- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Wednesday, 21 March 2018 17:46
- Hits: 3240
ICHI แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 11.00 บ.
เนื้อหานี้กว้างกว่างหน้าจอ คุณสามารถ Scroll ซ้าย-ขวาเพื่ออ่านเนื้อหาได้
Stock : ICHI
Price : 8.45
Target Price : 11.00
Rating : BUY
ตลาดอินโดเริ่มเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์
โหมโรงรุกตลาด CLMV และเริ่มเห็นแสงจากปลายอุโมงค์ในตลาดอินโดนีเซีย
จากงาน Opp. Day วานนี้ ผู้บริหาร ICHI เปิดเผยว่า 1) ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,700 ล้านบาท โต 17%YoY จากแนวโน้มสดใสของยอดส่งออกไปยังตลาด CLMV โดย ICHI จะยังรักษาสัดส่วนรายได้ส่งออกปีนี้ไว้ที่ 27% เท่ากับปี 2559 และมีแผนระยะยาวจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 50% นอกจากนี้ยังมีอานิสงส์บวกที่เครื่องดื่มสมุนไพร (เย็นเย็น) ไม่ได้รับผลกระทบจากการเสียภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ส่งผลให้ราคาขายปลีกเครื่องดื่มสมุนไพรไม่ได้ถูกปรับขึ้น หนุนให้ผู้บริโภคหันกลับมาซื้อเครื่องดื่มสมุนไพรมากขึ้น 2) อัพเดทแผนติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังผลิตอีกปีละ 300 ล้านขวด เป็น 1,500 ล้านขวด ซึ่งปัจจุบันเครื่องจักรใหม่สามารถผลิตชาพร้อมดื่มเหมือนเครื่องจักรเดิมได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถผลิตสินค้าใหม่ชาวุ้นมะพร้าวได้ โดยคาดจะเริ่มผลิตสินค้าดังกล่าวได้ภายในเดือน พ.ค. นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ ICHI มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเพราะไม่ต้องจ้างบริษัทอื่นผลิต (ปี 2560 ICHI จ้างบริษัทอื่น OEM คิดเป็น 8% ของกำลังผลิตรวม) 3) อัพเดทแผนเพิ่มสินค้าใหม่ โดยเดือน เม.ย. นี้ ICHI จะเริ่มจำหน่ายชาพร้อมดื่มแบบไม่มีน้ำตาลแบรนด์ "Shizuoka by ICHITAN" ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง ICHI (ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย) เละจังหวัด Shizuoka ประเทศญี่ปุ่น (ผู้จัดหาวัตถุดิบใบชา) โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากสินค้าใหม่ไว้ที่ 200 ล้านบาท และ 4) อัพเดทแผนโครงการ JV แผนเจาะตลาดเครื่องดื่มชาที่อินโดนีเซีย (ICHI ถือ 50%) ปีนี้บริษัทจะยังจัดแคมเปญชิงโชคเป็นปีที่สอง หลังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคอินโดนีเซีย และจะเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่าน Modern Trade รายใหญ่อย่าง "Indomaret" นอกเหนือจาก "Alfamart" อีกทั้งมีแผนเพิ่ม Sub-distributor อีก 30 ราย (จากเดิมที่มี Distributor รายเดียว) เพื่อช่วยกระจายสินค้าผ่าน Traditional Trade ในหัวเมืองใหญ่มากขึ้น นอกจากนี้ ICHI ได้เจอ Product Champion เพื่อรุกตลาดอินโดนีเซียคือ Thai Milk Tea ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งที่สินค้าราคาถูกกว่าร้านทั่วไปและมีความเป็นไทยมากกว่า
จากงาน Opp. Day วานนี้ ผู้บริหาร ICHI เปิดเผยว่า 1) ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 6,700 ล้านบาท โต 17%YoY จากแนวโน้มสดใสของยอดส่งออกไปยังตลาด CLMV โดย ICHI จะยังรักษาสัดส่วนรายได้ส่งออกปีนี้ไว้ที่ 27% เท่ากับปี 2559 และมีแผนระยะยาวจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 50% นอกจากนี้ยังมีอานิสงส์บวกที่เครื่องดื่มสมุนไพร (เย็นเย็น) ไม่ได้รับผลกระทบจากการเสียภาษีสรรพสามิตฉบับใหม่ ส่งผลให้ราคาขายปลีกเครื่องดื่มสมุนไพรไม่ได้ถูกปรับขึ้น หนุนให้ผู้บริโภคหันกลับมาซื้อเครื่องดื่มสมุนไพรมากขึ้น 2) อัพเดทแผนติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังผลิตอีกปีละ 300 ล้านขวด เป็น 1,500 ล้านขวด ซึ่งปัจจุบันเครื่องจักรใหม่สามารถผลิตชาพร้อมดื่มเหมือนเครื่องจักรเดิมได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถผลิตสินค้าใหม่ชาวุ้นมะพร้าวได้ โดยคาดจะเริ่มผลิตสินค้าดังกล่าวได้ภายในเดือน พ.