WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

7 ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่ง Sideway Up เล็ง Fund Flow ไหลเข้าหลัง US Dollar Index อ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่ง Sideway Up คาดว่าจะได้อานิสงส์จาก US Dollar Index อ่อนค่าสุดในรอบ 3 ปี ซึ่งจะหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้า และเงินบาทก็แข็งค่าด้วย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็ขยับเข้าใกล้บริเวณ 65 เหรียญฯ/บาร์เรล อันเป็นผลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้า ทำให้อุปสงค์น้ำมันคาดว่าจะดีขึ้น และสต็อคน้ำมันของสหรัฐฯก็น่าจะลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกัน
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้จะอิงไปทางติดลบเล็กน้อยเฉลี่ย 0.1% โดยวันนี้ให้ติดตามการประกาศผลประกอบการของ SCC และติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศทั่วโลก ทั้งญี่ปุ่น, สหรัฐฯ, ยุโรป
พร้อมให้แนวรับ 1,824-1,825 ถัดไป 1,815-1,820 จุด ส่วนแนวต้าน 1,835-1,840 ถัดไป 1,850 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 ม.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,210.81 จุด ลดลง 3.79 จุด (-0.01%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.13 จุด เพิ่มขึ้น 6.16 จุด (+0.22%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,460.29 จุด เพิ่มขึ้น 52.26 จุด (+0.71%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 97.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 6.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 23.47 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 24.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,533.86 จุด ลดลง 2.74 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.60 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.08 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ม.ค.61) 1,831.78 จุด เพิ่มขึ้น 7.72 จุด (+0.42%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 444.35 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ม.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 ม.ค.61) ปิดที่ระดับ 64.47ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ม.ค.61) ที่ 5.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.75 แข็งค่าในรอบ 42 เดือนตามทิศทางภูมิภาคจากแรงขายดอลล์
- "แบงก์ชาติ" ปัดแทรกค่าเงิน เพื่อหวังผลทางการค้า ย้ำทำเพื่อดูแลเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ผันผวนเร็วจนกระทบภาคธุรกิจ ชี้เรื่องบัญชีบิดเบือนค่าเงินของสหรัฐ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยชี้แจงหลายรอบแล้ว พร้อมประเมินแนวโน้มเงินบาทยังผันผวน เตือนผู้เกี่ยวข้องประกันความเสี่ยง ขณะ "เครดิต สวิส" มองบาทแข็งแตะ 31.5 ต่อดอลลาร์
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ประกาศปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2561 โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) จะเติบโตได้ถึง 3.9% หรือเพิ่มขึ้น 0.2% จากคาดการณ์เดิมเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้วที่ 3.7% โดยเป็นความต่อเนื่องจากในปี 2560 ที่เศรษฐกิจใน 120 ประเทศขยายตัวดีขึ้น ทั้งในประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา หรือคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ทั่วโลกกำลังเติบโตแบบทั่วถึงกันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งหนังสือชี้แจงมายังกระทรวงการคลังต่อกรณีที่เงินเฟ้อในปี 2560 ต่ำกว่ากรอบที่ ธปท.ตกลงไว้กับกระทรวงการคลังที่ 1-4% โดย ธปท.ชี้แจงว่าที่เงินเฟ้อเคลื่อนไหวหลุดกรอบลงไปอยู่ที่ 0.66% มาจากราคาอาหาร ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับที่ต่ำ ไม่ใช่เป็นเพราะไม่มีการใช้จ่าย แต่เป็นปัญหาด้านซัพพลาย (อุปทาน) ที่กระทบต่อระดับราคาและเงินเฟ้อ แต่เชื่อว่าในระยะกลางเงินเฟ้อจะกลับเข้ามาอยู่ในกรอบที่มีการกำหนดไว้ได้ และปีนี้ก็เชื่อว่าเงินเฟ้อจะเข้ากรอบบวกลบ 1.5% หรือ 1-4% ได้
