- Details
- Category: ซุบซิบการลงทุน
- Published: Thursday, 15 March 2018 18:29
- Hits: 3748
HARN แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 4.70 บ.
Stock : HARN
Price : 3.06
Target Price : 4.70
Rating : BUY
Price : 3.06
Target Price : 4.70
Rating : BUY
ปีนี้ตั้งเป้าโตต่อทั้ง 4 หน่วยธุรกิจ
ปีนี้ตั้งเป้ารายได้โตต่อจากโครงการลงทุนของภาครัฐและแผนเพิ่มสินค้าใหม่
จากงาน Opp. Day วานนี้ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1,423.5 ล้านบาท โต 9.4%YoY โดยการเติบโตจะมาจาก Organic growth ทั้ง 4 หน่วยธุรกิจ คือ ธุรกิจระบบดับเพลิง, ธุรกิจระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล, ธุรกิจระบบทำความเย็น และธุรกิจระบบพิมพ์ดิจิทัล 2) อัพเดท Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 380.9 ล้านบาท คาดจะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ราว 80%-90% และอยู่ระหว่างหางานเพิ่ม โดยมีโอกาสทางธุรกิจจากภาครัฐมีการบังคับใช้กฎหมายให้อาคารและโรงงานต้องติดตั้งอุปกรณ์ระบบดับเพลิง รวมถึงยังมีโอกาสได้งานจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการพัฒนาสนามบิน และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 3) อัพเดทสินค้าใหม่ที่เริ่มจัดจำหน่ายมีดังนี้ Oventrop PICV (วาล์วก๊อกที่เป็น Multifunction รวบรวมกลไกต่างๆไว้ในตัวเดียว), Vicflex (สปริงเกอร์ที่มีท่ออ่อนสามารถรับแรงกดดันน้ำ), Condensing Units (ระบบทำความเย็นที่ช่วยประหยัดพลังงาน) และ 3D Printing งานพิมพ์อวัยวะเทียม 4) บริษัทมีแผนยกเลิกการเช่าคลังสินค้าปัจจุบันและทดแทนด้วยการสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งนอกจากช่วยประหยัดค่าเช่าแล้ว ยังช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการด้านบุคลากรอีกด้วย และ 5) อัพเดทแผนรุกตลาด CLM โดยปัจจุบันที่เมียนมาร์บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าเครื่องพิมพ์ดิจิทัล ส่วนกัมพูชาและลาวบริษัทมีแผนจ้างพนักงานท้องถิ่นเพื่อแนะนำสินค้าและสำรวจความต้องการของตลาด
จากงาน Opp. Day วานนี้ เราสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้ 1) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 1,423.5 ล้านบาท โต 9.4%YoY โดยการเติบโตจะมาจาก Organic growth ทั้ง 4 หน่วยธุรกิจ คือ ธุรกิจระบบดับเพลิง, ธุรกิจระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล, ธุรกิจระบบทำความเย็น และธุรกิจระบบพิมพ์ดิจิทัล 2) อัพเดท Backlog ปัจจุบันอยู่ที่ 380.9 ล้านบาท คาดจะรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ราว 80%-90% และอยู่ระหว่างหางานเพิ่ม โดยมีโอกาสทางธุรกิจจากภาครัฐมีการบังคับใช้กฎหมายให้อาคารและโรงงานต้องติดตั้งอุปกรณ์ระบบดับเพลิง รวมถึงยังมีโอกาสได้งานจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการพัฒนาสนามบิน และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 3) อัพเดทสินค้าใหม่ที่เริ่มจัดจำหน่ายมีดังนี้ Oventrop PICV (วาล์วก๊อกที่เป็น Multifunction รวบรวมกลไกต่างๆไว้ในตัวเดียว), Vicflex (สปริงเกอร์ที่มีท่ออ่อนสามารถรับแรงกดดันน้ำ), Condensing Units (ระบบทำความเย็นที่ช่วยประหยัดพลังงาน) และ 3D Printing งานพิมพ์อวัยวะเทียม 4) บริษัทมีแผนยกเลิกการเช่าคลังสินค้าปัจจุบันและทดแทนด้วยการสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่ ซึ่งนอกจากช่วยประหยัดค่าเช่าแล้ว ยังช่วยบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการด้านบุคลากรอีกด้วย และ 5) อัพเดทแผนรุกตลาด CLM โดยปัจจุบันที่เมียนมาร์บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าเครื่องพิมพ์ดิจิทัล ส่วนกัมพูชาและลาวบริษัทมีแผนจ้างพนักงานท้องถิ่นเพื่อแนะนำสินค้าและสำรวจความต้องการของตลาด
