เพิ่งเข้ามาได้ไม่กี่วันแต่ทำท่าจะเป็นน้องใหม่ใจฟู่ฟ่าซะแล้ว เพราะอนาคตที่จะมีโรงไฟฟ้าในมือจากปัจจุบันที่ 52 MW กำลังจะพุ่งขึ้นกว่า 160 MW ในปี 63 ถือว่าเป็นอีกหนี่งบริษัทที่เติบโตเร็ว  แต่ที่น่าจับตาสุดๆ สำหรับเสริมสร้างก็คืออัตราการทำกำไรที่สูงมาก อยู่ในลำดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม โดยอัตรามาร์จิ้นท์ EBIT สูงถึง 64% และถ้าหักดอกเบี้ยกับภาษีแล้วจะยังคงเหลือกำไรในกระเป๋าถึง 50% เลยทีเดียว
          จากกราฟแท่งจะเป็นปริมาณการจ่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต ขณะที่กำไรแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 550 ล้านบาท และมีค่า PE อนาคตเพียง 15 เท่า เป้าหมายที่ PE20 จึงควรเห็น 12 บาท ราคาหุ้นตรงนี้ถือว่าน่าลุ้นกับอนาคตอันยาวไกล กราฟระยะสั้นจะมีแนวต้าน 9.70 บาท ขอให้โชคดี
TCC : เก็บเย็นใจ ก่อนมีอะไรกัน
          เหลือหุ้นไม่กี่ตัวในตลาดที่งบการเงินไม่มีอะไรหนัก หนี้น้อย ทุนต่ำ สินทรัพย์เบาๆ และไม่ค่อยมีภาระอะไรมากนัก ราคาหุ้นอ่อนตัวลงต่ำสุดในรอบ 15 ปี หลังจาก DNA ขายหุ้นทิ้งออกมาเกลี้ยง  เด็กแนวกลับมองว่านี่คือโอกาสที่บริษัทจะปรับโครงสร้างทุน มีพันธมิตรใหม่ ทั้งนี้โดยตัวธุรกิจจัดเป็น Holding ที่สามารถขยายงานไปทำอะไรก็ได้ 
          ทำให้เด็กแนวมองว่าโอกาสที่บริษัทจะมีสิ่งใหม่เข้ามานั้นไม่ยาก จึงไม่อยากให้รอข่าวดีออกแล้วมาไล่เก็บจะได้ราคาแพงขึ้น จากกราฟกำลังก่อตัวเป็น Head & Shoulder ราคาตรงนี้เพิ่งเริ่มต้น Rebound และกำลังจะขึ้นไปทดสอบไหล่ขวาที่ 1.10 บาท ถ้าไปถึงได้จริง Upside จากการขึ้นบานตะไท  ราคาตรงนี้ Down side ต่ำมาก แนะนำว่าติดมือกันไว้เภอะ
 
บล.เออีซี : Action Strategy
AECS Market Outlook : เปิดบวก อาจปิดย่อตัว
          SET (180) นาที แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยปร้บตัวขึ้นในช่วงแรกหลังจากนั้นย่อตัวลง ขณะที่กราฟ Week ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแต่ Indicators เข้าสู่ภาวะ Overbought อย่างมาก  ดังนั้นจะทำให้เกิดความผันผวนมากขึ้นในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ประเมินว่าต้นสัปดาห์จะมีการปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,720 จุดได้อีกครั้ง แต่จะเริ่มย่อตัวปรับฐานลงให้ต่ำกว่าภาวะซื้อเกิน  โดยคาดว่าจะเห็นการย่อตัวระดับ 1,700 จุด หากหลุดต่ำกว่าแนวนี้จะปรับฐานต่อเนื่องถึงปลายเดือน  แต่หากทรงตัวไม่หลุด 1,710 จุด ตลอดสัปดาห์  จะมีโอกาสกลับไปทำ New high ต่อไป

 

 กลยุทธ์
          1. คาดเช้าเปิดบวก ให้ถือหุ้นไปขายที่แนวต้าน 1,720-1,725 จุด
          2. ทยอยลดการถือครองหุ้นขนาดใหญ่ลง 15% ในผู้ที่มีต้นทุนสูง
          3. หากปิดต่ำ ให้ถือหุ้นกลับบ้านน้อยลง สำหรับหุ้นที่เก็งกำไรข้ามวัน 

บทสรุปการลงทุน:
          SET เกิด Overbought มากเกินไป อาจเกิดการพักตัว
 
          SET Closed: 1,706.95
          Support:   1,700   1,705
          Resistant: 1,720   1,725

          GCAP  สัญญาณซื้อรอบใหม่
          ราคาปิด  6.80 บาท
          แนวรับ  6.76 บาท     แนวต้าน:  7.75 บาท
          Stop Loss : เมื่อหลุด 6.72 บาท

