WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

ACESเด็กแนว - CHG  ราคาดีสุดรอบ 2 ปี
          หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลรอบนี้ถือว่าได้รับความสนใจน้อยกว่า ธนาคาร  พลังงานและค้าปลีก  แตกต่างจากเมื่อ  2 ปีก่อนที่ขึ้นนำตลาดทุกวัน  ในทางกลับกันราคาหุ้นตรงนี้กลับลงต่ำสุดในรอบ 2 ปี ทั้งๆ ที่พื้นฐานและปัจจัยดีขึ้นกว่าอดีตไม่ใช่น้อย   อย่าง CHG ได้รับผลบวกทั้งการเพิ่มค่ารักษาพยาบาลประกันสังคมเพิ่มขึ้น การเข้าสู่ประเทศผู้สูงอายุของไทย
          และล่าสุดคือเงินลดหย่อยภาษีเพิ่มขึ้นจากการมีบุตรเพิ่ม  เด็กแนวเชื่อว่ามาตรการรัฐจะต้องออกมามากกว่านี้เพื่อรับมือกับผู้สูงวัยมีมากขึ้น  ซี่งกลุ่มโรงพยาบาลจะรับไปเต็มๆ CHG จะมีผลประกอบการที่กลับมาดีขึ้นจากนี้ไป  ราคาหุ้นรับรู้การอ่อนตัวของกำไรเทียบอดีตไปแล้ว  จึงทำให้ราคาที่ถูกมากในรอบ 2 ปีกับเฉลี่ยเป้าโบรกเกอร์ 2.50 บาทถือว่ามี Upside สูงเกิน 20% น่าสะสมยิ่งนักกราฟลงถึงแนวเก็บหุ้นเช่นกัน นี่คือไม้ต้นของการตั้งรอบใหม่  อย่ารอช้าเดี๋ยวของแพง 
- FER คว้าลูกไปลุยแม่
          ก่อนที่จะตั้งลำขึ้นมาได้ขนาดนี้  เด็กแนวได้เริ่มเล่าให้ฟังถึงพัฒนาการที่เปลี่ยนไปของบริษัท เกี่ยวกับธุรกิจ LPG ที่บริษัทไปซื้อ Star Gas มา และเริ่มรับรู้รายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ จนทำให้มีแนวโน้มว่า Q4 นี้จะเป็นครั้งแรกของการประกาศกำไรให้เห็น 
          ส่วนใน Q1 โรงไฟฟ้า 4MW  รับรู้รายได้เต็มไตรมาส   ล่าสุดมีข่าวออกมาว่าทีมบริหารเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด  ไม่มีหน้าเดิมอยู่แล้วทำให้ภาพของ FER จึงเปลี่ยนไปเป็นการทำธุรกิจจริงจังและเชื่อมั่นได้ว่ามืออาชีพ ไม่ใช่นอมินีใครอย่างแน่นอน เด็กแนวได้วางมุมมองไว้ว่ามีโอกาสเรื่องล้างขาดทุนสะสมในเร็วๆ นี้  และอย่าลืมว่า FER-W3 จะขึ้น SP  30 มกราคมนี้ โดยใครแปลงสภาพจะจ่ายเงิน 0.50 บาท นั่นหมายความว่าราคาถูกกว่าแม่ 9%  ขณะที่แม่ FER จะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้น เห็นชัดๆว่าราคาตั้งลำจะไปใหญ่โต ดังนั้นใครแปลงลูกถือว่าคุ้มค่า  สำหรับเป้าหมาย FER มองว่ายังไงก็เห็น 0.90 บาท ใครมีแม่ก็กำไร  ใครมีลูกก็ยิ่งกำไร   สะสมกันไว้คร๊าบบ

