- Details
- Category: บลจ.
- Published: Thursday, 02 February 2017 07:53
- Hits: 7251
บลจ.ธนชาต ชวนกระจายพอร์ต ลงหุ้นผันผวนต่ำมาก ชู T-PrimeLowBeta ได้เวลาขายรอบใหม่
บลจ.ธนชาต เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขาย หน่วยลงทุน T-PrimeLowBeta กองทุนหุ้นผันผวนต่ำที่สุดของ บลจ.ธนชาต ได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนชาต จำกัด ให้ความเห็นว่า การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะยังมีความผันผวนจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ที่กำลังปรับตัวขึ้นอยู่ ประกอบกับนโยบายของทรัมป์ ที่ทั่วโลกกำลังจับตาดูอยู่ ว่าจะมีทิศทางแบบใด หลังเพิ่งเข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะแนวคิด ‘America First’ นั้นได้สอดแทรกในคำกล่าวสุนทรพจน์อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นในอีกแง่หนึ่งหากนโยบายทรัมป์เกิดสร้างความผิดหวังให้ตลาด อาจส่งผลลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐและส่งผลต่อการลงทุนโลกได้เช่นกัน ทำให้ในปีนี้น่าจะเป็นปีที่โลกมีความผันผวนมากอีกปีหนึ่ง
ในปีที่ผ่านมา บลจ.ธนชาต ได้ออกกองทุน T-PrimeLowBeta ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่ผันผวนต่ำกว่า กองทุน Low Beta แบบปกติ เนื่องจากในภาวะดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก นักลงทุนที่คุ้นเคยกับการฝากเงินหรือลงทุนในกองทุนเสี่ยงต่ำอย่างกองทุนตราสารหนี้ค่อนข้างได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้นนักลงทุนจึงปรับพฤติกรรมหันมาแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่านั้น ซึ่งก็อาจปรับระดับความเสี่ยงให้มากขึ้นจากเดิมบ้าง โดย บลจ.ธนชาต ได้แนะนำผู้ลงทุนให้แบ่งสัดส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นบ้าง โดยดูสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและการเคลื่อนไหวของราคาที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งกองทุนผันผวนต่ำกองนี้ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่เราแนะนำ
กองทุน T-PrimeLowBeta ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 59 และได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี จากการเปิดเสนอขายทั้ง 4 รอบ ทำให้มูลค่ากองทุนจนถึงสิ้นปี 2559 เติบโตขึ้นถึง 625% จากที่เปิดขายรอบแรก (ณ 30 ธ.ค.59 ขนาดกองทุน 3,782 ล้านบาท)
ในด้านผลการดำเนินงาน นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงสิ้นปี 2559 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 11.41% เทียบกับดัชนี SET Index ที่ 20.05% (ที่มา Morningstar) ในช่วงเวลาเดียวกัน แม้ว่ากองทุนจะทำผลงานได้ไม่เท่าตลาดหุ้นไทยโดยรวม เนื่องจากด้วยลักษณะของหุ้นที่ลงทุนจะเน้นที่ราคาไม่ผันผวนมาก เพราะเราเน้นให้น้ำหนักกับเวลาที่ตลาดอยู่ในขาลงมากกว่า คือ หากตลาดติดลบมากเท่าไหร่ เราก็มุ่งให้กองทุนนี้ติดลบน้อยกว่าเท่านั้น ซึ่งกล่าวได้ว่ากองทุน T-PrimeLowBeta ทำผลงานได้ใกล้เคียงกับ SET Index ในปีที่ผ่านมา โดยผู้ลงทุนในแต่ละรอบ ได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ประมาณ 3-12% โดยรอบที่ได้ผลตอบแทนสูงที่สุด คือ กลุ่มที่เข้าลงทุนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
ที่ผ่านมา กองทุนนี้ จ่ายผลตอบแทนคืนให้กับผู้ถือหน่วยแล้ว 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 30 พ.ค. 59 ในอัตรา 0.19 บาท/หน่วย และครั้งที่ 2 วันที่ 30 พ.ย. 59 ในอัตรา 0.20 บาท/หน่วย หลังจากนี้ก็คาดว่าจะจ่ายได้ในอัตราใกล้ๆ เดิม เพราะกองทุนมีนโยบายจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนเป็นประจำ ประมาณปีละ 2 ครั้งตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน
"บลจ.ธนชาต เน้นออกกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่ผันผวนต่ำกว่าหุ้นทั่วไป ทั้งในแง่หุ้นผันผวนต่ำอย่าง Low Beta หรือกองทุนรวมอสังหาฯ เนื่องจากการขยับให้ผู้ลงทุนที่คุ้นเคยแต่กองทุนตราสารหนี้ทั่วไป หรือ Fix term ไปลงทุนในหุ้นเลยคงยาก เพราะผู้ลงทุนมักไม่สามารถทนรับความผันผวนระหว่างทางได้ แม้จะมีสถิติยืนยันว่าหากลงทุนหุ้นในระยะยาวมักให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินก็ตาม "
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมขอรับหนังสือชี้ชวนได้ในวันและเวลาทำการเสนอขายที่ บลจ. ธนชาต โทรศัพท์ 0 21268399 กด 0 หรือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1770 หรือผู้สนับสนุนการขาย หรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.ธนชาต แต่งตั้ง www.thanachartfund.com
บลจ.ธนชาต ชวนกระจายพอร์ต ลงหุ้นผันผวนต่ำมาก ชู T-PrimeLowBeta เปิดซื้อ-ขายรอบใหม่ตั้งแต่ 2 ก.พ.
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ธนชาต กล่าวว่า การลงทุนในตราสารหนี้ช่วงครึ่งปีแรกน่าจะยังมีความผันผวนจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ที่กำลังปรับตัวขึ้นอยู่ ประกอบกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ทั่วโลกกำลังจับตาดูอยู่ว่าจะมีทิศทางแบบใด หลังเพิ่งเข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เพราะแนวคิด "America First" นั้นได้สอดแทรกในคำกล่าวสุนทรพจน์อย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นในอีกแง่หนึ่งหากนโยบายทรัมป์เกิดสร้างความผิดหวังให้ตลาด อาจส่งผลลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐและส่งผลต่อการลงทุนโลกได้เช่นกัน ทำให้ในปีนี้น่าจะเป็นปีที่โลกมีความผันผวนมากอีกปีหนึ่ง
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา บลจ.ธนชาต ได้ออกกองทุน T-PrimeLowBeta ซึ่งสามารถซื้อ-ขายหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ.เป็นต้นไป โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่ผันผวนต่ำกว่ กองทุน Low Beta แบบปกติ เนื่องจากในภาวะดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก นักลงทุนที่คุ้นเคยกับการฝากเงินหรือลงทุนในกองทุนเสี่ยงต่ำอย่างกองทุนตราสารหนี้ค่อนข้างได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้นนักลงทุนจึงปรับพฤติกรรมหันมาแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่านั้น ซึ่งก็อาจปรับระดับความเสี่ยงให้มากขึ้นจากเดิมบ้าง โดยบลจ.ธนชาต ได้แนะนำผู้ลงทุนให้แบ่งสัดส่วนไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นบ้าง โดยดูสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและการเคลื่อนไหวของราคาที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับกองทุน T-PrimeLowBeta ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 59 และได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี จากการเปิดเสนอขายทั้ง 4 รอบ ทำให้มูลค่ากองทุนจนถึงสิ้นปี 59 เติบโตขึ้นถึง 625% จากที่เปิดขายรอบแรก โดย ณ 30 ธ.ค.59 ขนาดกองทุน 3,782 ล้านบาท
ในด้านผลการดำเนินงาน นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงสิ้นปี 59 กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ 11.41% เทียบกับดัชนี SET Index ที่ 20.05% (ที่มา Morningstar) ในช่วงเวลาเดียวกัน แม้ว่ากองทุนจะทำผลงานได้ไม่เท่าตลาดหุ้นไทยโดยรวม เนื่องจากด้วยลักษณะของหุ้นที่ลงทุนจะเน้นที่ราคาไม่ผันผวนมาก เพราะเน้นให้น้ำหนักกับเวลาที่ตลาดอยู่ในขาลงมากกว่า คือ หากตลาดติดลบมากเท่าไหร่ ก็มุ่งให้กองทุนนี้ติดลบน้อยกว่าเท่านั้น ซึ่งกล่าวได้ว่ากองทุน T-PrimeLowBeta ทำผลงานได้ใกล้เคียงกับ SET Index ในปีที่ผ่านมา โดยผู้ลงทุนในแต่ละรอบ ได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ประมาณ 3-12% โดยรอบที่ได้ผลตอบแทนสูงที่สุด คือ กลุ่มที่เข้าลงทุนในช่วงเดือนก.พ.59
ที่ผ่านมา กองทุนนี้ จ่ายผลตอบแทนคืนให้กับผู้ถือหน่วยแล้ว 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 30 พ.ค. 59 ในอัตรา 0.19 บาท/หน่วย และครั้งที่ 2 วันที่ 30 พ.ย. 59 ในอัตรา 0.20 บาท/หน่วย หลังจากนี้ก็คาดว่าจะจ่ายได้ในอัตราใกล้ ๆ เดิม เพราะกองทุนมีนโยบายจ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ลงทุนเป็นประจำ ประมาณปีละ 2 ครั้งตามที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน