- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 13 December 2017 12:26
- Hits: 3206
KTAM เพิ่มทางเลือกเปิดขาย KT25/75 เน้นสะสมมูลค่า จับกลุ่มนักลงทุนรับโอกาสผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย คอนเซอเวทีฟ 25/75 ( KT-25/75 Class R ) เป็นอย่างสูง โดยเฉพาะการจำหน่ายผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย ที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากมาย ส่งผลให้มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ประมาณ 1 ,700 ล้านบาท ซึ่งกองทุนเปิดจำหน่ายครั้งแรกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ในโอกาสนี้ บริษัทจึงเปิดจำหน่ายเพิ่มใน Class A ประเภทสะสมมูลค่า ( KT-25/75 Class A ) เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ลงทุน ได้เลือกลงทุนตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
กองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นในประเทศไม่เกิน 25% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี ทั้งนี้ สัดส่วนการลงทุนดังกล่าว ช่วยรักษาระดับความสม่ำเสมอของผลตอบแทน และเพิ่มศักยภาพการเติบโตของผลตอบแทน จากการลงทุนในหุ้นสูงสุดไม่เกิน 25% โดยไม่มีข้อจำกัดถึงขนาดและประเภทหุ้นที่สามารถลงทุนได้ เพื่อมุ่งเน้นเป้าหมายการสร้างผลตอบแทนที่ดี กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง ต้องการเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย 2 กองทุนตราสารหนี้ ทั้งในและต่างประเทศ ให้กับนักลงทุนได้เลือกลงทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 179 ( KTFF179 ) เสนอขายตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2560 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งประกอบไปด้วย เงินฝากประจำ Bank of china, Agricultural Bank of China , Abu Dhabi Commercial Bank PJSC บัตรเงินฝาก China Construction Bank , Bank of Communications และ Industrial and Commercial Bank of China Ltd.ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 19% ยกเว้น Abu Dhabi Commercial Bank PJSC ในสัดส่วน5 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการลงทุนประมาณ 1.35% ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน3 (KTSIV6M3)เป็นกองทุนประเภท Roll Over vkp6 6 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2560 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ ประกอบด้วย ตั๋วแลกเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด เงินฝากประจำ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 18% ตั๋วแลกเงิน บริษัทราชธานีลิสชิ่ง จำกัด (มหาชน) 15% และพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 49% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ1.15%ต่อปี ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้ บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบ จากปริมาณการซื้อขายที่เบาบางและขาดปัจจัยใหม่ๆในตลาด นักลงทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นยอดขายสุทธิจำนวน 572 ล้านบาท ส่วน อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงจากการปรับขึ้น Fed Fund Rate ซึ่งตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีโดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงาน การผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของวุฒิสภา และการผ่านร่างกฏหมายงบประมาณชั่วคราวของสภาคองเกรส อย่างไรก็ตาม เริ่มมีความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐอเมริกาและสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ กรณีทรัมป์รับรองเยรูซาเร็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี อยู่ที่ 1.79% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี อยู่ที่ 2.14% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี อยู่ที่ 2.39% ต่อปี
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน