WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ACESเด็กแนว PRIN - Book value สูงมาก
  
        ปี 60 ถือว่าเป็นช่วงที่ดีของบริษัท เนื่องจากทำกำไรได้ดีสุดในรอบ 4 ปี และยังมีของในมืออีกเพียบที่พร้อมจะโอนขาย จุดเด่นมากอีกสองประการก็คือมีค่า PE ต่ำเพียง 6.8 เท่า และมี Book valueระดับ  3.30 บาทเทียบราคาปัจจุบัน 1.76 บาทแล้วต่างกันลิบ ถือว่าเป็นหุ้นที่มีราคาค่อนข้างถูก และ Undervalue อย่างมากที่สุดตัวหนึ่งในกลุ่ม
          สำหรับใน Q3 ประทับใจมากเพราะยอดขายโต 95% จากบ้านเดี่ยวและทาวเฮ้าส์ ขายดิบขายดีอย่างเห็นได้ชัดจึงทำให้มีอัตรากำไรค่อนข้างดี เราจึงต้องมาวัดกันว่า Q4 จะยังคงร้อนแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นหุ้นที่มีราคาค่อนข้างต่ำและน่าเก็งกำไรในภาวะแบบนี้ ส่วนกราฟลงสู่แนวรับที่เคยดีดตัวแรงมาแล้ว และส่งสัญญาณปรับขึ้น  ตรงนี้จึงเป็นไม้ต้นๆ ของรอบฟื้นตัว มองแนวต้าน 1.95 บาท วิ่งแป๊บเดียวก็ถือแล้วนะ
FC แฟนคลับ แฟนใคร
          เรื่องเดิมอยู่ที่ว่า FC ประกาศเพิ่มทุนก้อนโต เพื่อให้ได้เงินราว 4 พันล้านบาทนำไปจ่ายค่าซื้อโรงไฟฟ้าจากนักธุรกิจชื่อดัง 2 ท่าน จากนั้นโรงไฟฟ้าจำนวน 200 MW จะเข้ามาเป็นของ FC โดยจัดตั้งบริษัทใหม่เข้าไปถือ ทันทีที่ดีลนี้จบ การรับรู้รายได้จะเกิดทันที เพราะจำนวนกว่า 90 MW จ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้ว ที่เหลือก็ทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ
          เดือนมีนาคม แฟนคลับของ FC จะต้องร่วมกันตัดสินในวันประชุมผู้ถือหุ้นว่าจะเอาตามนี้หรือไม่ ถ้าตกลงยกมือให้ อนาคตของแฟนฉันน่าจะเปลี่ยนเป็นธุรกิจโรงไฟฟ้า แทนธุรกิจอาหารในเวลาไม่นาน เพราะรายได้จากการขายไฟ จะมีนัยยะสำคัญกว่ารายได้เดิม สิ่งทีเด็กแนวมองก็คือว่าหุ้นตัวนี้ราคายังจัดว่าถูกหากมองในแง่ของการประเมินระยะยาวตามอายุโรงไฟฟ้าราว 20 ปี ราคาหุ้นควรจะไปไกลกว่านี้มาก  ลองย้อนไปหาบทความเด็กแนวในระยะที่ผ่านมาเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้จะเห็นมุมมองอนาคต ส่วนระยะสั้นตรงนี้กราฟแนวโน้ม 0.65 บาท สัญญาณซื้อเต็มๆ
 