ปีนี้คาดกำไรโตเด่นจากนโยบาย EEC และแผนเพิ่มสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ HARN ด้วยแรงหนุนดังนี้ 1) Backlog ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโครงการลงทุนของภาครัฐทั้ง EEC, โครงการรถไฟฟ้า และโครงการขยายสนามบิน และ 2) แผนเพิ่มสินค้านวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยสร้าง Value Chain ให้กับลูกค้า ดังนั้นเราจึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2561 HARN จะมีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เติบโต 11.7%YoY
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของ HARN ด้วยแรงหนุนดังนี้ 1) Backlog ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโครงการลงทุนของภาครัฐทั้ง EEC, โครงการรถไฟฟ้า และโครงการขยายสนามบิน และ 2) แผนเพิ่มสินค้านวัตกรรมใหม่ๆที่ช่วยสร้าง Value Chain ให้กับลูกค้า ดังนั้นเราจึงคงประมาณการเดิม โดยคาดปี 2561 HARN จะมีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท เติบโต 11.7%YoY
คงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐานปี 61 ที่ 4.70 บาท
เพื่อสะท้อนแนวโน้มกำไรปีนี้จะโตอย่างสดใส จากกลยุทธ์การเพิ่มสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ และโครงการลงทุนของภาครัฐ อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside 53.6% จากพื้นฐานปี 2561 ที่ 4.70 บาท อิง PER 19x (ค่าเฉลี่ยในอดีต 3 ปี ของ HARN) และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 6.1% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
เพื่อสะท้อนแนวโน้มกำไรปีนี้จะโตอย่างสดใส จากกลยุทธ์การเพิ่มสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ และโครงการลงทุนของภาครัฐ อีกทั้งราคาหุ้นยังมี Upside 53.6% จากพื้นฐานปี 2561 ที่ 4.70 บาท อิง PER 19x (ค่าเฉลี่ยในอดีต 3 ปี ของ HARN) และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 6.1% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
บล.เออีซี : Action Strategy
MARKET OUTLOOK
แกว่งตัวแบบ Sideway Up บนกรอบแนวโน้มขาขึ้น! .. ดัชนี SET วานนี้ปรับตัวบวกขึ้นต่อเนื่อง โดยตลอดทั้งวันดัชนีแกว่งตัวในลักษณะ Sideway Up ก่อนปิดบวก ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 3.50 จุด ที่ระดับดัชนี 1,813.40 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายราว 7.8 หมื่นล้านบาท ในกราฟรายวัน ภาพรวมของดัชนี SET ยังคงเป็นบวก หลังจากดัชนีกลับเข้าสู่แนวโน้มกรอบ Uptrend Channel ซึ่งทางเทคนิคมีสัญญาณเชิงบวกเข้ามาสนับสนุน ทั้งสัญญาณซื้อ จาก Modified Stochastic (%K>%D) และ MACD เริ่มโค้งตัวขึ้นเหนือ Signal Line ได้อีกครั้ง และที่สำคัญคือ การที่แท่งเทียนพลิกกลับยืนเหนือกรอบล่างของ Uptrend Channel ได้เต็มแท่งเป็นวันที่สองติดต่อกัน ทำให้เราเชื่อว่า SET กลับสู่แนวโน้มหลัก(ขาขึ้น)และจะแกว่งตัวไปต่อในรูปแบบ Sideway Up ฉะนั้นจึงมองว่าดัชนี SET จะแกว่งตัวไปต่อ โดยคาดหวังเป้าหมายของการลงทุนรอบนี้ที่จุดสูงสุดก่อนหน้า 1,852 จุด อย่างไรก็ดี SET ไม่ควรวกกลับมาเทรดต่ำกว่า 1,785 จุด เพราะจะทำให้ภาพการขึ้นรอบนี้ของ SET กลับดูแย่ลงอีกครั้ง หากหลุดให้ใช้เป็นจุด Stop Loss ของการลงทุนรอบนี้ สำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำถือต่อ หรือซื้อเพิ่มบริเวณกรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด ซื้อ โดยคาดหวังการยืนทะลุแนวต้าน 1,820 จุด ในวันนี้
STRATEGY
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรที่มีหุ้น แนะนำถือต่อ ส่วนกรณีไม่มีหุ้นซื้อเมื่อย่อตัว กรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด คาดหวังยืนทะลุ
แนวต้าน 1,820 จุด ทั้งนี้หากปิดหลุด 1,785 จุด Cut Loss ก่อน