บล.เออีซี : Action Strategy
AECS Market Outlook :  Rebound แต่ผันผวน
          SET ทิ้งตัวลงลึก 1,803 จุด  ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นในช่วงบ่ายส่งผลให้กราฟแท่งเทียนพลิกสถานะเป็นเชิงบวกแบบ Hammer ขณะที่ RSI ดีดตัวขึ้นสอดรับการเกิด Rebound นี้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่เคยเกิดขึ้นเมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา  รอบนี้มีเป้าหมายในการปรับขึ้นที่แนวต้าน 1,828 จุด  และจะผันผวนเพราะ Overbought  หากปิดสูง จะทำให้แนวโน้ม New high เกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ แต่หากปิดต่ำจะทำให้การปรับขึ้นยังไม่แน่นอน
กลยุทธ์
          1. เก็งกำไรตามการดีดตัวขึ้นสบายๆ
          2. หากไม่ผ่าน 1,828 จุด ให้แบ่งทำกำไรหุ้นที่เล่นสั้น
          3.  หากปิดต่ำ ให้ถือหุ้นกลับบ้านน้อยลง
บทสรุปการลงทุน:
          แนวโน้มผันผวน และมีโอกาสย่อตัว
          SET Closed: 1,821.34
          Support:   1,810   1,815
          Resistant: 1,828   1,835
          JMT   สัญญาณเชิงบวก
          ราคาปิด    32.25  บาท
          แนวรับ       32.00  บาท 
          แนวต้าน:     34.00 บาท
          Stop Loss : 31.50 บาท
          JMT เริ่มฟอร์มตัวกลับขึ้นสู่แนว Uptrend อีกครั้งหนึ่ง โดยก่อร่างเป็นหัวและไหล่  โดยมี Stochastic ชี้ขึ้นสนับสนุนการขึ้นนี้  โดยมีแนวต้านแรกที่ 34 บาท  แนะนำ "ซื้อ"
          AEC Securities
          รณกฤต สารินวงศ์
          Head of Research
          ID: 012234
          [email protected]

    บล.เออีซี : Derivatives Signals
SET50 Index Futures
มุมมองทางทฤษฎี: ยังคงมีความกลัวดัชนีพักฐานขาขึ้น!!!
          BASIS (S50H18-SET50): เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ S50H18 ปิดบวกด้วย % มากกว่า Spot ส่งผลให้ Basis เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้า 3.1 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ +0.1 จุด มากกว่า Theory Basis ที่ -3.1 จุด สะท้อนมุมมองเป็นบวกในระยะสั้น (3 เดือน) ของนักลงทุนที่มีต่อ SET50 Index ส่วน Calendar Spread (S50M18-S50H18) ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.3 จุด โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ -3.7 จุด ใกล้เคียงกับ Theory Spread ที่ -3.1 จุด
          PUT/CALL Ratio: ปัจจุบันอัตราส่วนการเทรด SET50 Index Option ฝั่ง PUT เทียบกับฝั่ง CALL พบว่าปริมาณซื้อขาย (Volume) อยู่ที่ 0.82x ลดลงจากวันก่อนหน้า 0.07x ขณะที่ฝั่งสถานะคงค้าง (Open Interest) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.05x เท่ากับวันก่อนหน้า ซึ่งขณะนี้ PUT/CALL Ratio ฝั่ง OI ยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แสดงให้เห็นถึงการกลัวความเสี่ยงพักฐานขาขึ้นของดัชนี (ดูรายละเอียดจากหน้า 2)
          Fund Flow Analysis: แม้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้นักลงทุนต่างชาติ Net Short 331 สัญญา ใน Index Futures แต่กลับมามีสถานะซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 1,974 ล้านบาท โดยตั้งแต่เริ่มต้นปี 2561 นักลงทุนต่างชาติมียอดคงค้างเป็นสถานะขายสุทธิในตลาดทุน (หุ้น + Index Futures) ราว 8,970 ล้านบาท
Technical Analysis
มุมมองด้านเทคนิค: คาดแกว่งในกรอบ!!!
          เมื่อวานนี้ S50H18 ภาคเช้าแกว่งลง ภาคบ่ายปรับขึ้น จนปิดบวก 4.0 จุด จนราคาปัจจุบันของ S50H18 กลับมายืนเหนือแนวรับค่าเฉลี่ย 5 วัน (EMA) ที่ 1,181.7 จุด อย่างไรก็ดีเรามองว่าสัปดาห์นี้ดัชนีจะแกว่งในกรอบ เพราะหากปรับขึ้นมาเข้าใกล้แนวต้าน 1,197 จุด (Uptrend Line ลากจาก High to High) คาดจะเผชิญกับแรงขายทำกำไรกดดัชนีย่อ แต่ในทางกลับกันหากย่อลงมาเข้าใกล้แนวรับ 1,169 จุด (Uptrend Line ลากจาก Low to Low) คาดจะเจอแรงซื้อเก็งกำไรในแนวโน้มขาขึ้น ***อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องระวังคือค่า MACD เริ่มผงกหัวลง ดังนั้นจับตาใกล้ชิด หากค่า MACD ตัดค่า Signal ลง อาจจะทำให้เกิดการพักฐาน และอาจทำให้แนวโน้มขาขึ้นเสียทรง***
กลยุทธ์การลงทุน
          Outright Trading: Trading ในกรอบ 1,169-1,197 จุด และ Stop Loss หากหลุดกรอบมากกว่า 5 จุด
          นักวิเคราะห์: อิศรา เลิศสุดคนึง (ID:033432)

