- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 25 April 2016 21:41
- Hits: 2167
หลักทรัพย์บัวหลวงสนั่น!! ครองใจนักลงทุนเป็นอันดับ 1 พร้อมรุกหนักต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนดิจิตอลไลฟ์สไตล์ตลอดปี 59
หลักทรัพย์บัวหลวง โชว์ผลงานปี 2558 สร้างสถิติใหม่สู่ผู้นำตลาดที่ครองใจนักลงทุนเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนลูกค้ากว่า 220,000 ราย พร้อมผลกำไร 1,148 ล้านบาท และ 5 ปีติดต่อกันกับการเป็นผู้นำธุรกิจ DW อีกทั้งความมั่นคงด้วยฐานเงินทุนสูงสุดกว่า 7,000 ล้านบาท มั่นใจสภาวะตลาดหุ้นปีนี้ ไม่กระทบเป้าหมายการขยายฐานลูกค้าของบริษัท ชูจุดแข็งความเป็นผู้นำด้านบริการลูกค้า การให้ความรู้และนวัตกรรมล้ำสมัยตอบโจทย์ดิจิตอลไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนรุ่นใหม่
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2559 ของบริษัท คือ การมุ่งรักษาความเป็นบริษัทหลักทรัพย์อันดับ 1 ที่ลูกค้าไว้วางใจเลือกใช้บริการ ซึ่งในปี 2558 สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนที่การเพิ่มของลูกค้าใหม่และผลประกอบการ โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานที่เป็นสถิติใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา ด้วยผลกำไรสุทธิที่เติบโตจาก 1,004 ล้านบาทในปี 2557 เป็น 1,148 ล้านบาท จากยอดรายได้รวม 3,471 ล้านบาท ครองตำแหน่งบริษัทที่มีผลกำไรสูงสุดของอุตสาหกรรม และยืนยันความแข็งแกร่งทางการเงินด้วยฐานเงินทุนกว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมด้วยฐานลูกค้ากว่า 220,000 บัญชีจากบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ 1.24 ล้านบัญชี ทั้งยังเป็นผู้นำตลาดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants) ซึ่ง DW01 ที่ออกโดยบริษัท สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดมาตลอด 5 ปีติดต่อกัน
“ด้วยความไว้วางใจของลูกค้า ทำให้ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์ในปีที่ผ่านมามีหลายปัจจัยที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่นักลงทุนยังให้ความเชื่อมั่นด้วยการเข้ามาเปิดบัญชีกับหลักทรัพย์บัวหลวงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ด้วยสาเหตุหลักที่หลักทรัพย์บัวหลวงมุ่งเน้นการให้บริการที่ดี ความโดดเด่นในการให้ความรู้ และการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยในการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อเสริมกับจุดแข็งในเรื่องความมั่นคง ความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ทำให้หลักทรัพย์บัวหลวงสามารถขยายฐานนักลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและมีผลการดำเนินงานที่เติบโตสม่ำเสมอและยั่งยืน ในขณะที่งานด้านวาณิชธนกิจในปี 2558 หลักทรัพย์บัวหลวงยังคงประสบความสำเร็จจากการช่วยบริษัทจดทะเบียนระดมทุน รวมถึงการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในหลายๆ กรณี ซึ่งมีผลงานยอดเยี่ยมจนคว้ารางวัลได้จากสถาบันทั้งในและต่างประเทศหลายสถาบัน และยังคงมีต่อเนื่องในปี 2559”นายพิเชษฐกล่าว
สำหรับ ธุรกิจการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants) หรือ DW นั้น หลักทรัพย์บัวหลวงสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่งทั้งด้านมูลค่าการซื้อขายและจำนวนการถือครอง DW ต่อเนื่องมา 5 ปีแล้ว และได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในฐานะที่เป็นผู้ออกตราสารที่มีความน่าเชื่อถือ และมีทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้ง call และ put ตลอดจนการดูแลสภาพคล่องที่สม่ำเสมอ
ทั้งนี้ จากพฤติกรรมนักลงทุน พบว่าแนวโน้มของการซื้อขายหุ้นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2558 ที่ผ่านมาคิดเป็นสัดส่วนกว่า 60% ดังนั้น บริษัทจะให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการให้ความรู้ และการพัฒนานวัตกรรมและเครื่องมือช่วยในการลงทุนใหม่ๆผ่านระบบออนไลน์ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคดิจิตอล เช่นการพัฒนาเครื่องมือให้อยู่ในรูปแบบแอพพลิเคชันบนมือถือ เพิ่มการจัดทำหลักสูตรอบรมความรู้ผ่านออนไลน์ เป็นต้น
ทั้งนี้ นายพิเชษฐ กล่าวย้ำว่า “หลักทรัพย์บัวหลวงเห็นแนวโน้มพฤติกรรมการลงทุนในตลาดมาตลอด พบว่านักลงทุนจำนวนมากเข้ามาลงทุนแล้วขาดทุน ก็จะไม่อยากลงทุนอีก สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องที่ทำให้เรามีแนวคิดที่ต้องการสร้างนักลงทุนให้มีคุณภาพอย่างยั่งยืน สามารถสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมได้ในระยะยาว เราจึงมุ่งที่จะให้ความรู้กับนักลงทุนตามนโยบายเปลี่ยนห้องค้าเป็นห้องเรียน รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ให้นักลงทุนมีเครื่องมือช่วยลงทุนเพื่อสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรามั่นใจว่าแนวทางที่เราทำจะสามารถพัฒนานักลงทุนได้จริงและจะทำให้เกิดสังคมการลงทุนที่มีคุณภาพ”