ค. นี้ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ ICHI มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเพราะไม่ต้องจ้างบริษัทอื่นผลิต (ปี 2560 ICHI จ้างบริษัทอื่น OEM คิดเป็น 8% ของกำลังผลิตรวม) 3) อัพเดทแผนเพิ่มสินค้าใหม่ โดยเดือน เม.ย. นี้ ICHI จะเริ่มจำหน่ายชาพร้อมดื่มแบบไม่มีน้ำตาลแบรนด์ "Shizuoka by ICHITAN" ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง ICHI (ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย) เละจังหวัด Shizuoka ประเทศญี่ปุ่น (ผู้จัดหาวัตถุดิบใบชา) โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากสินค้าใหม่ไว้ที่ 200 ล้านบาท และ 4) อัพเดทแผนโครงการ JV แผนเจาะตลาดเครื่องดื่มชาที่อินโดนีเซีย (ICHI ถือ 50%) ปีนี้บริษัทจะยังจัดแคมเปญชิงโชคเป็นปีที่สอง หลังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคอินโดนีเซีย และจะเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่าน Modern Trade รายใหญ่อย่าง "Indomaret" นอกเหนือจาก "Alfamart" อีกทั้งมีแผนเพิ่ม Sub-distributor อีก 30 ราย (จากเดิมที่มี Distributor รายเดียว) เพื่อช่วยกระจายสินค้าผ่าน Traditional Trade ในหัวเมืองใหญ่มากขึ้น นอกจากนี้ ICHI ได้เจอ Product Champion เพื่อรุกตลาดอินโดนีเซียคือ Thai Milk Tea ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งที่สินค้าราคาถูกกว่าร้านทั่วไปและมีความเป็นไทยมากกว่า
ปีนี้คาดกำไรโตเด่นจากแนวโน้มสดใสของตลาดส่งออกและการติดตั้งเครื่องจักรใหม่
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ ICHI ด้วยแรงหนุนดังนี้ 1) แนวโน้มสดใสของยอดขายเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มและเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ส่งออกไปยังตลาด CLMV และ 2) แผนลดต้นทุน OEM ด้วยเครื่องจักรใหม่ ดังนั้นเราจึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2561 ICHI จะมีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาท เติบโต 54.3%YoY
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ ICHI ด้วยแรงหนุนดังนี้ 1) แนวโน้มสดใสของยอดขายเครื่องดื่มชาพร้อมดื่มและเครื่องดื่มบำรุงกำลังที่ส่งออกไปยังตลาด CLMV และ 2) แผนลดต้นทุน OEM ด้วยเครื่องจักรใหม่ ดังนั้นเราจึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2561 ICHI จะมีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาท เติบโต 54.3%YoY
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 61 ที่ 11.0 บาท
เพื่อสะท้อนศักยภาพการเติบโตที่ดีในระยะยาว อีกทั้งยังมี Upside 30.2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 11.0 บาท (อิงวิธี DCF) และยังมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2560 ที่ 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.Yield 1.8% (XD 2 พ.ค. และจ่ายปันผล 18 พ.ค. นี้) ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
เพื่อสะท้อนศักยภาพการเติบโตที่ดีในระยะยาว อีกทั้งยังมี Upside 30.2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2561 ที่ 11.0 บาท (อิงวิธี DCF) และยังมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2560 ที่ 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.Yield 1.8% (XD 2 พ.ค. และจ่ายปันผล 18 พ.ค. นี้) ดังนั้นเราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล.เออีซี : Action Strategy
