- Details
- Category: บลจ.
- Published: Saturday, 30 August 2014 22:25
- Hits: 2859
ผู้จัดการกองทุน ประสานเสียงปีหน้าลงทุนหุ้นยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนสินทรัพย์อื่น เหตุเศรษฐกิจโลก-เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดี
นายบุญชัย เกียรติธนวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต กล่าวว่า การลงทุนจากนี้ถึงปีหน้า จากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวโลกและเศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัว ทำให้การลงทุนในหุ้นนั้นจะให้ผลตอบแทนที่ดี โดยนักลงทุนควรที่จะกระจายการลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง และนักลงทุนควรที่จะแบ่งพอร์ตการลงทุนทั้งระยะสั้น และ ระยะยาว
สำหรับ ตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน มี P/E ที่ 14 เท่า หากมองในปีหน้าเรื่องความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน มีแนวโน้มเติบโตที่ดี ระดับP/E ดังกล่าวถือว่าไม่แพง และจากการที่รัฐบาลเดินหน้าปฏิรูปประเทศ เรื่องพลังงาน ภาษี กฎหมาย ฯลฯ หากปฏิรูปไปได้ดีเชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้ในตลาดโลกได้
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในตลาดหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่มีทิศทางการปรับตัวดีขึ้นทั้งเศรษฐกิจกโลก และไทย ส่วนจะลงทุนในหุ้นในประเทศหรือต่างประเทศนั้น ส่วนตัวมองว่า ควรกระจายความเสี่ยงทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยการลงทุนในต่างประเทศ มีตราสารที่หลากหลายกว่า และมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทย แต่การลงทุนในต่างประเทศนั้นต้องศึกษาข้อมูลให้ดี หากนักลงทุนมีข้อมูลไม่เพียงพอสามารถเข้ามาลงทุนผ่านกองทุนรวมได้
"ส่วนต้วมองว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะโตอยู่ที่ 4-5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1-2% จากการที่ภาครัฐจะกระตุ้นในเรื่องของการลงทุน การบริโภค การส่งออก ทำให้ปีหน้าตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ และเชื่อว่าจะส่งผลดีกับตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยทำนิวไฮได้ "นายจงรัก กล่าว
ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ทหารไทย จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนจะต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ในการลงทุนก่อน ซึ่งวัตถุประสงค์การลงทุนหลักๆ จะมี 3 ประเด็น คือ 1. การลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง ซึ่งจะต้องลงทุนประมาณ 5-7 ปี เพื่อที่จะได้รับผลอตบแทนที่ดีในระยะยาว โดยนักลงทุนควรเลือกลงทุนหุ้น และกองทุนหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 10%
2.การลงทุนที่ต้องการรักษาเงินต้น เนื่องจากต้องการใช้เงินในระยะ 6 เดือน หรือ 1 ปี ข้างหน้า ซึ่งแนะนำให้มีการลงทุนในตรสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งจะให้ผลอตอบแทนใกล้เคียงอัตราเงินเฟ้อ 3. การลงทุนในระยะกลาง 3-4 ปี เพื่อให้ได้รัผลตอบแทนระยะกลาง ควรลงทุนในตราสารหนี้ พันธบัตร และกองทุนอสังหาริมทรัพย์