- Details
- Category: บลจ.
- Published: Saturday, 22 April 2017 21:39
- Hits: 9410
บลจ.กรุงศรี โชว์ผลงานกองทุนหุ้นปิดไตรมาสด้วยผลตอบแทนโดดเด่น
บลจ.กรุงศรี เผยข้อมูลจากการจัดอันดับของมอร์นิ่งสตาร์ไทยแลนด์ กองทุนหุ้นของบลจ.กรุงศรี มีผลตอบแทบย้อนหลังในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 ติด 3 อันดับแรก ทั้งในกลุ่มกองทุนหุ้นทั่วไป กองทุนหุ้นขนาดใหญ่ หุ้นขนาดกลาง-เล็ก และกองทุน LTF
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด(บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า “ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 กองทุนหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มกองทุนหุ้นทั่วไป (Equity General) นอกจาก กองทุนเปิดกรุงศรีไฟแนนเชี่ยลโฟกัสปันผล(KFFIN-D) จะมีผลการดำเนินงานย้อนหลังสูงสุดเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มกองทุนแล้ว กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิคปันผล (KFDNM-D) และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นไดนามิค (KFDYNAMIC) ก็มีผลการดำเนินงานจัดอยู่ใน 10 อันดับแรกด้วย โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน ที่ 9.70% 7.50% และ 7.41% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 2.96% นอกจากนี้ กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นแวลู ก็อยู่ในกลุ่มกองทุนหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด (Top Quartile) เช่นกัน”
“สำหรับ กองทุนหุ้นกรุงศรีไดนามิคทั้งสองกองทุนเน้นลงทุนในหุ้น 15-20 บริษัทที่คัดสรรแล้วว่ามีปัจจัยพื้นฐานดีและมีโอกาสเติบโตสูง โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นหุ้นประเภทใด ถ้ามองผลตอบแทนย้อนหลังระยะยาว 1 ปีที่ผ่านมา ก็อยู่ในกลุ่มกองทุนหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด (Top Quartile) ด้วย” (ข้อมูล: Morningstar Thailand ณ 31 มี.ค. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
“สำหรับประเภทกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) กองทุนเปิดกรุงศรีเอ็นแฮนซ์เซ็ท 50 (KFENSET50) สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มกองทุน โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน ที่ 4.49% สูงกว่าดัชนีชี้วัดคือ 2.96% ในส่วนของกองทุน LTF ที่ติดอันดับกลุ่มกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด (Top Quartile) จำนวน 5 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวแอ็คทีฟ SET50 ปันผล (KFLTFA50-D) โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของกลุ่มกองทุน มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 5.68% และเป็นกองทุน LTF ที่มีการบริหารแบบแอคทีฟที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มียอดเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2559 โดยมียอดเงินลงทุนรวมกว่า 1,035 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาว SET50 (KFLTF50) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 3.89% กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล (KFLTFDIV) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 3.88% กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวออลสตาร์ปันผล(KFLTFAST-D) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 2.90% และกองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (KFLTFD70) มีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่ 2.84% ในขณะที่ดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 2.96%” (ข้อมูล: Morningstar Thailand ณ 31 มี.ค. 60 / ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
“สำหรับกองทุนประเภทหุ้นขนาดกลาง – เล็ก(Equity Small Mid –Cap) กองทุนเปิดกรุงศรีไทยสมอล -มิดแคปอิควิตี้ (KFTHAISM) สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ของกลุ่มกองทุน โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่3.83% สูงกว่าดัชนีชี้วัดคือ 2.96% (ข้อมูล: Morningstar Thailand ณ 31 มี.ค. 60) อีกทั้งในปีที่ผ่านมากองทุน KFTHAISM มีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ถือเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุนมากขึ้น โดยมียอดเงินลงทุนรวมเพิ่มขึ้นเท่าตัวนับจากวันจัดตั้งกองทุนเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งช่วงไตรมาสแรกของปี 2560 กองทุนหุ้นและกองทุน LTF ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจำนวน 12 กองทุนติดอันดับกลุ่มกองทุนที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุด (Top Quartile) ประกอบด้วยกองทุนหุ้น 7 กองทุน และกองทุน LTF 5 กองทุน” (ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)
“จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่า บลจ.กรุงศรี มีกองทุนหุ้นที่หลากหลายนโยบายให้เลือกลงทุน และทีมผู้จัดการกองทุนมีความสามารถในการบริหารพอร์ตการลงทุนในหุ้นทุกประเภทได้เป็นอย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากประสบการณ์ในการบริหารกองทุนเหล่านี้มาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับหลักการในการคัดเลือกหุ้นที่มีมาตรฐาน ใช้กลยุทธ์การบริหารแบบ Bottom Up เน้นการบริหารแบบแอคทีฟเชิงวิเคราะห์เจาะลึกในด้านมูลค่าแท้จริงของหลักทรัพย์ และการให้น้ำหนักการลงทุนอย่างเหมาะสม ทำให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนในกองทุนหุ้นของเราหลากหลายกองทุนมากขึ้น จากเดิมที่จะนิยมกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นปันผล คือ กองทุนKFSDIV ตอนนี้กองทุนที่ลงทุนหุ้นหลายประเภท ที่เรียกว่า Blend Model อย่าง KFDYNAMIC หรือ KFLTFAST-D ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นจากผลงานที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการบริหารกองทุนไม่ได้อยู่ที่การสร้างผลตอบแทนสูงที่สุดเพียงช่วงสั้นๆ แต่เป็นการรักษามาตรฐานในการสร้างผลตอบแทนที่ดีสม่ำเสมอระยะยาวภายใต้ความเสี่ยงที่เหมาะสม”น.ส.ศิริพร กล่าว
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
กองทุน LTF ต้องถือหน่วยลงทุนอย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน กรณีขายคืนก่อน 7 ปีปฏิทิน ผู้ลงทุนต้องชำระคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เคยได้รับของเงินลงทุนที่ขายคืนพร้อมชำระเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระและนำผลประโยชน์ (Capital Gain) ที่ได้จากการขายคืนไปรวมกับเงินได้เพื่อชำระภาษีตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร
ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีในคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เอกสารวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการวัดผลการดำเนินงานของกองทุนรวมของสมาคมบริษัทจัดการลงทุน
KFFIN-D มีนโยบายลงทุนในหุ้น ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV และเน้นหุ้นที่จัดอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง
KFDNM-D มีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV โดยเน้นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่สูง ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง
KFDYNAMIC มีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 75% ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6 :เสี่ยงสูง
KFENSET50 มีนโยบายลงทุนในลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี SET50 ไม่น้อยกว่า 65 % ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6 :เสี่ยงสูง
KFLTFA50-D มีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ของNAV โดยเน้นการลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบในการคำนวณดัชนี SET50 ความเสี่ยงระดับ 6 :เสี่ยงสูง
KFLTF50 มีนโยบายลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่โดยเฉลี่ยต่อปีไม่น้อยกว่า 75% ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง
KFLTFDIV มีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 75% ของ NAV โดยเน้นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลดี NAV ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง
KFLTFAST-D มีนโยบายลงทุนในผสานหุ้นไทย 70% และหุ้นต่างประเทศ 30% ความเสี่ยงระดับ 6 :เสี่ยงสูง /กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน /กองทุนมีการลงทุนในต่างประเทศจึงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือการเมืองในประเทศ ซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน
KFLTFD70 มีนโยบายลงทุนในหุ้นปันผลดี 65-70% ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง
KFTHAISM มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็กไม่น้อยกว่า 80% ของNAV ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง
KFSDIV มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มจ่ายเงินปันผลดี ไม่น้อยกว่า 65% ของ NAV ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง
KFVALUE มีนโยบายลงทุนในลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ของNAV โดยเน้นหุ้นทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือมีประวัติการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ความเสี่ยงระดับ 6 : เสี่ยงสูง