาบอกว่า อยากจะเห็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในนโยบายของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น ส่วนไทยก็มีความชัดเจนมากขึ้นว่าอาจเลื่อนเลือกตั้งจากเดิม พ.ย.61 เป็น ก.พ.62
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ พร้อมให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯงวดไตรมาส 4/60 ซึ่งจะประกาศเป็นครั้งแรกในวันนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,805-1,810 จุด ส่วนแนวต้าน 1,830-1,840 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
-ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,392.79 จุด พุ่งขึ้น 140.67 จุด (+0.54%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด (+0.06%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,411.16 จุด ลดลง 3.89 จุด (-0.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 87.85 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 12.82 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 181.83 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.54 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 1.91 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 3.56 จุด ,ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 13.42 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 ม.ค.61) 1,819.29 จุด ลดลง 19.67 จุด (-1.07%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,515.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 65.51ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 ม.ค.61) ที่ 6.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.43 แข็งค่าต่อเนื่อง แนวโน้มแกว่งในกรอบ 31.35-31.50 ท่ามกลางตลาดผันผวน
- พาณิชย์เรียกเอกชนประเมินสถานการณ์ส่งออกวันนี้ หลังเผชิญผลกระทบรอบด้าน "บาทแข็ง-สหรัฐส่อขึ้นภาษีนำเข้า" เพิ่ม หลังรมต.พาณิชย์สหรัฐส่งสัญญาณขึ้นภาษีในที่ประชุมดับเบิลยู อีเอฟ ระบุจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อการค้าโลกอีกต่อไป ด้านสภาผู้ส่งออกหวั่นบาทแข็งป่วนเป้าส่งออก เหตุแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน
- สกุลเงินทั่วโลกแข็งค่าสวนทางดอลลาร์ หลังรมว.คลังสหรัฐส่งสัญญาณเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะบาทแข็งทุบสถิติรอบ 4 ปีเศษ แตะระดับ 31.34 บาทต่อดอลลาร์ นักวิเคราะห์เตือนทั่วโลกรับมือดอลลาร์อ่อน ด้าน สศค.ระบุแนวโน้มบาทแข็งจากปัจจัยทั้ง ภายใน-นอก เล็งปรับคาดการณ์เงินบาทปีนี้
- กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ก.พ. 2561 ให้พิจารณามาตรการส่งเสริม 2 อุตสาหกรรมตามแผนพัฒนาและขับเคลื่อน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (เอส-เคิร์ฟ)
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินแนวโน้ม การขยายตัวของสินเชื่อสุทธิในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่งในปี 2561 มีโอกาสขยายตัวสูงขึ้นกว่าระดับ 4.3% ในปี 2560 ทั้งนี้คาดว่าอานิสงส์จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวขึ้นน่าจะช่วยประคองการฟื้นตัวของสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยอาจโตได้ต่อเนื่อง
- นักวิชาการเตือนแบงก์ชาติแทรกแซงค่าเงินบาทต้องระวัง หวั่นถูกสหรัฐโจมตีการค้า เหตุเป็น 1 ใน 16 ประเทศเกินดุล ฟาก ก.ล.ต.คาดประกาศเกณฑ์ไอซีโอ ไตรมาสแรกปี 61
*หุ้นเด่นวันนี้
- AMANAH (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/60 ออกมาดี ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/60 ที่เห็นสัญญาณหนี้เสียที่ควบคุมได้ ขณะที่พอร์ตสินเชื่อกลับมาเดินหน้าเพิ่มขึ้น ราคาปัจจุบันซื้อขายที่เพียง PER 12 เท่า และคาดล้างขาดทุนสะสมหมด และกลับมาจ่ายปันผลได้ในปีหน้า เป็นปัจจัยสำคัญของการฟื้นตัวของราคา
- AMATA (ฟินันเซีย ไซรัส) เป้า 30 บาท แนวโน้มกำไร Q4/60 -23% Q-Q, -39% Y-Y เพราะลูกค้าบางส่วนรอความชัดเจนของกม. EEC ซึ่งคาดเสร็จสมบูรณ์ใน 1Q61 แต่น่าจะทำให้กำไรสุทธิทั้งปีโตได้ 17% Y-Y และคาดโตต่อ 18% Y-Y ในปีนี้ ระยะยาวยังสดใสจากอานิสงส์ของ EEC เพราะมีพื้นที่พร้อมขายกว่า 1 หมื่นไร่ในระยองและชลบุรี
- AP (ไอร่า) เป้า 10.20 บาท คาด Q4/60 มีกำไรสุทธิ 1,138 ล้านบาท (+79%QoQ แต่ -10%YoY) สูงสุดในรอบปี 60 จาก Backlog รอโอน ทั้งโครงการแนวราบและคอนโด ประมาณ 5,700 ล้านบาท และการส่งมอบโครงการคอนโดใหม่ อีก 3 โครงการ แบ่งเป็น โครงการของ AP เอง 2 โครงการ ได้แก่ Aspire Erawan เฟส 1 มูลค่า 3,500 ล้านบาท มียอดขาย 44% และ Life Sukhumvit 48 มูลค่า 2,200 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 100% และโครงการร่วมทุน ที่พร้อมส่งมอบ อีก 1 โครงการ ได้แก่ Rhythm Rangnam มูลค่า 2,700 ล้านบาท ขายหมดแล้ว 100% ซึ่งคาดเข้ามาช่วยเพิ่มส่วนแบ่งกำไรใน 4Q60 ขณะที่คาดทั้งปี 60 มีกำไรสุทธิ 3,087 ล้านบาท เติบโต 14%