เนื้อหานี้กว้างกว่างหน้าจอ คุณสามารถ Scroll ซ้าย-ขวาเพื่ออ่านเนื้อหาได้
MARKET OUTLOOK
ไปต่อไม่ไหว พักสะสมกำลังใหม่! .. วานนี้ดัชนี SET แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,793-1,803 จุด โดยตลอดทั้งวันการเคลื่อนไหวของดัชนีมีลักษณะ Sideway ออกข้าง ก่อนปิดสิ้นวันที่ระดับดัชนี 1,799.84 จุด ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.05 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 4.9 หมื่นล้านบาท ภาพรวมตลาดฟ้องถึงการอ่อนกำลังของภาวะกระทิง หลังจาก SET ยังไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,820 จุด(สังเกตได้จากการทำหางยาว Long-Upper Shadow ของกลุ่มแท่งเทียนบริเวณแนวต้าน) สุดท้ายดัชนีปิดเทรดต่ำกว่าระดับดัชนี 1,800 จุด โดยในกราฟ 120 นาที ยังคงเป็นภาพเชิงลบ ทางเทคนิค ทั้ง RSI ที่โค้งตัวต่ำลงกว่า 50% เข้าสู่ Negative Zone และ MACD โค้งตัวลงต่อเนื่องหลังจากตัดเส้น Signal ลงเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้เรายังคงมุมมองเดิมว่า วันนี้มีโอกาสที่ดัชนี SET พักตัวลงต่อ โดยมองว่าดัชนีน่าจะแกว่งตัวลงปิด GAP UP ที่ทิ้งไว้ ที่ระดับดัชนี 1,775 จุด อย่างไรก็ดี เรามองว่าตลาดเริ่มมีความผันผวนสูงขึ้น ฉะนั้นแนะนำลดพอร์ตการลงทุนถือเงินสด ระมัดระวังแนวรับสุดท้าย 1,760 จุด หากหลุดมองลงต่อแรง
MARKET OUTLOOK
ไปต่อไม่ไหว พักสะสมกำลังใหม่! .. วานนี้ดัชนี SET แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,793-1,803 จุด โดยตลอดทั้งวันการเคลื่อนไหวของดัชนีมีลักษณะ Sideway ออกข้าง ก่อนปิดสิ้นวันที่ระดับดัชนี 1,799.84 จุด ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.05 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 4.9 หมื่นล้านบาท ภาพรวมตลาดฟ้องถึงการอ่อนกำลังของภาวะกระทิง หลังจาก SET ยังไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,820 จุด(สังเกตได้จากการทำหางยาว Long-Upper Shadow ของกลุ่มแท่งเทียนบริเวณแนวต้าน) สุดท้ายดัชนีปิดเทรดต่ำกว่าระดับดัชนี 1,800 จุด โดยในกราฟ 120 นาที ยังคงเป็นภาพเชิงลบ ทางเทคนิค ทั้ง RSI ที่โค้งตัวต่ำลงกว่า 50% เข้าสู่ Negative Zone และ MACD โค้งตัวลงต่อเนื่องหลังจากตัดเส้น Signal ลงเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้เรายังคงมุมมองเดิมว่า วันนี้มีโอกาสที่ดัชนี SET พักตัวลงต่อ โดยมองว่าดัชนีน่าจะแกว่งตัวลงปิด GAP UP ที่ทิ้งไว้ ที่ระดับดัชนี 1,775 จุด อย่างไรก็ดี เรามองว่าตลาดเริ่มมีความผันผวนสูงขึ้น ฉะนั้นแนะนำลดพอร์ตการลงทุนถือเงินสด ระมัดระวังแนวรับสุดท้าย 1,760 จุด หากหลุดมองลงต่อแรง
STRATEGY
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรที่มีหุ้น แนะนำขายถือเงินสดหาก SET รีบาวด์แนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด ส่วนกรณีไม่มีหุ้น แนะนำถือเงินสดก่อนรอสัญญาณการกลับตัว
นักลงทุนระยะกลาง : สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นขายถือเงินสด หาก SET รีบาวด์โดยมีแนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด กรณีไม่มีหุ้น แนะนำถือเงินสด รอดัชนีปรับฐานเสร็จ
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรที่มีหุ้น แนะนำขายถือเงินสดหาก SET รีบาวด์แนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด ส่วนกรณีไม่มีหุ้น แนะนำถือเงินสดก่อนรอสัญญาณการกลับตัว
นักลงทุนระยะกลาง : สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นขายถือเงินสด หาก SET รีบาวด์โดยมีแนวต้าน 1,810 จุด หรือ Cut Loss หากหลุด 1,785 จุด กรณีไม่มีหุ้น แนะนำถือเงินสด รอดัชนีปรับฐานเสร็จ
SECTOR ALERT