นักลงทุนระยะกลาง : สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นถือต่อ กรณีไม่มีหุ้นเริ่มซื้อสะสม เมื่อ SET ย่อตัว กรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด โดยมีเป้าหมายที่ 1,852 จุด(All Time High) หรือกรอบบน Uptrend
จุด Cut loss รอบนี้เมื่อหลุด 1,785 จุด
นักลงทุนระยะสั้น : นักเก็งกำไรที่มีหุ้น แนะนำถือต่อ ส่วนกรณีไม่มีหุ้นซื้อเมื่อย่อตัว กรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด คาดหวังยืนทะลุ
แนวต้าน 1,820 จุด ทั้งนี้หากปิดหลุด 1,785 จุด Cut Loss ก่อน
นักลงทุนระยะกลาง : สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นถือต่อ กรณีไม่มีหุ้นเริ่มซื้อสะสม เมื่อ SET ย่อตัว กรอบแนวรับ 1,790-1,795 จุด โดยมีเป้าหมายที่ 1,852 จุด(All Time High) หรือกรอบบน Uptrend
จุด Cut loss รอบนี้เมื่อหลุด 1,785 จุด
SECTOR FOCUS
SECTOR RECOMMEND กลุ่มรับเหมารีบาวด์ต่อ! Sector Focus วันนี้เลือกกลุ่มรับเหมา CONS เป็นกลุ่มที่มีลุ้นรีบาวด์ต่อ กราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่าดัชนีดีดตัวสู้หลังจากปรับตัวลงลึก กราฟรายวัน เริ่มเกิดสัญญาณเชิงบวกอย่างเช่นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม Bullish Divergence จาก Modified Stochastic ขณะที่ MACD เองเริ่มโค้งตัวตัดขึ้นเหนือ Signal Line มีโอกาสที่ดัชนีจะฟอร์มตัวในรูปแบบ V-Shape รีบาวด์ไปต่อได้ในวันนี้ โดยมี TOP PICK ดังนี้ STEC (แนวรับ: 19.30 บาท / ต้าน 23.00 บาท) และ UNIQ (รับ: 13.00 บาท / ต้าน: 14.50 บาท)
SECTOR RECOMMEND กลุ่มรับเหมารีบาวด์ต่อ! Sector Focus วันนี้เลือกกลุ่มรับเหมา CONS เป็นกลุ่มที่มีลุ้นรีบาวด์ต่อ กราฟรายวัน แสดงให้เห็นว่าดัชนีดีดตัวสู้หลังจากปรับตัวลงลึก กราฟรายวัน เริ่มเกิดสัญญาณเชิงบวกอย่างเช่นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม Bullish Divergence จาก Modified Stochastic ขณะที่ MACD เองเริ่มโค้งตัวตัดขึ้นเหนือ Signal Line มีโอกาสที่ดัชนีจะฟอร์มตัวในรูปแบบ V-Shape รีบาวด์ไปต่อได้ในวันนี้ โดยมี TOP PICK ดังนี้ STEC (แนวรับ: 19.30 บาท / ต้าน 23.00 บาท) และ UNIQ (รับ: 13.00 บาท / ต้าน: 14.50 บาท)
STOCK HUNTER
Point of view รีบาวด์ไปต่อบนกรอบแนวโน้มขาขึ้น! Stock Hunter วันนี้เลือก RS หลังหุ้นย่ำตัวบริเวณกรอบล่างของ Uptrend โดยกราฟรายวันล่าสุด แท่งเทียนกระตุกขึ้นมาจากกรอบล่างด้วยแท่ง Big White พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น(Vol.> Avg.Vol.5day) พร้อมกับ RSI เชิดขึ้นเข้าสู่ Positive Zone (RSI>50) นอกจากนี้เคลื่อนไหวของราคายังคงเลี้ยงตัวบนกรอบ Uptrend ได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้เรามองว่าเป็นจังหวะ Follow Buy ที่ดี โดยมีเป้าหมายการขึ้นครั้งนี้ที่ 35.75 บาท แนวรับ 30.50 บาท หากหลุด 29.00 บาท ให้ Stop Loss
Point of view รีบาวด์ไปต่อบนกรอบแนวโน้มขาขึ้น! Stock Hunter วันนี้เลือก RS หลังหุ้นย่ำตัวบริเวณกรอบล่างของ Uptrend โดยกราฟรายวันล่าสุด แท่งเทียนกระตุกขึ้นมาจากกรอบล่างด้วยแท่ง Big White พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้น(Vol.> Avg.Vol.5day) พร้อมกับ RSI เชิดขึ้นเข้าสู่ Positive Zone (RSI>50) นอกจากนี้เคลื่อนไหวของราคายังคงเลี้ยงตัวบนกรอบ Uptrend ได้อย่างแข็งแกร่ง ทำให้เรามองว่าเป็นจังหวะ Follow Buy ที่ดี โดยมีเป้าหมายการขึ้นครั้งนี้ที่ 35.75 บาท แนวรับ 30.50 บาท หากหลุด 29.00 บาท ให้ Stop Loss
อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
จิรภัทร โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: เมื่อวานนี้ต่างชาติซื้อทั้ง 2 ตลาด!!!