บล.เออีซี : Action Strategy
MARKET OUTLOOK
          ดัชนี SET หลังจากที่ลงแรงมาสองวันติดต่อกัน เมื่อวานจึงดีดตัวสู้ตามที่คาดการณ์ไว้ในช่วงเปิดตลาด แต่การขึ้นทดสอบแนวต้านแรกที่บริเวณ 1,806 จุด ยังไม่ทันจะถึงฝั่งฝันก็โดนขายใส่ไม่ยั้ง ส่งผลให้ดัชนีไหลลงในช่วงบ่ายและปิดสิ้นวันไปที่ 1,788.43 จุด กลับมาติดลบต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่สาม เริ่มส่งสัญญาณอาการไม่สู้ออกมาให้เห็น ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคอย่าง Modified Stochastic กลับมาโค้งตัวลงส่งผลให้เราให้น้ำหนักที่ SET จะแกว่งตัวลงมากกว่า ฉะนั้นหากเกิดการเด้งสู้ในระหว่างวัน สำหรับผู้มีหุ้น เราแนะนำควรขายถือเงินสดเพื่อรอดูจังหวะที่ได้เปรียบกว่าในการเข้าซื้อคืน ทั้งนี้นักลงทุนควรระวังใกล้ชิดวันนี้โดยหากดัชนีทำแท่งแดงแล้วปิดลบต่อ จะทำให้ภาพเทคนิคยิ่งดูไม่ดีมากขึ้น โดยหากหลุดแนวรับ 1,780 จุด จะทำให้แนวโน้มดัชนีมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1,753 จุด
STRATEGY
          นักลงทุนระยะสั้น : การเก็งกำไรสำหรับผู้ที่มีหุ้น ระวังอย่าให้หลุดแนวรับ 1,780 จุด หากหลุดควรขายเพื่อรอซื้อกลับโดยมองว่า SET น่าจะแกว่งตัวลงไปทดสอบแนวรับเดิมบริเวณ 1,753 จุด
          นักลงทุนระยะกลาง : ระมัดระวังการปรับฐานต่อเนื่องของตลาด เน้นให้นักลงทุนถือเงินสดต่อเพื่อรอซื้อบริเวณกรอบแนวรับสำคัญในระยะกลาง 1,753
SECTOR FOCUS
          SECTOR Recommended PROF กลุ่มบริการเฉพาะกิจ โดยปรับตัวขึ้นเล็กน้อยบวก 0.910จุด ขณะที่ภาพรวมตลาดยังผันผวนปิดลบในช่วงท้ายตลาด ทั้งนี้มีสัญญาณการดีดตัวจากสัญญาณ Bullish Divergence ในโซนที่มีการขายมากเกินไป (Oversold) จึงทำให้เราประเมินว่าอาจเกิดการ  ดีดตัวขึ้นระหว่างวันได้ โดยเราเลือกกลุ่มบริการเฉพาะกิจอย่างกลุ่มโรงหนัง และภาพยนตร์เป็นตัว ชูโรง ทั้งนี้มีหุ้นที่น่าติดตามอย่าง MAJOR , MPIC
STOCK HUNTER
          Point of view  สำหรับหุ้น TNR ฟอร์มตัวปิดแท่งเขียวแรกขึ้นมาได้โดยบวกกว่า 2.67% โชว์ความแข็งแกร่งกว่าตลาดที่ปิดลบในช่วงบ่าย เนื่องจากหุ้นอยู่ในภาวะ Oversold (ขายมากเกินไป) ประกอบกับเริ่มมีสัญญาณดีดตัวอย่าง Bullish Divergence ทำให้เราหันมามองเจ้า TNR ที่จะเดินหน้าต่อไปทดสอบแนวต้านแรกที่ 15.70 และมีเป้าหมายของการดีดตัวรอบนี้ที่ราคา 16.50 จึงถือว่ายังมีช่องว่างของการขึ้นต่ออยู่พอตัว
          อิศรา เลิศสุดคนึง (เลขทะเบียน 033432) [email protected]
          จิรภัทร  โบสุวรรณ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
          ตฤณ สิทธิสวัสดิ์ (ผู้ช่วยนักวิเคราะห์เทคนิค)
 
บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
          มุมมองทางทฤษฎี: ฝรั่งกดขายทั้ง 2 ตลาด ติดต่อเป็นวันที่สาม!!!
          BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวานนี้ S50H18 ปิดลบด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis ลดลงจากวันก่อนหน้า 1.04 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -5.04 จุด ต่ำกว่า Theory Basis ที่ -2.05 จุด สะท้อนมุมมองเป็นลบในระยะสั้น (2 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) ปิดลดลง 0.1 จุด เทียบกับวันก่อนหน้า โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -4.9 จุด เข้าใกล้ Theory Spread ที่ -5.04 จุด
          PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.89x เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 0.36x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.00x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
          Fund Flow Analysis: เมื่อวานนี้นักลงทุนต่างชาติ Net Short 4,153 สัญญา ใน Index Futures และมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้น 3,537 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ราว 22,621 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: แรงรีบาวด์อ่อนกว่าที่คาด!!!
          เมื่อวานนี้ S50H18 พยายามขึ้นไปปิด Gap แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้าน 1,166 จุด เพราะเจอแรงขายกดดัชยีย่อลง จนปิดลบ 3.7 จุด ทั้งนี้จากกราฟ 120 นาที เราพบสัญญาณ Rebound ของ S50H18 ที่ไม่แข็งแรงพอจะกลับให้ดัชนีไปเป็นทิศทางแนวโน้มขาขึ้น เพราะ RSI พลิกกลับมาย่อลง เช่นเดียวกับ Modified Stochastic ที่ เริ่มโค้งตัวลง ดังนั้นวันนี้ต้องจับตาแนวรับ 1,150 จุด หากหลุดมีโอกาสลงต่อตามสัญญาณขายที่ยังคงมีอยู่ โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,138 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
          Outright Trading: นักลงทุนที่มีสถานะ Long ก่อนหน้านี้ระวังหลุดแนวรับ 1,150 จุด หากหลุดปิดสถานะออกมาก่อน (Stop Loss) แล้วเปลี่ยนทิศทางเป็นกลยุทธ์ขาลง หวังแนวรับถัดไปที่ 1,138 จุด
          นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)
 
บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
          Trading Idea: TNR
          เด็กแนว: PRIN , FC
Connect the World- (P.2)
          ติดตามประเด็น US Government Shutdown ในคืนนี้
Market Outlook
          วันนี้คาด SET แกว่งตัวกรอบระหว่าง 1,775 - 1,800 จุด โดยดัชนีอยู่ในช่วงปรับฐานและการดีดตัวขึ้นแรงยังทำได้ยากหลังยังจับตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ และรอปัจจัยใหม่ๆ
Market Factors
          (-) ดัชนี DJIA  ปิด -0.08%DoD หลังยังกังวลเงินเฟ้อและ Bond Yield สหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นจะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
          (-) ราคาน้ำมัน WTI ปิด -2.5%DoD หลัง EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น
          (+) FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นในอีก3เดือนข้างหน้า (เม.ย. 61) ปรับขึ้นต่อเป็นเดือนที่ 3 โดยอยู่ที่1 56.62 อยู่ในเกณฑ์ Bullish หลังเงินทุนไหลเข้า, ศก. ไทยและงบ บจ. ดีขึ้น
          (+/-) วันนี้ติดตามข้อมูล ศก. สำคัญ อาทิ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ, ดุลการค้า ม.ค. จีนและผลประชุมนโยบายการเงินของ BOE
Investment Strategy
          เรามองช่วงสั้นตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนและอยู่ในช่วงปรับฐาน หลังความกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด และ Bond Yield 10 ปีของสหรัฐฯ ที่ยังทรงตัวอยู่ระดับสูงที่ 2.84% ยังเป็นแรงกดดันความน่าสนใจลงทุนในทั้งตลาดตราสารหนี้, ตลาดทุน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ Fund Flow ยังมีทิศทางไหลออกจากตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
          ภายใต้ตลาดหุ้นไทยที่คงต้องเผชิญความผันผวนระยะสั้น โดยคาด Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลออกจะกดดันให้เกิดแรงขายหุ้น Big Cap. โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ"เน้นซื้อแนวรับไม่ไล่ราคา" ในหุ้นกลุ่มอื่นที่น่าสนใจ ดังนี้
          1) หุ้นได้อานิสงส์จากค่าเงินบาทอ่อนตัว (ดอลลาร์แข็งค่า)ได้แก่SVI, HANA, KCE, DELTA, CPF, GFPT,TU, SMPC
          2) หุ้น Domestic Play ที่ได้ประโยชน์จากศก.ฟื้น ได้แก่ KBANK, BBL, ROBINS, BJC
          3) หุ้นที่ให้คาดเป็นหลุมหลบภัย (Safe heaven) โดยให้ Div. Yield เกิน 4% ได้แก่ SC, MCS, KKP, TISCO, GLOW, EGCO, RATCH
          4) หุ้น Mid-Small Cap. ที่คาดกำไร 4Q60 โตดี YoY ได้แก่ ERW, BCH, HARN, JWD
Market Talk and News
          GPI ([email protected]): ช่วง 4Q60 คาดขาดทุนลดเหลือ 19.5 ลบ. จาก 4Q59 ขาดทุน 22.5 ลบ. จากความนิยมที่มากขึ้นในกิจกรรมแข่งขันเครื่องบิน "Air Race 1" ส่วนทั้งปี 60 คาดกำไรโต16.1%YoY และโตต่อ15.0%YoY ในปี 61 จากรับงานพิมพ์พิเศษเพิ่มขึ้นและธุรกิจยานยนต์มีแนวโน้มฟื้นตัว + Upside 47.8% และคาดให้ Div.Yield ปี 60 ที่ 3.6% จึงแนะนำ "ซื้อ"
          JWD (BUY:[email protected]): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโตทั้งYoY และ QoQ หนุนด้วยอัตราเช่าคลังสินค้าที่สูงขึ้นตามส่งออกไทยที่สดใสพร้อมรับรู้ผลลงทุนใน OAI เต็มไตรมาสครั้งแรกหนุนปี 60 คาดพลิกมีกำไร 214 ลบ. และโตต่อ 20.5%YoY ในปี 61 จากแผนลงทุนขยายคลังสินค้าในอาเซียนร่วมกับพันธมิตร + Upside 14.3% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
          TNR (BUY:Consensus [email protected]) : แม้ปี 60 คาดกำไรหด 16.6%YoY แต่จะพลิกโต58.9%YoY ในปี 61 ด้วยแผนขยายฐานลูกค้า OEM ในต่างประเทศและแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายของกลุ่มธุรกิจสินค้าOwn Brand ทั้ง ONETOUCH และNiptex + ราคาหุ้นยังมีUpside 44.5% และคาดให้ Div.Yield จากผลการดำเนินงานปี 60 ที่1.4% จึงแนะนำ "ซื้อ"
Quantitative Screening
          หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก MAJOR ,  ROJNA
AECS - Fundamental and Strategic Team
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234)          [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445)        [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)           [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์                        Asst. Analyst
จิรภัทร  โบสุวรรณ                      Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์                 Data Support / Secretary
OO5377

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!