SECTOR ALERT! กลุ่ม FIN ชักเริ่มจะไม่ฟิน! Sector Alert วันนี้ระวังให้จับตากลุ่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN) เป็นกลุ่มที่อาจย่อตัวลงต่อ โดยกราฟ 120 นาที แสดงให้เห็นว่าดัชนีเริ่มทำ Lower High และ Lower Low แกว่งตัวตามกรอบ Downtrend Channel ต่อเนื่อง ประกอบกับทางเทคนิค MACD โค้งตัวต่ำลงกว่า Signal Line ขณะที่ Modified Stochastic ยังคงสัญญาณขายอยู่ (%K<%D) ปัจจัยเชิงลบเหล่านี้ สนับสนุนต่อมุมมองที่ว่า กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์อาจย่อตัวลงต่อ โดยมี STOCK ALERT ให้จับตาการปรับตัวลงต่อ ได้แก่ หุ้น MTLS โดยมีแนวรับถัดไปที่ 36 บาท
SECTOR ALERT! กลุ่ม FIN ชักเริ่มจะไม่ฟิน! Sector Alert วันนี้ระวังให้จับตากลุ่ม เงินทุนและหลักทรัพย์ (FIN) เป็นกลุ่มที่อาจย่อตัวลงต่อ โดยกราฟ 120 นาที แสดงให้เห็นว่าดัชนีเริ่มทำ Lower High และ Lower Low แกว่งตัวตามกรอบ Downtrend Channel ต่อเนื่อง ประกอบกับทางเทคนิค MACD โค้งตัวต่ำลงกว่า Signal Line ขณะที่ Modified Stochastic ยังคงสัญญาณขายอยู่ (%K<%D) ปัจจัยเชิงลบเหล่านี้ สนับสนุนต่อมุมมองที่ว่า กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์อาจย่อตัวลงต่อ โดยมี STOCK ALERT ให้จับตาการปรับตัวลงต่อ ได้แก่ หุ้น MTLS โดยมีแนวรับถัดไปที่ 36 บาท
STOCK HUNTER
Point of view ย่อเท่าไร เด้งเท่านั้น! Stock Hunter วันนี้เลือก SPALI หลังจากราคาปรับตัวลงลึก เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม โดยในกราฟรายวัน เกิดสัญญาณเชิงบวกสนับสนุนทั้งสัญญาณ Bullish Divergence (กลับตัวจากลงเป็นขึ้น) จาก MACD ขณะที่ Fast Stochastic เริ่มเกิดสัญญาณซื้อ (%K>%D) นอกจากนี้ หากราคาวันนี้สามารถเคลื่อนไหวเบรกเส้น Downtrend Line ได้ จะช่วยยืนยันการฟอร์มตัวคล้ายกับรูปแบบราคาลักษณะ V-shape โดยเรามองว่า SPALI มีโอกาส รีบาวด์ได้ไกลถึง 24.90 บาท ให้แนวรับ 22.00 บาท โดยมีจุด Stop Loss ที่ 21.70 บาท
Point of view ย่อเท่าไร เด้งเท่านั้น! Stock Hunter วันนี้เลือก SPALI หลังจากราคาปรับตัวลงลึก เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม โดยในกราฟรายวัน เกิดสัญญาณเชิงบวกสนับสนุนทั้งสัญญาณ Bullish Divergence (กลับตัวจากลงเป็นขึ้น) จาก MACD ขณะที่ Fast Stochastic เริ่มเกิดสัญญาณซื้อ (%K>%D) นอกจากนี้ หากราคาวันนี้สามารถเคลื่อนไหวเบรกเส้น Downtrend Line ได้ จะช่วยยืนยันการฟอร์มตัวคล้ายกับรูปแบบราคาลักษณะ V-shape โดยเรามองว่า SPALI มีโอกาส รีบาวด์ได้ไกลถึง 24.90 บาท ให้แนวรับ 22.00 บาท โดยมีจุด Stop Loss ที่ 21.70 บาท
อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
บล.เออีซี : Derivatives Signals
เนื้อหานี้กว้างกว่างหน้าจอ คุณสามารถ Scroll ซ้าย-ขวาเพื่ออ่านเนื้อหาได้
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ตลาดมองระยะสั้นดัชนีแกว่งออกข้าง!!!
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดบวกขณะที่ Spot ปิดลบ ส่งผลให้ Basis เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า +3.16 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.13 จุด เข้าใกล้ Theory Basis ที่ +0.33 จุด สะท้อนมุมมองเป็นกลางในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.7 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.1 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.1 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.03 เท่ากับวันก่อนหน้า เช่นเดียวกับฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.20x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Long 7,336 สัญญา ใน Index Futures แต่กลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 3,255 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) เพิ่มเป็น 57,360 ล้านบาท