- TRUE (เคทีบี) มองราคา TRUE ที่ปรับตัวลงวานนี้เป็นเพียงแรงขายจาก panic sell โดยยังคงให้ความสนใจในกลุ่ม telecom เนื่องจากมองว่านักลงทุนจะหันมาสนใจกลุ่มที่อิง domestic play มากขึ้นหลังปัจจัยเรื่องต่างประเทศยังไม่ชัดเจน อีกทั้งมองว่ากลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบหากมีการเลื่อนการเลือกตั้งน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวเรื่องการแบ่งคลื่น 1800 MHz ที่จะเข้าประมูล 45 MHz จากเดิม 3 ใบอนุญาต ออกไปเป็น 9 ใบอนุญาต
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงเช้านี้ ขณะนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ แต่ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งเมื่อพิจารณาตลอดสัปดาห์ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ กล่าวสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,757.34 จุด เพิ่มขึ้น 87.85 จุด, +0.37% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,535.49 จุด ลดลง 12.82 จุด, -0.36% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 32,836.28 จุด เพิ่มขึ้น 181.83 จุด, +0.56% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,152.53 จุด เพิ่มขึ้น 9,986.58 จุด, +856.52% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,560.69 จุด ลดลง 1.54 จุด, -0.06% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,574.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด, +0.04% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,843.95 จุด ลดลง 1.91 จุด, -0.10% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,995.61 จุด ลดลง 3.56 จุด, -0.04%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CNBC หลังจากเดินทางถึงเมืองดาวอสเพื่อเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เมื่อวานนี้ว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่งในหลายภาคส่วน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังได้กล่าวในเชิงสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ว่า สื่อมวลชนอาจตีความคำพูดของนายมนูชินผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะสื่อ เพราะความจริงแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง และคงไม่มีใครพูดถึงสกุลเงินดอลลาร์ในทิศทางที่ตรงกันข้าม
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 27.59 จุด นลท.กังวลเงินปอนด์แข็งฉุดผลประกอบการ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) เนื่องจากเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,615.84 จุด ลดลง 27.59 จุด หรือ -0.36%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินปอนด์แข็งค่านั้น มาจากข้อมูลแรงงานที่สดในของอังกฤษ โดยอัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2518 ส่วนจำนวนผู้ที่มีงานทำเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 102,000 ตำแหน่ง และค่าแรงเพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านธุรกิจ ร่วงลง 2.3% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ ขณะที่หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ ดิ่งลง 2.13%
อย่างไรก็ตาม หุ้นดิอาจิโอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวอดก้า "Smirnoff" และวิสกี้ "Johnnie Walker" พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบการเงินของบริษัท เพิ่มขึ้น 6.2% พร้อมกับคาดการณ์ว่า มาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดภาระการจ่ายภาษีของบริษัทด้วยเช่นกัน
หุ้นสกาย ดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบการเงินของบริษัท เพิ่มขึ้น 28% โดยผลประกอบการที่สดใสช่วยหนุนหุ้นสกายฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ จากการที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางธุรกิจของอังกฤษระบุว่า ข้อเสนอของบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในการซื้อกิจการของบริษัทสกายนั้น ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับสาธารณชนในประเทศ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกเงินยูโรแข็งค่า ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังคงมีแผนยุติการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่า ECB ประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.6% แตะระดับ 398.60 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,298.36 จุด ลดลง 116.38 จุด หรือ -0.87% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,481.21 จุด ลดลง 13.95 จุด หรือ -0.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,615.84 จุด ลดลง 27.59 จุด หรือ -0.36%
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ หลังจาก ECB ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวเป็นวงกว้าง และอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนก็เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของ ECB ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนมองว่า ECB จะยังคงมีแผนยุติการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่า ECB ได้ประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม
โดยเมื่อวานนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% นอกจากนี้ ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านธุรกิจ ร่วงลง 2.3% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ ขณะที่หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ ดิ่งลง 2.13%
หุ้นดิอาจิโอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวอดก้า "Smirnoff" และวิสกี้ "Johnnie Walker" พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบการเงินของบริษัท เพิ่มขึ้น 6.2% พร้อมกับคาดการณ์ว่า มาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดภาระการจ่ายภาษีของบริษัทด้วยเช่นกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 117.6 ในเดือนม.ค. เทียบเท่ากับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนพ.ย. หลังจากอยู่ที่ระดับ 117.2 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 117.1
ทั้งนี้ Ifo เป็นสถาบันวิจัยชั้นนำของยุโรป โดยผลสำรวจความเชื่อมั่นดังกล่าวได้มาจากการสำรวจบริษัทในภาคการผลิต ก่อสร้าง ค้าส่งและค้าปลีก ประมาณ 7,000 แห่งในแต่ละเดือน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 140.67 จุด รับผลประกอบการสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทแคทเธอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตเครื่องมือก่อสร้างรายใหญ่ระดับโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,392.79 จุด พุ่งขึ้น 140.67 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,411.16 จุด ลดลง 3.89 จุด หรือ -0.05%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทแคทเธอร์พิลลาร์เปิดเผยกำไร 2.16 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2560 สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.79 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.290 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.198 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่สดใสของแคทเธอร์พิลลาร์ช่วยหนุนราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 4% ในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดปรับตัวขึ้น 0.61%
หุ้น 3M ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยประกอบการในไตรมาส 4/2560 ที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ พร้อมกับประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล 16% สู่ระดับ 1.36 ดอลลาร์ต่อหุ้น
หุ้นไบโอเจน อิงค์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.09% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ที่สูงเกินคาด อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายยา "Spinraza" ขณะที่หุ้นเซลจีน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่เช่นกัน ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่สูงเกินคาด
หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.45% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2560
หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของดีเอ ดิวิชั่นส์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นอเมซอนดอทคอม สู่ระดับ 1,800 ดอลลาร์
ส่วนหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ออกมาแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อยอดขาย iPhone X ขณะที่หุ้นเทสลา อิงค์ ร่วงลง 2.4% หลังจากมีรายงานว่า เทสลาอาจเลื่อนการผลิตรถยนต์รุ่น Model 3 เนื่องจากพบปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่แห่งใหม่ของบริษัท
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CNBC หลังจากเดินทางถึงเมืองดาวอสเพื่อเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เมื่อวานนี้ว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสตีเวน มูนชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้กล่าวในเชิงสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ว่า สื่อมวลชนอาจตีความคำพูดของนายมนูชินที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะสื่อ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและส่งผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 240,000 ราย
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยดิ่งลง 9.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 625,000 ยูนิต ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560
--อินโฟเควสท์
OO4888
ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ แต่ยังมีแนวโน้มแข็งแกร่งเมื่อพิจารณาตลอดสัปดาห์ ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ กล่าวสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,757.34 จุด เพิ่มขึ้น 87.85 จุด, +0.37% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,535.49 จุด ลดลง 12.82 จุด, -0.36% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 32,836.28 จุด เพิ่มขึ้น 181.83 จุด, +0.56% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,152.53 จุด เพิ่มขึ้น 9,986.58 จุด, +856.52% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,560.69 จุด ลดลง 1.54 จุด, -0.06% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,574.09 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด, +0.04% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,843.95 จุด ลดลง 1.91 จุด, -0.10% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ที่ 8,995.61 จุด ลดลง 3.56 จุด, -0.04%
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CNBC หลังจากเดินทางถึงเมืองดาวอสเพื่อเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เมื่อวานนี้ว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐมีความแข็งแกร่งในหลายภาคส่วน
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังได้กล่าวในเชิงสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ว่า สื่อมวลชนอาจตีความคำพูดของนายมนูชินผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะสื่อ เพราะความจริงแล้ว เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่แข็งแกร่ง และคงไม่มีใครพูดถึงสกุลเงินดอลลาร์ในทิศทางที่ตรงกันข้าม
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560
ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 27.59 จุด นลท.กังวลเงินปอนด์แข็งฉุดผลประกอบการ
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) เนื่องจากเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,615.84 จุด ลดลง 27.59 จุด หรือ -0.36%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากการแข็งค่าของเงินปอนด์ได้สร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในดัชนี FTSE 100 โดยรายได้ 75% ของบริษัทข้ามชาติที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนนั้นอยู่ในรูปของสกุลเงินต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์จึงส่งผลกระทบต่อหุ้นของบริษัทเหล่านี้
ปัจจัยที่ทำให้สกุลเงินปอนด์แข็งค่านั้น มาจากข้อมูลแรงงานที่สดในของอังกฤษ โดยอัตราว่างงานเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 4.3% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2518 ส่วนจำนวนผู้ที่มีงานทำเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 102,000 ตำแหน่ง และค่าแรงเพิ่มขึ้น 2.5% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านธุรกิจ ร่วงลง 2.3% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ ขณะที่หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ ดิ่งลง 2.13%
อย่างไรก็ตาม หุ้นดิอาจิโอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวอดก้า "Smirnoff" และวิสกี้ "Johnnie Walker" พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบการเงินของบริษัท เพิ่มขึ้น 6.2% พร้อมกับคาดการณ์ว่า มาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดภาระการจ่ายภาษีของบริษัทด้วยเช่นกัน
หุ้นสกาย ดีดตัวขึ้น 0.9% หลังจากเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบการเงินของบริษัท เพิ่มขึ้น 28% โดยผลประกอบการที่สดใสช่วยหนุนหุ้นสกายฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ จากการที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางธุรกิจของอังกฤษระบุว่า ข้อเสนอของบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในการซื้อกิจการของบริษัทสกายนั้น ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับสาธารณชนในประเทศ
ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: วิตกเงินยูโรแข็งค่า ฉุดตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยังคงมีแผนยุติการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่า ECB ประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.6% แตะระดับ 398.60 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,298.36 จุด ลดลง 116.38 จุด หรือ -0.87% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,481.21 จุด ลดลง 13.95 จุด หรือ -0.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,615.84 จุด ลดลง 27.59 จุด หรือ -0.36%
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นและสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ หลังจาก ECB ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวเป็นวงกว้าง และอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนก็เคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายที่ระดับ 2% ของ ECB ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนมองว่า ECB จะยังคงมีแผนยุติการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่า ECB ได้ประกาศคงนโยบายการเงินในการประชุมเมื่อวานนี้ก็ตาม
โดยเมื่อวานนี้ ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.40% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% นอกจากนี้ ECB ประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย.