- นายแบงก์ส่งสัญญาณเริ่มวิตกกระแสเลื่อนการเลือกตั้ง เผยเป็นปัจจัยเพิ่มเสี่ยงต่อเป้าการขยายตัวเศรษฐกิจ ต่อจากปัญหาเงินบาทแข็งยังไม่จาง จับตากลางปีแข็งสุด 31.20 บาทต่อดอลล์ สวนทางเอกชนยังมองไม่กระทบความเชื่อมั่นการค้าและลงทุน
*หุ้นเด่นวันนี้
- PTTEP (ไอร่า) เป้า 130 บาท ได้รับประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น คาด Q4/60 ผลการดำเนินงานกลับมาเป็นปกติ หลังมีผลขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ จากการปรับประมาณการผลิตของแหล่งออยล์แซนด์ที่แคนาดา จำนวน 18,505 ล้านบาท เมื่อ Q3/60 ที่ผ่านมา โดยคาดในช่วง Q4/60 มีกำไรสุทธิ 8,191 ล้านบาท ส่วนหนึ่งคาดจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยนหลังเงินบาทแข็งค่า ประมาณ 3,200 ล้านบาท ขณะที่คาดผลกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) อ่อนตัวลงเล็กน้อยจาก SG&A ที่ปกติจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี โดยคาดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยจะทรงตัวอยู่ที่ 29 USD/boe ในช่วง Q4/60 พร้อมคาดปี 61 ยังมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง โดยคาดกำไรสุทธิ +65% อยู่ที่ 31,827 ล้านบาท
- ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 85 บาท แม้แนวโน้ม SSSG ใน Q4/60 อาจติดลบต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 แต่ด้วยการรับรู้รายได้จากสาขาใหม่ การปรับ Product Mix ได้ดี และมีรายได้ค่าเช่าเติบโตต่อเนื่อง ทำให้คาดกำไรปกติ 4Q60 จะทำจุดสูงสุดใหม่ ซึ่งเติบโตดี +38% Q-Q, +10% Y-Y ทำให้กำไรปกติปี 2560 โต +7% Y-Y และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้มากขึ้นในปีนี้ จากกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัว และยังมีแผนเปิดสาขาใหม่ในรูปแบบ Lifestyle Center ที่ช่วยหนุนรายได้ค่าเช่า โดยคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 +15% Y-Y
- SPCG (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง) "ซื้อ"เป้า 27.25 บาท แนวโน้มกำไร Q4/60 คาดจะทำสถิติใหม่ / valuation มีส่วนลดจากกลุ่มพลังงานถึง 47% / กำลังจะเข้ารอบปันผลอีกครั้งสำหรับ 2H60 (คาด 0.75 บาท หรือ 3.3% หากยังไม่มีลงทุนใหญ่) ขณะที่ตลาดโซล่าร์บนหลังคา ทางการก็ขยายการสนับสนุนไปอีก 2 ปี ทำให้จะยังคงเป็น Organic growth ได้จากหุ้นตัวนี้ พร้อมคาดกำไรสุทธิ Q4/60 จะทำสถิติใหม่ที่ 678 ล้านบาท ขยายตัว 24% QoQ และ 8% YoY

ตลาดหุ้นเอเชียผันผวนเช้านี้ หลังดาวโจนส์อ่อนแรง แต่ S&P500 และ Nasdaq ยังทำนิวไฮ
        ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเช้านี้ หลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืน โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทรายใหญ่อย่างจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 24,026.43 จุด ลดลง 97.72 จุด, -0.41% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,553.48 จุด เพิ่มขึ้น 6.98 จุด, +0.20% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 32,907.23 จุด ลดลง 23.47 จุด, -0.07% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 11,228.71 จุด ลดลง 24.40 จุด, -0.22% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,533.86 จุด ลดลง 2.74 จุด, -0.11% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,591.48 จุด ลดลง 0.60 จุด, -0.02% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,838.12 จุด เพิ่มขึ้น 0.08 จุด, +0.00%
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดบวก 16.39 จุด รับสหรัฐพ้นวิกฤตชัตดาวน์,หุ้นอีซี่เจ็ทพุ่ง
          ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวสภาคองเกรสสหรัฐที่ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นอีซี่เจ็ท
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,731.83 จุด เพิ่มขึ้น 16.39 จุด หรือ +0.21%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการบริหารประเทศจนถึงวันที่ 8 ก.พ.