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดบวกขณะที่ Spot ปิดลบ ส่งผลให้ Basis เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า +3.16 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.13 จุด เข้าใกล้ Theory Basis ที่ +0.33 จุด สะท้อนมุมมองเป็นกลางในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันทำการก่อนหน้า 0.7 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.1 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.1 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 1.03 เท่ากับวันก่อนหน้า เช่นเดียวกับฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.20x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Net Long 7,336 สัญญา ใน Index Futures แต่กลับมาขายสุทธิในตลาดหุ้น 3,255 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) เพิ่มเป็น 57,360 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: คาดกลับมาแกว่งในกรอบ Sideway!!!
เมื่อวานนี้ S50H18 เปิดลบแล้วแกว่งขึ้นต่อจนปิด +2.4 จุด โดยดัชนีแอบปิด Gap Up บางส่วน ส่งผลให้ในกราฟ 120 นาที RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเข้าสู่เขต Negative Zone (<50%) ทั้งนี้เราคาดว่าช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้จะกลับมาแกว่งในกรอบ Sideway 1,170-1,200 จุด ตามกรอบการเคลื่อนไหวเดิม สนับสนุนมุมมองด้วย การกลับเข้ามาหาค่าเฉลี่ยในกรอบ Bollinger Band และ ADX ที่ยังคงต่ำกว่า 20% แสดงให้เห็นถึงการขาดทั้งเทรนด์ขาขึ้นและลง
เมื่อวานนี้ S50H18 เปิดลบแล้วแกว่งขึ้นต่อจนปิด +2.4 จุด โดยดัชนีแอบปิด Gap Up บางส่วน ส่งผลให้ในกราฟ 120 นาที RSI ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเข้าสู่เขต Negative Zone (<50%) ทั้งนี้เราคาดว่าช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้จะกลับมาแกว่งในกรอบ Sideway 1,170-1,200 จุด ตามกรอบการเคลื่อนไหวเดิม สนับสนุนมุมมองด้วย การกลับเข้ามาหาค่าเฉลี่ยในกรอบ Bollinger Band และ ADX ที่ยังคงต่ำกว่า 20% แสดงให้เห็นถึงการขาดทั้งเทรนด์ขาขึ้นและลง
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: Trading ในกรอบ Sideway ด้วยกลยุทธ์ Trading Long เมื่อ S50H18 ย่อเข้าใกล้แนวรับ 1,170 จุด และ Trading Short เมื่อ S50H18 ขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 1,200 จุด พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากทะลุกรอบมากกว่า 5 จุด
*** ระวัง S50H18 จะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 29 มี.ค. นี้ ***
Outright Trading: Trading ในกรอบ Sideway ด้วยกลยุทธ์ Trading Long เมื่อ S50H18 ย่อเข้าใกล้แนวรับ 1,170 จุด และ Trading Short เมื่อ S50H18 ขึ้นเข้าใกล้แนวต้าน 1,200 จุด พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากทะลุกรอบมากกว่า 5 จุด
*** ระวัง S50H18 จะซื้อขายวันสุดท้ายวันที่ 29 มี.ค. นี้ ***
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
บล.เออีซี : Daily Focus
เนื้อหานี้กว้างกว่างหน้าจอ คุณสามารถ Scroll ซ้าย-ขวาเพื่ออ่านเนื้อหาได้
AECS Daily Focus
Trading Idea: SPALI
Connect the World- (P.2)
คืนนี้ติดตามผลการประชุม FOMC รวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล
คืนนี้ติดตามผลการประชุม FOMC รวมถึงถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล
Market Outlook
วันนี้คาด SET ยังคงแกว่งตัวกรอบ 1,790-1,810 จุด ระหว่างรอผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในคืนนี้เพื่อดูมุมมองศก.สหรัฐฯและการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