          กราฟ GCAP ดีดตัวขึ้นตัดผ่านแนวกรอบสามเหลี่ยม โดย Stochastic ปรับตัวขึ้นตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเกิด Buy signal สนับสนุนการปรับขึ้นนี้ โดยมีแนวต้าน 7.75 บาท  แนะนำ "ซื้อ"
          AEC Securities
          รณกฤต สารินวงศ์
          Head of Research ID: 012234
          [email protected]

 

มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดมองดัชนีขึ้นต่อ
          BASIS (S50Z17-SET50): เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ Spot ปิดลบด้วยขนาดใกล้เคียงกับ S50Z17 ส่งผลให้ Basis ทรงตัวจากวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +4.27 จุด คงมากกว่า Theory Basis ที่ 2.19 จุด ส่วน Calendar Spread (S50H18-S50Z17) เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.7 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.50 จุด ยังคงมากกว่า Theory Spread ที่ -2.90 จุด สะท้อนระยะกลาง (3 เดือน) ตลาดมีมุมมองเป็นบวกต่อ SET50 Index
          PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.54x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.27x เช่นเดียวกับฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.40x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.05x สรุปว่านักลงทุนมีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงน้อยกว่าเดิมเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
          Fund Flow Analysis: เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้นักลงทุนต่างชาติ Net LONG 10,594 สัญญา ใน Index Futures ส่งผลให้ Year to Date (YTD) มีสถานะ Net Short ใน Index Futures ลดลงเหลือ 136,602 สัญญา พร้อมกับซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 482 ล้านบาท ทั้งนี้โดยรวม Exposure ของนักลงทุนต่างชาติในฝั่งตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) เท่ากับขายสุทธิลดลงเหลือ 11,866.90 ล้านบาท บ่งชี้นักลงทุนต่างชาติยังคงมีมุมมองเป็นลบต่อตลาดทุนไทย

 

มุมมองด้านเทคนิค: จับตาจุดวัดใจแนวต้าน Spot ที่ 1,096.29 จุด
          เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานี้ SET50 Index (Spot) เปิดบวกแล้วแกว่งลง โดยกราฟรายสัปดาห์ Spot จ่อตรงแนวต้านเส้นระนาบที่ 1,096.29 จุด ซึ่งเป็นจุดวัดใจว่าจะขึ้นต่อหรือกลับมาลง โดยกรณีหากไม่สามารถทนต่อแรงขายทำกำไรคาดดัชนีจะย่อลง โดยมีแนวรับที่ 1,080 จุด และ 1,060 จุด ตามลำดับ ในทางกลับกันหากยืนได้ลุ้นขึ้นต่อ โดยมีแนวต้าน Historical High เมื่อปี 2539 ที่ 1,111.29 จุด ซึ่งถ้านำแนวต้านที่ 1,096.29 จุด และ 1,111.29 จุด ไปคำนวณ Fair Value ของ S50Z17 ตาม Cost of Carrying Model จะอยู่ที่ 1,098.5 จุด และ 1,113.5 จุด ตามลำดับ

กลยุทธ์การลงทุน
          Outright Trading: Wait&See วันนี้จับตา SET50 Index (Spot) สามารถทะลุผ่านแนวต้านที่ 1,096.29 จุด (S50Z17=1,098.5) ได้หรือไม่ หากทะลุได้ลุ้นขึ้นต่อ โดยมีแนวต้าน Historical High เมื่อปี 2539 ที่ 1,111.29 จุด (S50Z17=1,113.5) ในทางกลับกันหากไม่สามารถทนได้ระวังแรงขายทำกำไรกดดัชนีย่อลง

          AEC Securities
            Technical Research Team

 

 บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Technical: เปิดบวก อาจปิดย่อตัว
Trading Idea: GCAP
เด็กแนว: SSP, TCC

------------------------------------------------------------------------

Connect the World
•    ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกหลังผลประกอบการธนาคารดีกว่าคาด

 Market Outlook
•    สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,700-1,730 จุด โดยแม้ดัชนีมีโมเมนตัมปรับขึ้นต่อแต่คาด Upside จำกัดหลังยังรอดูปัจจัยใหม่และการทยอยประกาศงบ 3Q60 ของบจ.