 บล.เออีซี : Daily Focus
AECS Daily Focus
          Technical: Rebound แต่ผันผวน
          Trading Idea: JMT
          เด็กแนว: CHG , FER
Connect the World- (P.2)
          ติดตามผลการประชุม BoJ และ ECB ในสัปดาห์นี้
Market Outlook
          สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตัวในกรอบ1,800-1,840จุดโดยแม้ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์แต่คาด  ผันผวนสูงจากแรงขายทำกำไร อีกทั้งยังต้องติดตามปัจจัยภายนอกทั้งปัญหาชัตดาวน์ของสหรัฐฯ และการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางในประเทศสำคัญๆ
Market Factors
          (+) เมื่อวันศุกร์ดัชนี DJIA ปิด +0.21%DoDหลังมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มภาวะ ศก.โลกและผลประกอบการของ บจ.
          (-) เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมัน WTI ปิด-0.9%DoD หลังกังวลการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น
          (-) เช้านี้ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลง 47 จุด หลังวุฒิสภาสหรัฐไม่ผ่านร่าง กม.งบประมาณชั่วคราวทำให้ต้องปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลตั้งแต่เที่ยงวันเสาร์ตามเวลาไทย
          (+/-) สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล ศก. สหรัฐฯ อาทิ สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองและบ้านใหม่, และติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาชัตดาวน์ รวมทั้ง GDP 4Q60 ของสหรัฐฯ และอังกฤษ, ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้น ม.ค. ของสหรัฐฯ และอียู, การประชุมนโยบายการเงินของ BOJ และ ECB
Investment Strategy
          สัปดาห์นี้ประเมินดัชนีมีโอกาสพักฐานต่อจากแรงขายทำกำไร อีกทั้งมีปัจจัยต่างประเทศสำคัญที่ต้องติดตามทั้งความคืบหน้าปัญหาชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐและการส่งสัญญาณการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นของ FED, BOJ และ ECB (การลดวงเงิน QE) ดังนั้น  กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ ดังนี้
          1) หุ้น BIG Cap. ที่คาดปีนี้โตดี ได้แก่ PTT, PTTEP, PTTGC, KBANK, ADVANC, AOT
          2) หุ้น High Div. Yield ซึ่งคาด ก.พ. ปันผลเกิน 4% ได้แก่ TMT, KKP, TISCO, SC, AIT
          3) หุ้นโรงแรมและค้าปลีก ซึ่งได้อานิสงส์จากมาตรการเที่ยวเมืองรองและขี้นค่าแรงขั้นต่ำได้แก่ MINT, ERW, BJC, ROBINS, HMPRO
          4) หุ้น Mid-Small Cap. ที่ปีนี้คาดกลับมาโตสดใส ได้แก่ RSP, MONO, SMPC, NDR
Fundamental Reports
          SMPC ([email protected]): ช่วง 4Q60 คาดกำไรโต 17.7%YoY เพราะอุปสงค์ถังแก๊สเอเชียและแอฟริกาสดใสส่งผลให้ทั้งปี60 คาดกำไรหดตัวเพียง 3.7%YoY แต่จะพลิกโต 22.8%YoY ในปี 61 จากแนวโน้มราคาขายที่เพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นราคาเหล็ก + มีUpside 18.2% พร้อมกับคาดให้ Div.Yield จากผลดำเนินงานช่วง 2H60 ราว 2.6% จึงคงแนะนำ "ซื้อ"
Market Talk and News
          RSP (BUY:[email protected]): แม้ช่วง 4Q60 คาดกำไรหด 43.1%YoY และกดดันให้คาดปี 60 กำไรลด 23.9%YoY แต่จะพลิกโต 24.4%YoY ในปี 61 หลังกำลังซื้อดีขึ้นบวกกับมีแผนเพิ่มจำนวนช่องทางจัดจำหน่ายและจะเริ่มรับรู้ยอดขายเต็มปีจากเริ่มจำหน่าย PONY ตั้งแต่ ก.ย. 60 + การเงินแข็งแกร่งเป็น Net Cash company และมี Upside 43% คงแนะนำ "ซื้อ"
Quantitative Screening
          หุ้น High Alpha ซึ่งคาด Outperform ตลาดวันนี้เลือก BCH , SPALI
AECS - Fundamental and Strategic Team
รณกฤต สารินวงศ์ (ID. 012234)          [email protected]
ณัฏฐ์วริน ไตรภพสกุล (ID. 027445)        [email protected]
อิศรา เลิศสุดคนึง (ID.033432)           [email protected]
ตฤณ  สิทธิสวัสดิ์                        Asst. Analyst
จิรภัทร  โบสุวรรณ                      Asst. Analyst
สุวรรณา อัศวเหล่าวรพงศ์                 Data Support / Secretary
OO4724

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!