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าใหม่ที่เข้ามาเปิดบัญชีกับหลักทรัพย์บัวหลวง คิดเป็นสัดส่วนราว 30% ของการเติบโตทั้งตลาดที่มีอยู่ประมาณ 146,000 ราย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่เห็นคุณค่าในการให้บริการการลงทุนระดับพรีเมียมของบริษัท โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญคือการที่บริษัทให้ความสำคัญกับการให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่นักลงทุนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมถึงนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มทางเลือกและประสิทธิภาพในการลงทุน ตอกย้ำความเป็นบริษัทหลักทรัพย์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา
ขณะที่ ทิศทางการดำเนินงานปีนี้จะมุ่งเน้น 3 ด้าน ได้แก่ การขยายฐานลูกค้า การเพิ่มผลิตภัณฑ์การเงินที่ครอบคลุม และการพัฒนาบริการที่โดนใจลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีจำนวนลูกค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 40,000 บัญชี โดยมีกลุ่มเป้าหมายสำคัญคือนักลงทุนที่เป็น First Jobber ขึ้นไป ที่กำลังมาแรงและเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี มีวิถีชีวิตแบบดิจิตอลไลฟ์สไตล์ ชอบออนไลน์ ต้องการความสะดวกและคล่องตัวในการใช้ชีวิต ดังนั้นบริษัทจึงต่อยอดความโดดเด่นด้านงานบริการ ทั้งในส่วนของการให้ความรู้ (Education) และนวัตกรรมการสร้างเครื่องมือใหม่ๆ (Innovation) เพื่อดูแลและช่วยการลงทุนที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของฐานลูกค้ากลุ่มนี้ได้มากยิ่งขึ้น
ล่าสุดหลักทรัพย์บัวหลวงได้พัฒนา 3 นวัตกรรมเด่น ชูความเป็นผู้นำด้านบริการให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนรุ่นใหม่ ได้แก่ 1. Bualuang Connex เปรียบเสมือนผู้ช่วยการลงทุนอัจฉริยะ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่ใช้ได้ทั้งบนโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ iOS และ แอนดรอยด์ ตลอดจนบนเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านเว็บไซต์ www.bualuang.co.th โดย Bualuang Connex เป็นช่องทางให้บริการส่งตรงข้อมูลข่าวสารการลงทุนแบบส่วนตัวถึงลูกค้า ช่วยให้เกาะติดสถานการณ์การลงทุนอย่างใกล้ชิด ช่วยให้ลูกค้า Stay Connect เรื่องการลงทุนกับหลักทรัพย์บัวหลวงได้แบบ Anytime, Anywhere
2. Bualuang Stock Signal นวัตกรรมการกรองหุ้นตามสัญญาณซื้อขายจากรูปแบบกราฟและดัชนีทางเทคนิคแบบอัตโนมัติ ครอบคลุมกว่า 33 สัญญาณ บอกทั้งหุ้นขาขึ้นและขาลง เปรียบเสมือน “โค้ช” ติดตัวนักลงทุน ช่วยให้ตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์อย่างมั่นใจ
และ 3. Bualuang Knowledge Sharing ขุมทรัพย์ความรู้ด้านการลงทุนบนเว็บไซต์ www.bualuang.co.th/investmentstationถือได้ว่าเป็นสถานีแบ่งปันความรู้ด้านการลงทุนออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง สามารถส่งต่อความรู้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ มีการอัพเดทคอนเทนท์ทุกวัน ครอบคลุมความรู้แยกตามผลิตภัณฑ์ทางการเงินทุกประเภท
ทั้งนี้ หากสนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการต่างๆของทางบริษัทสามารถติดต่อได้ที่ BLS Customer Service โทร 02-618-1111
BLS คาดรายได้-กำไรปีนี้โตต่อจากนิวไฮในปีก่อน มาร์เก็ตแชร์เพิ่ม-ดีล IPO หนุน
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 59 ว่า บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมาที่มีผลการดำเนินงานเป็นสถิติใหม่นับตั้งแต่บริษัทด้วยผลกำไรสุทธิที่ 1,136 ล้านบาท และรายได้รวมที่ 3,454 ล้านบาท ขณะที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในตลาดใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants:DW) เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 7% จากปีก่อนอยู่ที่ 6.8% โดยคาดว่าจะเพิ่มฐานลูกค้าอีก 4-5 หมื่นบัญชี จากปีก่อนอยู่ที่ 2.2 แสนบัญชี และจะเน้นการให้ความรู้แก่นักลงทุน พร้อมกับพัฒนานวัตกรรม และเครื่องการลงทุน อย่างเช่นการเลือกหุ้น บทวิเคราะห์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการจัดอบรมให้ความรู้แก่นักลงทุน ให้สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้มีประสิทธิภาพ และช่วยสร้างผลกำไรให้แก่ลูกค้ามากขึ้น ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ฐานลูกค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของธุรกิจด้านวาณิชธนกิจ (IB) นั้น บริษัทเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอีก 3-4 บริษัท คือ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ที่อยู่ระหว่างรอภาวะตลาดให้มีความเหมาะสมก่อน ส่วนที่เหลือก็จะมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลังงาน และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น