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 1.5 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.29 จุด ใกล้เคียง Theory Basis ที่ +0.55 จุด สะท้อนมุมมองเป็นกลางในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.1 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.8 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.07 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.65 ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.64x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.21x ใกล้เคียงจากวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 3,999 ล้านบาท พร้อมกับมีสถานะ Net Long 6,635 สัญญา ใน Index Futures โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ลดลงเหลือ 54,270 ล้านบาท
BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 1.5 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.29 จุด ใกล้เคียง Theory Basis ที่ +0.55 จุด สะท้อนมุมมองเป็นกลางในระยะสั้น (<1 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.1 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.8 จุด มากกว่า Theory Spread ที่ -7.07 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะกลาง (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index
PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.65 ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.64x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.21x ใกล้เคียงจากวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
Fund Flow Analysis: เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 3,999 ล้านบาท พร้อมกับมีสถานะ Net Long 6,635 สัญญา ใน Index Futures โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ลดลงเหลือ 54,270 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: Follow Buy หากทะลุ 1,200 จุด !!!
เมื่อวานนี้ S50H18 แกว่งทรงตัวจนปิด -2.0 จุด และยังคงแกว่งตรงแนวต้านกรอบบน Sideway ที่ 1,197.5 จุด ซึ่งเรายังคงให้น้ำหนักทางขึ้นมากกว่าทางลง เพราะ 1) ในกราฟ 120 นาทีเทรนด์ระยะสั้นของ S50H18 คงเป็นขาขึ้น โดยทั้งค่า MACD และ Signal ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และ 2) ในกราฟ 120 นาทีโมเมนตัมของ S50H18 คงเป็นขาขึ้น โดยค่า RSI ปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังเข้าสู่เขต Positive Zone (>50%) ดังนั้นวันนี้ต้องจับตาแนวต้าน 1,200 จุด หาก S50H18 สามารถทะลุขึ้นต่อ ยิ่งให้ภาพเทคนิคคัลทั้งโมเมนตัมและเทรนด์ชัดเจนในขาขึ้นยิ่งขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,220 จุด (ระดับ High เก่า)
เมื่อวานนี้ S50H18 แกว่งทรงตัวจนปิด -2.0 จุด และยังคงแกว่งตรงแนวต้านกรอบบน Sideway ที่ 1,197.5 จุด ซึ่งเรายังคงให้น้ำหนักทางขึ้นมากกว่าทางลง เพราะ 1) ในกราฟ 120 นาทีเทรนด์ระยะสั้นของ S50H18 คงเป็นขาขึ้น โดยทั้งค่า MACD และ Signal ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และ 2) ในกราฟ 120 นาทีโมเมนตัมของ S50H18 คงเป็นขาขึ้น โดยค่า RSI ปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังเข้าสู่เขต Positive Zone (>50%) ดังนั้นวันนี้ต้องจับตาแนวต้าน 1,200 จุด หาก S50H18 สามารถทะลุขึ้นต่อ ยิ่งให้ภาพเทคนิคคัลทั้งโมเมนตัมและเทรนด์ชัดเจนในขาขึ้นยิ่งขึ้น โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1,220 จุด (ระดับ High เก่า)
กลยุทธ์การลงทุน
Outright Trading: Trading Long หากทะลุแนวต้าน 1,200 จุด มองแนวต้านถัดไปที่ 1,220 จุด พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากต่ำกว่า Low ของวันก่อนหน้าที่ 1,190.5 จุด
Outright Trading: Trading Long หากทะลุแนวต้าน 1,200 จุด มองแนวต้านถัดไปที่ 1,220 จุด พร้อมกับตั้ง Stop Loss หากต่ำกว่า Low ของวันก่อนหน้าที่ 1,190.5 จุด
นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
Trading Idea: RS
Connect the World- (P.2)
สหรัฐฯ ปิดลบหลังนักลงทุนกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
สหรัฐฯ ปิดลบหลังนักลงทุนกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน
Market Outlook
วันนี้คาด SET แกว่งตัวไซด์เวย์กรอบระหว่าง 1,795-1,820 จุดหลังยังรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ
วันนี้คาด SET แกว่งตัวไซด์เวย์กรอบระหว่าง 1,795-1,820 จุดหลังยังรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ
Market Factors
(-) ตลาดหุ้น DJIA ปิด -1.00%DoD หลังวิตกเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหลังมีข่าว ปธน.ทรัมป์มีแผนออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
(+) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด +0.4%DoD หลัง EIAเผยสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่าคาด
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.สหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิตมี.ค.,ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย มี.ค.
(-) ตลาดหุ้น DJIA ปิด -1.00%DoD หลังวิตกเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหลังมีข่าว ปธน.ทรัมป์มีแผนออกมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
(+) ตลาดน้ำมัน WTI ปิด +0.4%DoD หลัง EIAเผยสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่าคาด
(+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก.สหรัฐฯ ที่สำคัญ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาคการผลิตมี.ค.,ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย มี.ค.
Investment Strategy
แม้ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความผันผวนและมีโอกาสพักฐานต่อหลังขาดปัจจัยหนุน อีกทั้งนักลงทุนยังอยู่ระหว่างจับตานโยบายภาษีของสหรัฐและผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค. นี้ (Bloomberg Consensus 92% คาดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.75%) แต่ระยะกลาง-ยาวพื้นฐาน ศก. ไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "แบ่งทยอยซื้อสะสม โดย Selective Buyหุ้นมีปัจจัยบวก" ดังนี้
1) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน มี.ค. -พ.ค. นี้ จะขึ้นเครื่องหมายXD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, ASP, AIT, SC, AP, LH
2) หุ้นอิงการบริโภคและศก. ไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น : KBANK, BBL, SCB, BJC, CPALL
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดย ม.ค. และ ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยโต 10.87%YoY และ 19.29%YoY ตามลำดับ : MINT, CENTEL, ERW
แม้ตลาดหุ้นไทยยังเผชิญความผันผวนและมีโอกาสพักฐานต่อหลังขาดปัจจัยหนุน อีกทั้งนักลงทุนยังอยู่ระหว่างจับตานโยบายภาษีของสหรัฐและผลประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 20-21 มี.ค. นี้ (Bloomberg Consensus 92% คาดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.75%) แต่ระยะกลาง-ยาวพื้นฐาน ศก. ไทยยังคงมีความแข็งแกร่ง ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "แบ่งทยอยซื้อสะสม โดย Selective Buyหุ้นมีปัจจัยบวก" ดังนี้
1) หุ้นที่จ่ายปันผลสูงซึ่งเดือน มี.ค. -พ.ค. นี้ จะขึ้นเครื่องหมายXD โดยให้ Div. Yield เกิน 3% : KKP, ASP, AIT, SC, AP, LH
2) หุ้นอิงการบริโภคและศก. ไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น : KBANK, BBL, SCB, BJC, CPALL