วันนี้คาด SET ยังคงแกว่งตัวกรอบ 1,790-1,810 จุด ระหว่างรอผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในคืนนี้เพื่อดูมุมมองศก.สหรัฐฯและการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
Market Factors
(+) ตลาดหุ้น DJIA ปิด +0.47%DoD จากแรงซื้อหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรง
(+) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด +2.2%DoD จากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุฯ อีกทั้งคาดเวเนซุเอลาอาจปรับลดกำลังผลิตน้ำมันต่อหลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ
(0) วันนี้ CMAN เข้าเทรด SET วันแรกโดยมี IPO 240 ล้านหุ้น และราคา IPO 3.84 บาท
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ยอดขายบ้านมือสอง ก.พ., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของ EIA และผลประชุมนโยบายการเงินของเฟด
(+) ตลาดหุ้น DJIA ปิด +0.47%DoD จากแรงซื้อหุ้นพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นแรง
(+) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด +2.2%DoD จากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิหร่านและซาอุฯ อีกทั้งคาดเวเนซุเอลาอาจปรับลดกำลังผลิตน้ำมันต่อหลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ
(0) วันนี้ CMAN เข้าเทรด SET วันแรกโดยมี IPO 240 ล้านหุ้น และราคา IPO 3.84 บาท
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.ที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ยอดขายบ้านมือสอง ก.พ., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของ EIA และผลประชุมนโยบายการเงินของเฟด
Investment Strategy
แม้ภาพตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนจากกังวลปัญหาการเมืองของสหรัฐฯ และรอดูผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดแต่ด้วยพื้นฐานศก.ไทยยังมีความแข็งแกร่งและส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน จึงทำให้เราคงแนะนำกลยุทธ์ "Selective Buy" หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งได้อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวสูงและดีมานด์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น : PTT, PTTEP, PTTGC
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกสทช. เล็งเสนอ ครม. ออกมาตรการผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHZ และพักค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล : TRUE, ADVANC, MONO, RS
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดยช่วง ม.ค.- ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเติบโตถึง 14.9%YoY : MINT, ERW
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้น XD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
แม้ภาพตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนจากกังวลปัญหาการเมืองของสหรัฐฯ และรอดูผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดแต่ด้วยพื้นฐานศก.ไทยยังมีความแข็งแกร่งและส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน จึงทำให้เราคงแนะนำกลยุทธ์ "Selective Buy" หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1) หุ้นพลังงานและปิโตรเคมีซึ่งได้อานิสงส์ราคาน้ำมันทรงตัวสูงและดีมานด์น้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น : PTT, PTTEP, PTTGC
2) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกสทช. เล็งเสนอ ครม. ออกมาตรการผ่อนผันจ่ายค่าใบอนุญาตคลื่น 900MHZ และพักค่าธรรมเนียมทีวีดิจิทัล : TRUE, ADVANC, MONO, RS
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดยช่วง ม.ค.- ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเติบโตถึง 14.9%YoY : MINT, ERW
4) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน เม.ย.-พ.ค. นี้ จะขึ้น XD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, AIT, SC, AP, LH
Fundamental Reports
RJH (BUY:TP@31): ปี 61 คาดกำไรโต 12.2%YoY จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งกลุ่มเงินสดและกลุ่มประกันสังคม อีกทั้งคาดจะเริ่มรับรู้ผลดำเนินงานของบ.ย่อย RRH หลังทำแผนซื้อหุ้นส่วนที่เหลือแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. นี้ +มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER ปี 61 ที่ 29x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 36x โดยยังมี Upside 22.8% พร้อมมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. Yield 1.4% จึงแนะนำ "ซื้อลงทุน"
ICHI ([email protected]) จากงาน Opp.Day วานนี้เราคงคาดปี 61 ICHI จะมีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาทพลิกกลับมาโต 54.3%YoY จากแนวโน้มสดใสของตลาดส่งออก CLMV และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อลดต้นทุน OEM + มีUpside 30.2% และยังมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 60 ที่ 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.Yield 1.8% (XD 2 พ.ค.นี้) จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
RJH (BUY:TP@31): ปี 61 คาดกำไรโต 12.2%YoY จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ทั้งกลุ่มเงินสดและกลุ่มประกันสังคม อีกทั้งคาดจะเริ่มรับรู้ผลดำเนินงานของบ.ย่อย RRH หลังทำแผนซื้อหุ้นส่วนที่เหลือแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. นี้ +มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER ปี 61 ที่ 29x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 36x โดยยังมี Upside 22.8% พร้อมมีปันผลจ่าย 0.35 บาท (XD 7 พ.ค.) คิดเป็น Div. Yield 1.4% จึงแนะนำ "ซื้อลงทุน"
ICHI ([email protected]) จากงาน Opp.Day วานนี้เราคงคาดปี 61 ICHI จะมีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาทพลิกกลับมาโต 54.3%YoY จากแนวโน้มสดใสของตลาดส่งออก CLMV และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อลดต้นทุน OEM + มีUpside 30.2% และยังมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 60 ที่ 0.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Div.Yield 1.8% (XD 2 พ.ค.นี้) จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
Market Talk and News
RS (BUY:TP@34): ปี 61 คาดกำไรโตเด่น 185.7%YoY หนุนด้วยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่คาดยังโตดีจากการเพิ่มจำนวน Call Center เพื่อรองรับทำ Out-Bound Call มากขึ้นบวกกับธุรกิจทีวีที่คาดฟื้นตัวตามเม็ดเงินโฆษณาของดิจิตอลทีวีพร้อมเตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณารายนาทีของช่อง8ให้สอดคล้องกับRating ที่สูงขึ้น + Upside 18.3%
RS (BUY:TP@34): ปี 61 คาดกำไรโตเด่น 185.7%YoY หนุนด้วยยอดขายธุรกิจสุขภาพและความงามที่คาดยังโตดีจากการเพิ่มจำนวน Call Center เพื่อรองรับทำ Out-Bound Call มากขึ้นบวกกับธุรกิจทีวีที่คาดฟื้นตัวตามเม็ดเงินโฆษณาของดิจิตอลทีวีพร้อมเตรียมปรับเพิ่มค่าโฆษณารายนาทีของช่อง8ให้สอดคล้องกับRating ที่สูงขึ้น + Upside 18.3%
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก SYMC , ADVANC
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก SYMC , ADVANC
AECS - Fundamental and Strategic Team
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO6797