WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTAMชวนดาบลจ.กรุงไทยขายตราสารหนี้6 เดือนชู 1.55%

     นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 108 (KTFF108) ตั้งแต่วันนี้  ถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2559 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ First Gulf Bank PJSC, China Construction Bank (Asia)Corp.Ltd , Agricultural Bank of CHINA, Union National Bank PJSC และตราสารหนี้ Qatar Nation Bank ผลตอบแทนประมาณ 1.55%โดยบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี

    สำหรับ ภาพเศรษฐกิจโดยรวมทั้งในและต่างประเทศ หลังประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญ มีผู้มาลงคะแนนเสียงราว 27 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิมาลงคะแนนเสียงประมาณ 50 ล้านคน โดยผลการลงคะแนนรับร่างรับธรรมนูญเห็นชอบ 61% ปัจจัยทางการเมืองในประเทศจะหายไปหลังประชามติผ่านไปได้  ทำให้มีการเลือกตั้งอย่างเร็วสุดราวปลายปีหน้า ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย มีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% โดยยังให้น้ำหนักถึงความไม่แน่นอนในตลาดโลกที่เกิดขึ้นในอนาคต

    ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษต(NFP) ของสหรัฐออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์มีการปรับตัวขึ้นมาแข็งค่าอีกครั้ง และเป็นผลให้โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายช่วงเดือนธันวาคมของ  Fed กลับมาที่ 46.7% ด้านรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศนโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ (Fiscal Stimulus ) ด้วยวงเงิน 25 ล้านล้านเยน  ตามที่ตลาดคาด โดย4.6 ล้านล้านเยน  จะเป็นการเบิกจ่ายในปีงบประมาณปัจจุบัน ผลของการกระตุ้นจะไปอยู่กับผู้มีรายได้น้อย โครงสร้างพื้นฐาน และการช่วยเหลือผู้สูงอายุ 

    ธนาคารกลางออสเตรเลีย(RBA) และธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) ทั้ง 2 ธนาคารกลางมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นโยบาย โดย  RB  ปรับลด 0.25% อยู่ที่ 1.5% ด้าน BOE ปรับลด0.25% ลดลงเหลือ 0.5% โดยฝ่ายวิจัยของบริษัท คาดว่า อาจยังมีโอกาสลดดอกเบี้ยได้อีกครั้งสำหรับ BOE หากเหตุการณ์ Brexit ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจค่อนข้างมาก

    ด้านตลาดหุ้นในประเทศ สภาพคล่องที่เหลือในระบบค่อนข้างมาก ประกอบกับปัจจัยที่มีผลกระทบอื่นๆ ที่จะส่งผลลบต่อตลาดได้ผ่านไปแล้ว ทำให้หากตลาดมีการปรับตัวลดลงจากความร้อนแรงของตลาด  จะมีแรงหนุนเข้ามาอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดจะไม่ลดลงรุนแรงมากนัก โดยเรามองว่าปัจจัยเรื่องประชามติรับร่างรับธรรมนูญ จะส่งผลบวกให้กับตลาดในระยะสั้น   

   ส่วนทางด้านตลาดตราสารหนี้ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากตัวเลข NFP ที่ออกมาดีเกินคาด ทำให้ตลาดคาดการณ์ถึงการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ทำให้เกิดแรงขายในกลุ่มพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ราว 10-13 bps ในขณะที่พันธบัตรระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 5bps. ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในประเทศ ปรับตัวลดลงเป็นส่วนใหญ่ โดยมีแรงซื้อจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ จากปัจจัยการคาดการณ์ของอัตราดอกเบี้ยของไทย โดยตลาดมองว่าแม้จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่ยังเปิดช่องถึงการปรับลงของอัตราดอกเบี้ยได้หากมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น  

    ตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนใหญ่ตอบสนองปัจจัยในทางบวก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ หลังจากที่ตัวเลข NFP ออกมาดี ยืนยันถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังตลาดมีการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น (Risk on) ขณะที่ราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมากจากความกังวลด้านอุปทานในอนาคต

 

BSP

 

adsoptimal100

paidtoclick copy

  

 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!