- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Monday, 25 May 2015 16:56
- Hits: 2567
บล.คันทรี่ กรุ๊ป : เด็กแนว
เด็กแนว : ดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว
CHOW เราไม่ค่อยได้เห็นบริษัทที่มีขนาดไม่ใหญ่ แต่สามารถที่จะได้รับการประกาศจาก RATCH บริษัทพลังงานขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์ 5 หมื่นล้าน และ BCP ที่มีสินทรัพย์ 3 หมื่นล้าน ร่วมกันทำธุรกิจ แต่มันเกิดขึ้นแล้วกับ CHOW โดยก่อนหน้านี้ BCP ประกาศทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ขนาด 60 MW ที่ญี่ปุ่น โดยร่วมทุนกับ CHOW 30% งานนี้เชาว์ จะเป็นผู้สร้างโรงไฟฟ้าให้ และกินส่วนแบ่งในการขายไฟฟ้าให้รัฐบาลญี่ปุ่นตามอัตราส่วน คาดว่า กำไรจากงานก่อสร้างราวๆ 250 ล้านบาทในปี 59-60 ส่วนของ RATCH นั้นประกาศออกมาแล้วว่าร่วมกันทำโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์กับ CHOW ขนาด 100 MW
และโรงไฟฟ้าพลังลม 50 MW ที่ฟิลิปปินส์ สัดส่วนการถือหุ้นยังไม่แจ้ง แต่ก็คงไม่น้อยกว่า 30% และ CHOW ก็เป็นผู้ก่อสร้างให้อีกนั่นแหละ ถ้าผู้ใหญ่ 2 เจ้านี้เป็นผู้ประกาศ โครงการจะไม่มีล้ม ดังนั้นฝันไว้ได้เลยว่า CHOW จะมีรายได้จากงานก่อสร้างเท่าไรและมีรายได้จากการขายไฟเท่าไร นี่คือของจริง ก็ต้องบอกว่าปี 59-60 จึงเป็นปีที่เราจะได้เห็นกำไรของบริษัทไม่ควรจะน้อยกว่า 400-500 ล้านบาทต่อปี สำหรับ Q1 นั้นมีผลลบจากอัตราแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น แต่ในQ2 นี้โรงไฟฟ้า ขนาด 4 MWที่บริษัทเป็นเจ้าของโดยตรงจะจ่ายไฟเต็มไตรมาส และไตรมาส 3 จะจ่ายไฟเพิ่มเป็น 8MW ขณะที่ไตรมาส 4 จ่ายไฟครบ 18 MW
สิ่งที่จะโตเยอะใน Q2 คืออัตราแลกเปลี่ยนรับรู้กลับมาเป็นกำไรราวๆ 40 ล้านบาท กำไรจากขายไฟ 30 ล้านบาท และกำไรจากเหล็กน่าจะ 20 ล้านบาท รวมเป็นเท่าไรไปคิดกันเอาเอง และตั้งแต่ Q3 เป็นต้นไป งานรับจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าในมือตอนนี้กว่า 30 MW จะเริ่มทยอยรับรู้ไปเรื่อยๆ เช่นกัน ธุรกิจของบริษัทจึงเป็นทั้งก่อสร้าง ขายไฟ และขายเหล็ก ด้านราคาหุ้นลงมาเยอะอย่างเว่อร์ ตรงนี้ถูกเกินไปล่ะ MACD ตัดขึ้นแล้ว จะทำให้การวิ่งขึ้นคราวนี้ประมาณ 2 เดือน แนวต้านแรกประจำสัปดาห์นี้คือ 6.50 บาท จากนั้นน่าจะค่อยๆ ไต่ระดับไป 7.50 บาท ซื้อเถอะ จากนี้ไป Chow ควรจะดีขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว
ตะวันออก นกลุ่มลีสซิ่ง รอบนี้มีหวังวิ่งยาวกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำกลับเพิ่มผลตอบแทนของกับการเช่าซื้อ ล่าสุด ผู้ว่าแบงก์ชาติยอมรับว่าเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งอันนี้สอดคล้องกับความเห็นนายแบงก์หลายแห่งว่าต้องลงแน่หากเศรษฐกิจตกสะเก็ดอย่างนี้ต้องใช้ยาแรงเท่านั้น และถ้าลดดอกเบี้ยนโยบายลง ดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารก็จะลงอีก และดอกเบี้ยเงินกู้ก็ต้องลงตาม บริษัทลีสซิ่งก็ยิ่งได้ส่วนต่างกำไรมากขึ้น เด็กแนวย้ำว่าบริษัทที่ไม่มีแบงก์แม่หนุนหลังจะได้ประโยชน์มากกว่า เพราะพวกนี้ปล่อยสินเชื่อที่พวกแบงก์ไม่ค่อยทำกัน และเมื่อเป็นสินเชื่อชนิดพิเศษการคิดดอกเบี้ยก็บานตะไท และแนวโน้มจะมีการปล่อยสินเชื่อรายย่อยเพิ่มขึ้นเพื่อดึงลูกค้าจากเงินกู้นอกระบบ กลับมาสนใจ ECL เพราะราคาหุ้นลงจาก 3.84 บาทหากนับลงถึงระดับต่ำสุดที่ 1.87 ก็เท่ากับรูดมา 115% ทั้งๆที่ผลประกอบการเพิ่มขึ้น 14% ใน Q1 จะเห็นว่ามันเป็นเรื่องของอารมณ์มากกว่าเหตุผล
ในช่วงตั้งแต่ไตรมาสสองไปการร่วมธุรกิจกับบริษัทแอสเสทแมเนจเม้นท์ โฮลดิ้งค์ เน้นให้สินเชื่อรายย่อยภาคตะวันออก จะเห็นผล และน่าจะได้รับอนมัติให้ทำนาโนไฟแนนซ์เช่นกัน ถือว่าบริษัทได้เปรียบ เพราะยังมีพันธมิตรญีปุ่นที่ถือหุ้นและต้องการถือหุ้นเพิ่มด้วย พวกนี้มี know how เกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์มือสองอย่างมาก เด็กแนวมองว่า ECL มาถึงจุดที่ราคาต่ำและน่าสะสมค่า PE เคยสูงระดับ 40 เท่า แต่คาดการณ์กำไรปีนี้จะทำให้ค่า PE ต่ำกว่า 16 เท่าเป็นของถูกไปเลย กราฟตอนนี้เกิด Bottom out และ Divergence อีกทั้งแท่งเทียนตัดผ่านแนว Down trend จากนี้ไปน่าจะเป็นหุ้น Turnaround อีกตัวที่น่าสะสม