- Details
- Category: บลจ.
- Published: Thursday, 14 August 2014 22:23
- Hits: 2646
บลจ.กสิกรไทย ขึ้นแท่นผู้นำกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น เผย นลท.แห่ลงทุนดันยอด NAV 2 กองทุนโตเกิน 200,000 ล้านบาท
บลจ.กสิกรไทย เป็นปลื้มหลังนักลงทุนให้ความสนใจลงทุนในกองทุน K-MPLUSและกองทุน K-MONEY ดันมูลค่า NAV แตะ 100,000 ล้านบาททั้ง 2 กองทุน พร้อมเผยการเติบโตกองทุนตราสารหนี้ดีเกินคาด ย้ำนักลงทุนยังรอจังหวะพักเงินเพื่อดูแนวโน้มเศรษฐกิจ พร้อมเตรียมปรับพอร์ตในต้นปีหน้า
นายจงรัก รัตนเพียร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้แนวโน้มการลงทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงิน และกองทุนตราสารหนี้ นับว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา มียอดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลไทยสุทธิกว่า170,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มมีความกังวลกับความผันผวนของตลาดหุ้น หรือการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากแรงกดดันของสถานการณ์ทางการเมืองโลก ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่หันมาพักเงินในสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้มากขึ้น เพื่อรอจังหวะกลับเข้าลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป ในด้านกองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย นั้น ก็นับว่าได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากนักลงทุนเช่นเดียวกัน
โดยกองทุนตราสารหนี้ของ บลจ.กสิกรไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุน ณ วันที่ 13 สิงหาคม รวมกว่า 200,000 ล้านบาท โดยกองทุนที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก ได้แก่กองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งมีมูลค่า NAV สูงถึง 102,506 ล้านบาท และกองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) ที่มีมูลค่า NAV 100,516 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ บลจ.กสิกรไทย ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและกองทุนตลาดเงินของประเทศ
โดยนายจงรักกล่าวเพิ่มเติมว่า “กระแสตอบรับจากผู้ลงทุนในกองทุนตลาดเงินและกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นของ บลจ. มาจากการที่กองทุนสามารถตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องการพักเงินและลงทุนระยะสั้นได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังให้โอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำ อีกทั้งยังมีสภาพคล่องสูง โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายได้ทุกวันทำการ และจะได้รับเงินค่าขายคืนในวันทำการถัดไป ตั้งแต่เวลา 9.30 น. นอกจากนี้ผู้ลงทุนบุคคลธรรมดายังมีโอกาสรับผลตอบแทนแบบเต็มๆโดยไม่ต้องเสียภาษี”
สำหรับ กองทุน K-MPLUS มีจุดเด่นในเรื่องการออกแบบกองทุนที่สามารถตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการพักเงินตั้งแต่ 1 สัปดาห์ขึ้นไป และคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่ดียิ่งขึ้นจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) ประมาณ 6 เดือน-1 ปี อีกทั้งยังสามารถลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ถึงร้อยละ 50ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่สามารถความผันผวนจากการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาวขึ้นได้ แม้ว่าอาจทำให้มีความผันผวนของ NAV แบบวันต่อวันอยู่บ้างได้ ในขณะที่ กองทุน K-MONEY เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการพักเงิน หรือลงทุนในระยะสั้นๆ ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ โดยกองทุนจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้เอกชน ที่มีอายุเฉลี่ย(Duration) ไม่เกิน 3 เดือน รวมทั้ง มีการลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกินร้อยละ 30 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
นายจงรัก กล่าวเพิ่มเติมว่า บลจ.กสิกรไทย ยังมอบโอกาสในการลงทุนสำหรับผู้สนใจลงทุนในกองทุน K-MPLUS และ K-MONEY โดยได้ลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำเหลือเพียง 500 บาท จากเดิมที่ต้องลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากประจำ นอกจากนี้ ยังมอบโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ซื้อกองทุน K-MONEY ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม-30 กันยายน 2557 รับที่ใส่ Passbook จาก LINE FRIENDS ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่สนใจลงทุนกับกองทุน K-MPLUS และK-MONEY สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา K-Contact Center 02-8888888 หรือ www.kasikornasset.com