- Details
- Category: บลจ.
- Published: Friday, 19 May 2017 00:08
- Hits: 7874
บลจ.ไทยพาณิชย์ ปลื้มผลงานกองอสังหาฯ-โครงสร้างพื้นฐาน Q1 ปี 60 ทุ่ม 2,570 ล้านบาท จ่ายปันผลผู้ถือหน่วย
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานภายใต้การบริหารของ บลจ.ไทยพาณิชย์ สำหรับการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2560 ว่ามีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ และยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ เตรียมจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในช่วงเวลาดังกล่าวและกำไรสะสมให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนรวมทั้งสิ้น 9 กองทุน รวมมูลค่าประมาณ 2,570 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 พฤษภาคม 2560 จำนวน 7 กองทุนประกอบด้วย กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) จะจ่ายปันผล ในอัตรา 0.2420 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายปันผล 3.0824 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557) กองทุนอสังหาฯ ประเภทคอมมิวนิตี้มอลล์ คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์คริสตัล รีเทล โกรท (CRYSTAL) ที่ลงทุนในโครงการเดอะ คริสตัล (The Crystal) และโครงการคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1930 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 2.9147 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 15 พ.ย. 2556)
กองทุนประเภทโรงงานและคลังสินค้า มีจำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ไทคอน อินดัสเทรียล โกรท (TGROWTH) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1900 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 2.8290 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 22 พ.ค.2557) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PPF) จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.1945 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 2.2501 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 24 พ.ย. 2557)
กองทุนประเภทอาคารสำนักงาน 2 กองทุน คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ที่ลงทุนในอาคารสมัชชาวานิช 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ และอาคารบางนา ทาวเวอร์ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.2800 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 6.1612 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 7 ก.ย. 2554) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ลงทุนกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารสิริภิญโญ จะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.1450 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 1.7836 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 28 ส.ค.2557)
และกองทุนประเภทโรงแรม คือ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่ลงทุนในโรงแรมไอบิส ป่าตอง และโรงแรมไอบิส พัทยา เป็นการจ่ายคืนเงินลดทุน 0.1700 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 2.0059 บาทต่อหน่วย และจ่ายคืนเงินลดทุนแล้วทั้งสิ้น 0.3904 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 15 พ.ย. 2556)
นอกจากนี้ ยังมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 2 กองทุนที่จ่ายปันผลในวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 ได้แก่ กองทุนประเภทศูนย์การค้า คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF) ลงทุนในโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา 4 ทำเล คือ พระราม 2 พระราม 3 ปิ่นเกล้า และ เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2930 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 11.8378 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายเงินปันผลครั้งแรก 6 มี.ค.2549)
และกองทุนประเภทอาคารสำนักงาน คือ กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG) ที่ลงทุนในอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.2400 บาทต่อหน่วย รวมจ่ายเงินปันผล 3.8258 บาทต่อหน่วย (นับตั้งแต่วันที่จ่ายปันผลครั้งแรก 14 ก.พ. 2556)
นายสมิทธ์ กล่าวว่า ในปี 2560 เศรษฐกิจไทยโดยรวมขยายตัวดีขึ้นจากแนวโน้มการฟื้นตัวตามกำลังซื้อของภาคครัวเรือนในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากรายได้ทั้งในและนอกภาคเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้นกว่าปีก่อนหน้า และกลุ่มผู้ผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่เผชิญกับการส่งออกที่หดตัวมาหลายปีมีโอกาสพลิกกลับมาเติบโตในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจในภาคบริการก็ยังขยายตัวได้ดีทั้งจากภาคการก่อสร้างที่จะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
ในส่วนของตลาดสำนักงานในกรุงเทพมหานครโดยเฉพาะอาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่บนแนวเส้นทางรถไฟฟ้า BTS ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่อัตราการครอบครอง (Occupancy Rate) และอัตรารายได้ค่าเช่าพื้นที่ (Rental Rate) เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีความสะดวกในการเดินทางจากการเชื่อมต่อด้วยระบบขนส่งมวลชน และสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท(CPNCG) และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไพร์มออฟฟิศ (POPF) ที่ปรับตัวดีขึ้น และมีความสามารถในการจ่ายประโยชน์ตอบแทนให้กับผู้ถือหน่วยเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจากปัจจัยกดดันระยะสั้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและสหรัฐฯ ที่เริ่มเดินทางกลับมาท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลการดำเนินงานของโรงแรม Ibis ภายใต้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เอราวัณ โฮเทล โกรท (ERWPF) ที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย