- Details
- Category: บลจ.
- Published: Thursday, 07 August 2014 21:59
- Hits: 2588
นายกสมาคมค้าทอง มองยอดนำเข้าทองไทยปีนี้ ลดลงเหลือ 100 ตัน จาก 300 ตันในปีที่ผ่านมา หลังนลท.กังวลปัญหาศก. ติดดอย
นายกสมาคมค้าทอง มองยอดนำเข้าทองไทยปีนี้ ลดลงเหลือ 100 ตัน จาก 300 ตันในปีที่ผ่านมา หลังนลท.กังวลปัญหาศก.-ติดดอย เชื่อปัญหาการเมือง-ศก.ในหลายปท.หนุนทองครึ่งปีหลัง หากผ่าน 1,330-1,335 เหรียญ จะไปที่ 1,400 เหรียญ ด้านสมาคมค้าทองเตรียมหารือสมาชิก หาแนวทางตั้งศูนย์ลงทุนทองครบวงจร ชี้หากได้ข้อสรุปจะชวน TFEX เข้ามาร่วมในอนาคต
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การนำเข้าทองคำในประเทศปีนี้คาดว่าจะลดลงเหลือประมาณ 100 ตันต้นๆ หรืออย่างมากที่สุดประมาณ 130 ตัน โดยยอดดังกล่าวลดลงมากเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเฉลี่ยนำเข้าทองคำปีละ 300-320 ตัน โดยในช่วงครึ่งปีแรกประเทศไทยนำเข้าทองคำแล้วประมาณ 65 ตัน ทั้งนี้ตัวเลขที่ลดลงดังกล่าวมาจากความกังวลภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับนักลงทุนบางรายยังมีต้นทุนในการลงทุนทองคำในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ความต้องการทองคำลดลง
ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่าราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวแกว่งตัวผันผวนในเชิงบวก เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากประเด็นความกังวลภาวะทางสงครามในตะวันออกกลาง ทั้งปัญหาระหว่างยูเครน, รัสเซีย, สหรัฐฯ รวมถึงปัญหาในอิสราเอลและลิเบีย ประกอบกับในฝั่งยุโรปยังมีปัญหาเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ซึ่งเกิดขึ้นในประเทศที่ไม่เคยประสบปัญหามาก่อนอย่างอาร์เจนตินา
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบในเรื่องการชะลอมาตรการ QE ที่จะสิ้นสุดลงภายในเดือน ก.ย.นี้ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่กังวลประเด็นถัดมา คือเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่มุมมองของธนาคารกลางสหรัฐอาจปรับขึ้นในปีหน้า ดังนั้นปัจจัยลบดังกล่าวจึงไม่เป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนจับตาแนวต้านบริเวณ 1,330-1,335 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งระดับดังกล่าวราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 3 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ แต่ถ้าปรับตัวทะลุแนวต้านดังกล่าวได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ ด้านกรอบแนวรับประเมินไว้ที่ 1,280 ดอลลาร์/ออนซ์
"ในช่วง Q3/57 มีโอกาสราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมา แต่ต้องดูว่า 1,335 จะทะลุผ่านไปได้ไหม เพราะติดแนวต้านดังกล่าวมาประมาณ 3 ครั้งแล้ว ซึ่งถ้าผ่านไปได้คงมีโอกาสเห็น 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยระยะสั้นนี้ยังต้องติดตามประเด็นความไม่สงบในตะวันออกกลาง รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะทำให้ราคาทองผันผวน"นายจิตติ กล่าว
และในวันนี้สมาคมค้าทองคำจะนัดหารือเกี่ยวกับแนวทางตั้งศูนย์ลงทุนทองครบวงจร ซึ่งในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาสมาคมฯได้ไปดูงานตลาดทองคำล่วงหน้าและตลาดทองคำจริงที่เซิ่นเจิ้นและฮ่องกง โดยแนวทางดังกล่าวหากได้ข้อสรุปที่ชัดเจนอาจหารือกับตลาดตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เป็นลำดับถัดไป เพื่อพัฒนาวงการทองคำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
"สมาคมค้าทองคำไปดูตลาดทองมาแล้วในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้เรานัดหารือกันว่าจะพัฒนาวงการตลาดทองคำในรูปแบบไหนที่จะทำให้ตลาดทองคำกระเตื้องขึ้น ซึ่งถ้าแผนงานดังกล่าวสำเร็จอาจเข้าไปพูดคุยกับตลาด TFEX เพื่อร่วมมือในลำดับถัดไป โดยเดือน ก.ย.นี้ ทางตลาดหลักทรัพย์จะจัดดูงานตลาดทองคำที่เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง ซึ่งผมสนใจจะเข้าร่วมเช่นกัน" นายจิตติ กล่าว
อนึ่ง นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จะจัดไปดูงานต่างประเทศในทุกปี โดยในปีนี้จะไปดูงานที่ตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง ซึ่งตลาดที่จะไปดูมีทั้งตลาดหุ้นและตลาดทองคำ โดยจะจัดขึ้นในเดือน ก.ย.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
นายกสมาคมฯ คาดปีนี้นำเข้าทองวูบเหลือไม่ถึงครึ่ง หลังศก.ชะลอ-นักลงทุนติดดอย
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ปริมาณการนำเข้าทองคำในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 65 ตัน โดยทั้งปีนี้คาดว่าจะมีการปริมาณการนำเข้าทองคำอยู่ที่ 100-130 ตัน ลดลงค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่มีปริมาณการนำเข้าทองคำอยู่ที่ราวปีละกว่า 300 ตัน เนื่องจากราคาทองค่อนข้างนิ่ง ประกอบกับเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณความต้องการทองคำปรับตัวลดลงในปีนี้
"เรามองว่าปีนี้ปริมาณการนำเข้าทองคำจะอยู่ที่เพียง 100-130 ตันเท่านั้น ส่วนหนึ่งมาจากการราคาที่นิ่งทำให้นักลงทุนให้ความสนใจในทองคำน้อยลง และจากการที่เศรษฐกิจชะลอตัวไป ทำให้คนไม่มีกำลังที่จะมาซื้อทอง รวมไปถึงบางกลุ่มที่ยังติดดอยอยู่ จึงไม่มีการมาซื้อทองคำเพิ่ม"นายจิตติ กล่าว
สำหรับ การปรับขึ้นมาของราคาทองคำในวันนี้นั้น นายจิตติ กล่าวว่า มาจากปัจจัยหลัก 2 ปัจจัยคือ เงินบาทอ่อนค่าและยังมีทิศทางอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ ความกังวลสถานการณ์ในยูเครนที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ในปีนี้มองราคาทองคำในกรอบ 1,170-1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งปัจจุบันราคาปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ และยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นต่อ
อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน จึงแนะนำว่าให้หาจังหวะซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น ขณะเดียวกันแนะนำนักลงทุนที่ถือทองคำในราคาสูงให้หาจังหวะขายออกหากราคาขึ้นไปถึงบาททองคำละ 21,000 บาท เนื่องจากในระยะยาวหากเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลงไปถึง 15,100 บาทในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า
อินโฟเควสท์