หุ้นอีซี่เจ็ท พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากทางสายการบินเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 6.6% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2561
หุ้นสกาย ผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางธุรกิจของอังกฤษระบุว่า ข้อเสนอของบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในการซื้อกิจการของบริษัทสกายนั้น ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับสาธารณชนในประเทศ
ทั้งนี้ บริษัท ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค ได้ยื่นข้อเสนอวงเงิน 1.17 หมื่นล้านปอนด์ (1.52 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือของบริษัทสกาย ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การซื้อกิจการสกายจะทำให้นายเมอร์ดอคมีอำนาจมากเกินไปในวงการสื่อของอังกฤษ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลง โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ดิ่งลง 3.9% และหุ้นเกลนคอร์ ร่วงลง 2.9%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของอังกฤษในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ทางการอังกฤษจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย. ส่วนในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับผลประกอบการสดใส,สหรัฐพ้นชัตดาวน์
          ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) หลังจากสภาคองเกรสสหรัฐผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หรือชัตดาวน์ นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 402.81 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2558
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,559.60 จุด เพิ่มขึ้น 95.91 จุด หรือ +0.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,731.83 จุด เพิ่มขึ้น 16.39 จุด หรือ +0.21% ส่วนดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,535.26 จุด ลดลง 6.73 จุด หรือ -0.12%
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นหลังจากสภาคองเกรสสหรัฐสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการบริหารประเทศจนถึงวันที่ 8 ก.พ.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากสถาบัน ZEW ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะระดับ 20.4 ในเดือนม.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 17.5
ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 1.3 จุดในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 0.6 จุด
หุ้นอีซี่เจ็ท พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากทางสายการบินเปิดเผยกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 6.6% พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2561
หุ้นสกาย ผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวีรายใหญ่ พุ่งขึ้น 2.3% หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการแข่งขันทางธุรกิจของอังกฤษระบุว่า ข้อเสนอของบริษัททเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ในการซื้อกิจการของบริษัทสกายนั้น ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับสาธารณชนในประเทศ
ทั้งนี้ บริษัท ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ ของนายรูเพิร์ท เมอร์ดอค ตัดสินใจยื่นข้อเสนอวงเงิน 1.17 หมื่นล้านปอนด์ (1.52 หมื่นล้านดอลลาร์) เพื่อซื้อหุ้นในส่วนที่เหลือของบริษัทสกาย ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า การซื้อกิจการสกาย จะทำให้นายเมอร์ดอคมีอำนาจมากเกินไปในวงการสื่อของอังกฤษ
หุ้นคาร์ฟูร์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทประกาศลดจำนวนพนักงาน 2,400 คนในฝรั่งเศส เพื่อลดค่าใช้จ่าย พร้อมประกาศแผนการลงทุน 2.8 พันล้านยูโรในตลาดออนไลน์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 6 เท่าจากวงเงินลงทุนในปัจจุบัน โดยหวังว่าจะทำให้มียอดขายอาหารจำนวน 5 พันล้านยูโรในตลาดอี-คอมเมิร์ซ และมีสัดส่วน 20% ในตลาดอาหารออนไลน์ภายในปี 2565
หุ้นโลจิเทค ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกของสวิตเซอร์แลนด์ พุ่งขึ้น 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้เพิ่มขึ้น 22% ในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 7 ปี

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดขยับลง 3.79 จุด ขณะ Nasdaq,S&P500 ยังเดินหน้าทำนิวไฮ
            ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทรายใหญ่อย่างจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮ หลังจากบริษัทเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทีวีออนไลน์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,210.81 จุด ลดลง 3.79 จุด หรือ -0.01% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,839.13 จุด เพิ่มขึ้น 6.16 จุด หรือ +0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,460.29 จุด เพิ่มขึ้น 52.26 จุด หรือ +0.71%
ดัชนีดาวโจนส์พักฐานเมื่อคืนนี้ หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากการที่สหรัฐสามารถหลุดพ้นจากภาวะชัตดาวน์ หรือการปิดหน่วยงานของรัฐบาล หลังจากสภาคองเกรสได้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณในการบริหารประเทศจนถึงวันที่ 8 ก.พ.
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และหุ้น P&G ร่วงลง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ โดยหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดิ่งลง 4.3% หลังจากบริษัทได้เปิดเผยถึงผลกระทบของค่าใช้จ่ายในการจัดทำบัญชีใหม่ อันเนื่องมาจากมาตรการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐ
ขณะที่หุ้น P&G ร่วงลง 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2560 เมื่อวานนี้ ซึ่งแม้ว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ตัวเลขดังกล่าวชะลอตัวลงจากระดับของไตรมาส 4/2559
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ยังคงเดินหน้าทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเน็ตฟลิกซ์ที่พุ่งขึ้น 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ามีลูกค้าเพิ่มขึ้น 8.3 ล้านรายในไตรมาส 4/2560 โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.4 ล้านราย
ทางด้านนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นเน็ตฟลิกซ์สู่ระดับ 300 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 270 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 32% จากระดับปิดตลาดเมื่อวันจันทร์
ส่วนหุ้นเทคโนโลยีตัวอื่นๆในกลุ่ม "FAANG" ซึ่งได้แก่ เฟซบุ๊ก, แอปเปิล, อเมซอน, และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ต่างก็ทะยานขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้นกว่า 2% หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.02% หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 2.6% และหุ้นอัลฟาเบท ปรับตัวขึ้นกว่า 1%
หุ้นเวิร์ลพูล ผู้ผลิตเครื่องไฟฟ้าชั้นนำของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้อนุมัติมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้าสำหรับที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ โดยมาตรการดังกล่าวจะช่วยปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐ แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตในจีนและเกาหลีใต้
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 30-31 ม.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2560
--อินโฟเควสท์
OO4801

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!