หุ้นเซจ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านธุรกิจ ร่วงลง 2.3% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้นบลูชิพ ขณะที่หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ ดิ่งลง 2.13%
หุ้นดิอาจิโอ ซึ่งเป็นผู้ผลิตวอดก้า "Smirnoff" และวิสกี้ "Johnnie Walker" พุ่งขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบการเงินของบริษัท เพิ่มขึ้น 6.2% พร้อมกับคาดการณ์ว่า มาตรการปรับลดภาษีของรัฐบาลสหรัฐจะช่วยลดภาระการจ่ายภาษีของบริษัทด้วยเช่นกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 117.6 ในเดือนม.ค. เทียบเท่ากับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนพ.ย. หลังจากอยู่ที่ระดับ 117.2 ในเดือนธ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 117.1
ทั้งนี้ Ifo เป็นสถาบันวิจัยชั้นนำของยุโรป โดยผลสำรวจความเชื่อมั่นดังกล่าวได้มาจากการสำรวจบริษัทในภาคการผลิต ก่อสร้าง ค้าส่งและค้าปลีก ประมาณ 7,000 แห่งในแต่ละเดือน
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 140.67 จุด รับผลประกอบการสดใส
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ม.ค.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ปิดทำนิวไฮ ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทแคทเธอร์พิลลาร์ ผู้ผลิตเครื่องมือก่อสร้างรายใหญ่ระดับโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,392.79 จุด พุ่งขึ้น 140.67 จุด หรือ +0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.71 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,411.16 จุด ลดลง 3.89 จุด หรือ -0.05%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทแคทเธอร์พิลลาร์เปิดเผยกำไร 2.16 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4/2560 สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.79 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 1.290 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.198 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่สดใสของแคทเธอร์พิลลาร์ช่วยหนุนราคาหุ้นของบริษัทพุ่งขึ้นเกือบ 4% ในระหว่างวัน ก่อนที่จะปิดตลาดปรับตัวขึ้น 0.61%
หุ้น 3M ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยประกอบการในไตรมาส 4/2560 ที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ พร้อมกับประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผล 16% สู่ระดับ 1.36 ดอลลาร์ต่อหุ้น
หุ้นไบโอเจน อิงค์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.09% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2560 ที่สูงเกินคาด อันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายยา "Spinraza" ขณะที่หุ้นเซลจีน คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่เช่นกัน ปรับตัวขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่สูงเกินคาด
หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.45% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 4/2560
หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 1.5% หลังจากนักวิเคราะห์ของดีเอ ดิวิชั่นส์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นอเมซอนดอทคอม สู่ระดับ 1,800 ดอลลาร์
ส่วนหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ออกมาแสดงมุมมองที่เป็นลบต่อยอดขาย iPhone X ขณะที่หุ้นเทสลา อิงค์ ร่วงลง 2.4% หลังจากมีรายงานว่า เทสลาอาจเลื่อนการผลิตรถยนต์รุ่น Model 3 เนื่องจากพบปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่แห่งใหม่ของบริษัท
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทข้ามชาติ โดยสำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของ CNBC หลังจากเดินทางถึงเมืองดาวอสเพื่อเข้าร่วมประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) เมื่อวานนี้ว่า เขาสนับสนุนการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และเชื่อว่าดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นอีก นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสตีเวน มูนชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้กล่าวในเชิงสนับสนุนการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ว่า สื่อมวลชนอาจตีความคำพูดของนายมนูชินที่ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาต้องการจะสื่อ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดและส่งผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 17,000 ราย สู่ระดับ 233,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 240,000 ราย
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. โดยดิ่งลง 9.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 625,000 ยูนิต ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2559
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560
--อินโฟเควสท์
OO4888