3) หุ้นโรงแรมได้อานิสงส์อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยยังแข็งแกร่ง โดย ม.ค. และ ก.พ. 61 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยโต 10.87%YoY และ 19.29%YoY ตามลำดับ : MINT, CENTEL, ERW
Fundamental Reports
HARN ([email protected]) จากงาน Opp.Day วานนี้เราคงคาดปี61 HARN จะมีกำไรสุทธิ 145 ลบ. โตต่อ 11.7%YoY จากแผนเพิ่มสินค้าใหม่ๆและแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ + มีUpside 53.6% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 6.1% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ
HARN ([email protected]) จากงาน Opp.Day วานนี้เราคงคาดปี61 HARN จะมีกำไรสุทธิ 145 ลบ. โตต่อ 11.7%YoY จากแผนเพิ่มสินค้าใหม่ๆและแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ + มีUpside 53.6% และคาดให้ Div.Yield ปีนี้ที่ 6.1% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ
Market Talk and News
JKN (BUY:[email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 22.7%YoY จากคำสั่งซื้อลูกค้าเดิมและใหม่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามความนิยมซีรี่ย์อินเดียในไทยที่ดีขึ้นจนล่าสุดมีสัญญาส่งมอบลิขสิทธิ์คอนเทนท์มาร์จิ้นสูงแตะ 1,300 ลบ. (คาดรับรู้รายได้ปีนี้ 70%) + Upside 22.7%และเตรียมแจก JKN-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 5 หุ้นสามัญ :1 warrant จำนวน 108 ล้านหน่วย (อัตราใช้สิทธิ 1:1, ราคาใช้สิทธิ 15 บาท, อายุ 2 ปี, XW 2 พ.ค.) จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
SAWAD (BUY:TP@71): ปี 61 คาดกำไรกลับมาโต 38.4%YoY จากฐานลูกหนี้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากทั้งดีมานด์เงินกู้ที่มีอยู่มากและแผนขยายสาขาอีก 300 สาขา (จากณสิ้นปี 60 มี2,490 สาขา) บวกกับ NIM ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 4Q60 รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่คาดลดลงหลังพ้นช่วงปรับโครงสร้างเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน + Upside 10.9%
JKN (BUY:[email protected]): ปี 61 คาดกำไรโต 22.7%YoY จากคำสั่งซื้อลูกค้าเดิมและใหม่ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามความนิยมซีรี่ย์อินเดียในไทยที่ดีขึ้นจนล่าสุดมีสัญญาส่งมอบลิขสิทธิ์คอนเทนท์มาร์จิ้นสูงแตะ 1,300 ลบ. (คาดรับรู้รายได้ปีนี้ 70%) + Upside 22.7%และเตรียมแจก JKN-W1 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 5 หุ้นสามัญ :1 warrant จำนวน 108 ล้านหน่วย (อัตราใช้สิทธิ 1:1, ราคาใช้สิทธิ 15 บาท, อายุ 2 ปี, XW 2 พ.ค.) จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
SAWAD (BUY:TP@71): ปี 61 คาดกำไรกลับมาโต 38.4%YoY จากฐานลูกหนี้ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากทั้งดีมานด์เงินกู้ที่มีอยู่มากและแผนขยายสาขาอีก 300 สาขา (จากณสิ้นปี 60 มี2,490 สาขา) บวกกับ NIM ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วง 4Q60 รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่คาดลดลงหลังพ้นช่วงปรับโครงสร้างเป็นกลุ่มธุรกิจการเงิน + Upside 10.9%
Quantitative Screening
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก MAKRO , BANPU
หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก MAKRO , BANPU
AECS - Fundamental and Strategic Team
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445) [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432) [email protected]
ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ID. 091364) [email protected]
จิรภัทร โบสุวรรณ (ID. 040051) [email protected]
ธีรยุทธ ฤทธิเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์ Data Support / Secretary
OO6528