- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 13 February 2017 12:15
- Hits: 3519
บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้า AUM ปีนี้ที่ 4 แสนลบ.เน้นเพิ่มความหลากหลายสินค้า-ขยายฐานลูกค้า,มองเชิงบวกหุ้นไทยในระยะยาว
นางสาวศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ในปีนี้ที่ 4 แสนล้านบาท โดยมุ่งเน้นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุมทุกความต้องการและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนสามารถจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับทุกสภาวะการลงทุน รวมทั้งมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย และให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
"ในปี 2560 บริษัทมีแผนที่จะเปิดให้บริการ Mobile Application เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ลงทุนในการเข้าถึงข้อมูลการลงทุนและสามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตนเองในทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งเสนอขายกองทุนใหม่ควบคู่กับการให้บริการ Life Path สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนรวมและสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท โดยผู้ที่สนใจสามารถสมัครใช้บริการ Life Path เพียงครั้งเดียว จากนั้นทีมผู้จัดการกองทุนจะช่วยติดตามและดูแลพอร์ตการลงทุนอย่างใกล้ชิดตลอดระยะเวลาการลงทุน พร้อมปรับสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆให้เหมาะกับช่วงอายุและระดับความเสี่ยงควบคู่กันไปโดยอัตโนมัติ...เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีและมีเงินเพียงพอกับการใช้จ่ายหลังเกษียณ"นางสาวศิริพร กล่าว
นางสาวศิริพร กล่าวอีกว่า บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาระบบ Emchoice อย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการลงทุนสำหรับสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งผนึกกำลังร่วมกับกลุ่มกรุงศรี และ MUFG เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนส่วนบุคคลให้แก่ลูกค้าบริษัทญี่ปุ่นและบริษัทข้ามชาติอีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีแผนที่จะเสนอขายกองทุนใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงศรีโกลบอลเทคโนโลยีอิควิตี้(KF-GTECH) ชูศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก T. Rowe Price Funds SICAV – Global Technology Equity Fund และกองทุนเปิดกรุงศรีไทยออลสตาร์ปันผล (KFTSTAR-D) ที่มีจุดเด่นคือสามารถลงทุนหุ้นไทยได้อย่างยืดหยุ่นโดยเลือกหุ้นเด่นจากทุกโมเดลที่เหมาะสมที่สุดในทุกสภาวะตลาด ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหุ้นปันผล หุ้นเติบโต หุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นขนาดเล็ก
โดยบริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะยาว ถึงแม้ว่าในระยะสั้นตลาดจะยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี จากการลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีคุณภาพดี เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ยังเป็นที่น่าสนใจลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ในภูมิภาค รวมถึงการใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานมีความชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามกระแสเงินลงทุนต่างชาติและปัจจัยภายนอกประเทศ เช่น การดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่ เป็นต้น โดยในปีนี้แนะนำให้ผู้ลงทุนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเติบโตสูง รวมทั้งหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กซึ่งได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
นางสาวศิริพร กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 59 บริษัทมีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร เติบโตอยู่ที่ระดับ 12.7% ในส่วนของกองทุนรวมมีอัตราการเติบโตที่ 12.4% กองทุนส่วนบุคคลมีอัตราการเติบโตที่ 19.6% และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอัตราการเติบโตที่ 11.6% นอกจากนี้ยังได้รับแต่งตั้งให้บริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งจดทะเบียนแล้ว มูลค่ากว่า 6,400 ล้านบาท