Market Factors
•    (+) ดัชนี DJIA ปิด + 0.13%DoD ขานรับผลประกอบการ 3Q60 ของ บจ. ที่ออกมาสดใส
•    (+) ราคาน้ำมัน WTI ปิด +1.7%DoD รับอุปสงค์น้ำมันที่แข็งกร่งของจีนและประธานาธิบดีสหรัฐประกาศไม่ให้การรับรองต่ออิหร่านในการปฎิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ทำไว้ในปี 58
•    (+) BDI Index ปิด +1.85%DoD สู่ระดับ 1,485 จุด เป็นบวกต่อหุ้นเรือเทกอง TTA, PSL
•    (+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก.สหรัฐฯ อาทิ ดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น, รายงานสรุปภาวะศก.ของเฟด, ยอดขายบ้านมือสอง, รวมทั้งดุลการค้าอียู, ยอดค้าปลีกและ GDP 3Q60 จีน

Investment Strategy
•    แม้ระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังอยู่ทิศทางขาขึ้นหลังสถานการณ์การเมืองและภาวะ ศก. มีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ช่วงที่ผ่านมาคาดดัชนีปรับขึ้นมาสะท้อนประเด็นบวกไปพอควรแล้ว   ทำให้ระยะสั้นควรระวังดัชนีพักตัวจากแรงขายทำกำไร
•    กลยุทธ์ลงทุนแนะนำ “ทยอยลดพอร์ตและค่อยเข้าซื้อใหม่ช่วงปรับฐานบริเวณ 1,700 จุด” โดยเน้นเลือกหุ้น Domestic Play ที่มีศักยภาพเติบโตดี, Laggard หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะดังนี้กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP), กลุ่มธนาคาร (KKP, BBL), กลุ่มรับเหมา (STEC, CK), กลุ่มโรงแรม (ERW, MINT) , กลุ่ม รพ. (BCH, LPH), กลุ่มค้าปลีก (CPALL, HMPRO)

Market Talk and News
•    EPG (BUY: [email protected]): ปี 60/61-61/62 คาดกำไรปกติโตเฉลี่ยปีละ 10.1% หนุนด้วยแผนเพิ่มกำลังการผลิตของฉนวนยางและอะไหล่ยานยนต์เพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าที่เพิ่มขึ้นบวกกับคาด TJM มีผลดำเนินงานดีขึ้นหลังพ้นช่วงปรับโครงสร้างและเริ่มกลับมาขยายสาขาในออสเตรเลียรวมทั้งคาดเห็นการฟื้นตัวของยอดขายบรรจุภัณฑ์จากบรรยากาศจับจ่ายในประเทศดีขึ้นหลังผ่านพ้นช่วงไว้อาลัย + Upside 6.8% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 2.7%
•    ERW (BUY:[email protected]): ผลบวกจากปรับขึ้นค่าห้องพัก4%YoY และมีแผนขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกราคาในแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งธุรกิจที่สำคัญโดยปีนี้มีแผนเปิดโรงแรมกลุ่มBudget ภายใต้แบรนด์ HOP INN 9 แห่ง (กทม. 8 แห่ง และฟิลิปปินส์ 1 แห่ง) จึงคาดปี 60 กำไรปกติโต 43.0%YoY และโตต่อ 14.5%YoY ในปี 61 คิดเป็นอัตราเติบโตของกำไรปกติเฉลี่ยปีละ 22.9% ในช่วง 2 ปีนี้สูงสุดในกลุ่ม + ยังมี Upside 7% คงแนะนำ “ซื้อ”
•    ATP30 (BUY: Consensus [email protected]): ปี 60 คาดกำไรโต 87.0%YoY หนุนด้วย Backlog ปัจจุบันที่ 1,130 ลบ. ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 65 และอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่เพิ่มอีก 5 รายพร้อมกับเตรียมจัดหารถใหม่ที่จะใช้สำหรับลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 40 คัน จากปัจจุบันที่ 190 คัน + ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 15% จึงคงแนะนำ “ซื้อ”
Quantitative Screening
•    หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก THCOM, TISCO

-Oct-17               Change (pts.)    11-Oct-17
SET Index          1,712.48    -1.66    1,714.14
SET50 Index      1,094.33    -2.31    1,096.64
SET100 Index    2,463.50    -3.75    2,467.25

 

High 1,578.96 Gainers 623
Low  1,574.71  Unchanged 421
Value (Bt m) 65,105.02 Losers 663
Volume (*000) 16,597,624        

 

Market Valuation
SET Data              2017F    2018F    Long Term
Fwd PER (x)         17.01     15.41     13.99
EPS Growth (%)    2.61      10.34     10.17
EV/EBITDA (x)     11.09      10.15     9.64
FWD PBV (x)        2.05        1.91      1.78
Dividend Yield (%) 2.76       2.92      3.20
ROE                     10.26      10.77    11.33

 

Net Buy/Sell by Investor Types
Unit : M Bt    12-Oct-17    WTD          MTD           YTD
Institution    (589.28)    1,457.81    2,438.76    64,961.86
Proprietary  1,039.98   1,758.36    2,926.26    12,998.78
Foreign       481.97      5,098.99    7,051.08    16,712.43
Individual  (932.67)    (8,315.16)  (12,416.10)  (94,673.08)