"ด้วยความไว้วางใจจากลูกค้าทำให้ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ และปีนี้เราก็เชื่อว่าจะมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยปีนี้คาดว่าปริมาณการซื้อขายจะอยู่ที่ 4-5 หมื่นล้านบาท/วัน และแนวโน้มการซื้อขายหุ้นผ่านระบบอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ บริษัทจึงให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับการให้ความรู้ และการพัฒนานวัตกรรมและเครื่องมือช่วยเหลือในการลงทุนใหม่ๆผ่านระบบออนไลน์ จะช่วยให้จำนวนบัญชีขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ขณะที่ธุรกิจด้านการออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ ก็จะยังทำอย่างต่อเนื่อง และธุรกิจด้าน IB ก็ยังมีดีลทำ IPO ในปีนี้อีก 3-4 แห่ง"นายพิเชษฐ กล่าว
นายพิเชษฐ กล่าวถึงแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1,440 จุด บนระดับ P/E ที่ 15.5 เท่า ซึ่งในปัจุบันมองว่ามีอัพไซต์ค่อนข้างจำกัดแล้ว โดยมีปัจจัยกดดันจากต่างประเทศ ได้แก่ ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวและค่าเงินหยวนที่มีความผันผวนสูงอาจมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลกและค่าเงินบาทให้ผันผวนตามไปด้วย ขณะที่ยังต้องจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในครั้งหน้าถึงแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจมีผลกระทบในระยะสั้น รวมถึงกรณีที่อังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) หรือไม่ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะส่งกระทบเป็นวงกว้างค่อนข้างสูง
ส่วนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมองว่ายังมีความผันผวนสูง โดยประเมินว่าจะอยู่ในระดับ 30-35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ท่ามกลางภาวะปริมาณน้ำมันที่โอเวอร์ซัพพลาย ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังคงปริมาณเท่าเดิมและการเจรจากับผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นๆยังไม่ลงตัวหรือชัดเจนแต่อย่างใด
สำหรับ ปัจจัยภายในประเทศยังมีความกังวลต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่ากำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 1/59 อาจรับผลกระทบจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ยังมีความเสี่ยงต่อการลงทุนอยู่ นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะปรับลดประมาณการกำไรของบจ.โดยรวมด้วย หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐยังไม่ชัดเจน แต่หากมาตรการของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้นก็จะหนุนให้เกิดบรรยากาศการใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ แนะนำลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีปัจจัยหนุนที่ดี ได้แก่ หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล เนื่องจากมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่เข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลขนาดเล็กเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจจึงส่งผลต่อผลการดำเนินงานให้เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน โดยมองหุ้นเด่น ได้แก่ บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เป็นต้น และหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง ที่ได้รับอานิสงส์จาก โครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ที่ได้รับผลประโยชน์หลายบริษัท และกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ที่ได้รับแรงหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในแง่ของการใช้จ่ายจากภาครัฐ หุ้นที่รับผลบวก ได้แก่ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) , บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ,บมจ.ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (ROBINS) เป็นต้น
อินโฟเควสท์