- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 29 March 2016 17:39
- Hits: 1557
บลจ.ทิสโก้ชูกองหุ้น'ยุโรป-ญี่ปุ่น-อินเดีย-จีน'พร้อมเสนอกอง REITs ต่างประเทศ และ กอง TISCO Income Plus เป็นทางเลือกยุคดอกเบี้ยต่ำ
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บลจ. ทิสโก้ กล่าวว่า เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่น เนื่องจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย มีการทำ QE ต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบ โดย บลจ. ทิสโก้มีกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่นอยู่ 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป อิควิตี้ (TISCOEU) ซึ่งเน้นกระจายการลงทุนในหุ้นยุโรปขนาดใหญ่ 50 บริษัท กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ (TISCOGY) ลงทุนในกลุ่มบริษัทในประเทศเยอรมนี อ้างอิงดัชนี DAX ของเยอรมัน กองทุนเปิด ทิสโก้ ซิลเวอร์ เอจ (TISCOSA) เน้นลงทุนในหุ้นยุโรปที่ทำธุรกิจตอบโจทย์ผู้สูงวัย และ กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ (TISCOJP) ที่ลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ 225 บริษัท อ้างอิงดัชนี Nikkei 225
สำหรับ กลุ่ม EM โดยรวมตลาดอาจจะยังคงมีความผันผวน แต่ตลาดที่น่าสนใจเข้าไปลงทุนมากที่สุดคือตลาดหุ้นอินเดีย ที่เศรษฐกิจยังคงมีการเติบโตในระดับสูง มีเม็ดเงินไหลเข้าไปลงทุนต่อเนื่อง โดยสามารถลงทุนในอินเดียผ่าน กองทุนเปิด ทิสโก้ อินเดีย อิควิตี้ (TISCOIN) ขณะที่ตลาดหุ้นจีนยังคงมีความน่าสนใจแม้จะมีความผันผวนสูงมูลค่าหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างมาก มี Valuation ถูกเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ โดยเรามีกองทุนที่ลงทุนในประเทศจีน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า H-Share อิควิตี้ (TISCOCH) ที่ลงทุนในหุ้นจีนที่ตลาดหุ้นฮ่องกง โดยอิงกับดัชนี HSCEI และกองทุนเปิด ไช่น่า สตาร์ พลัส (TCHSTARP) เป็นกองทุน Fund of Funds ที่ผู้จัดการกองทุนจะดำเนินกลยุทธ์ในการลงทุนในหุ้นจีนผ่านกองทุนต่างๆ
“นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนที่มองหาทางเลือกการลงทุนในยุคดอกเบี้ยต่ำ เราแนะนำ กองทุนเปิด ทิสโก้ ยุโรป พร็อพเพอร์ตี้ (TEUPROP) ที่ลงทุนใน REITs และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในยุโรป และ กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน รีท (TJREIT) เน้นการลงทุนใน REITs ของญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดย REITs เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น ยังคงมีการจ่ายปันผลที่ดีและสม่ำเสมอ และเงินปันผลมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี” นายสาห์รัช กล่าว
สำหรับ ผู้ที่รับความเสี่ยงไม่ได้มาก แต่ต้องการผลตอบแทนที่สม่ำเสมอและดีกว่าเงินฝาก เราแนะนำกองทุนเปิด ทิสโก้ อินคัม พลัส (TINCOME) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดสรรการลงทุนลงในหลายสินทรัพย์ โดยเน้นลงทุนในตราสารหนี้ไทยประมาณ 50% ลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานประมาณ 25% และลงทุนในหุ้นไทยประมาณ 25% เพื่อสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยและเงินปันผล โดยบริษัทจัดการจะพิจารณารับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นรายไตรมาส หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทจัดการ ตามที่บริษัทจัดการพิจารณาเห็นสมควร สุดท้ายสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บลจ.ทิสโก้ยังคงแนะนำ กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ (TISCOMS) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มขนาดกลางและเล็ก คัดเลือกโดยอิงตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้นๆ โดยไม่จำเป็นต้องให้น้ำหนักกับการลงทุนตาม SET Index นับตั้งแต่ตั้งกองทุนมาประมาณ 2 ปีเศษ กองทุนถือว่ามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาก เหมาะกับสภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน ที่เศรษฐกิจในภาพรวมยังไม่ดีมาก การเติบโตกระจุกตัวอยู่แค่ในบางอุตสาหกรรม และต่างชาติก็ยังไม่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนมากนัก
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และเนื่องจากกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวนผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ด้าน นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล. ทิสโก้ สรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 ว่า จะอยู่ในภาวะ Over Bought ก่อนจะขึ้นไปทรงตัวที่ระดับ 1,430-1,450 จุด ระหว่างนี้แนะนำให้เล่นหุ้น “กลุ่มก่อสร้าง รับเหมา และอสังหาริมทรัพย์” ก่อนจะจบรอบ หลังจากที่ข่าวดีจาก Fed BoJ ECB ในเดือน มี.ค. หมดลง และพ้นช่วงข่าวปันผล แม้ต่างชาติจะเข้าซื้อสุทธิ เดือน มี.ค.-เม.ย. ราว 3 หมื่นล้านบาท แต่ก็จะเป็นการซื้อที่ “ยอดดอย” ก่อนดัชนีจะร่วงลงมาสู่แนวรับ 1,350 จุดช่วงเดือน มิ.ย. แนะนำให้นักลงทุนทยอยซื้อสะสมที่ 1,350 จุด เพื่อรอรับ Fund Flow ไหลเข้าช่วงครึ่งปี มองว่า SET Index จะขึ้นไป1,480 จุด
ผู้สนใจผลิตภัณฑ์กองทุนของ บลจ.ทิสโก้ สามารถสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวน ได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือติดต่อ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4 และสำหรับผู้ที่สนใจบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ/อีทีเอฟต่างประเทศ ของ บล.ทิสโก้ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ TISCO Global Trade โทร. 02-633-6655
สรุปคำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนปี 2559 จากการสัมมนา TISCO Wealth Investment Forum
วันที่ 29 มีนาคม 2559
ภูมิภาค สินทรัพย์ ความน่าสนใจ
1. ยุโรป ตลาดหุ้นยุโรป -มีความคาดหวังจากตลาดว่า ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- Valuation ของตลาดหุ้นยังดูน่าสนใจ
- คงคำแนะนำ Overweight โดยเน้นลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมนี
อสังหาริมทรัพย์ยุโรป (Europe REITs) - ราคาอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปยังคงต่ำเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในปี 2007
- แนวโน้มการเพิ่ม QE ของ ECB กดดันดอกเบี้ยให้ต่ำ
- คงคำแนะนำ Overweight
2. ญี่ปุ่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่น -มีความคาดหวังจากตลาดว่า BoJ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- ผลประกอบการเติบโตแข็งแกร่งรวมทั้งมีการเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลและซื้อหุ้นคืนตามมาตรการปฏิรูป ธรรมาภิบาล
- คงคำแนะนำ Overweight
อสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น (J-REITs) - ราคาที่ดินในญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากทรงตัวมานาน
- มีแรงซื้อช่วยพยุงตลาดจาก QQE2
- คงคำแนะนำ Overweight
3. จีน ตลาดหุ้นจีน -เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากการกระตุ้นของภาครัฐและการอัดฉีดสภาพคล่อง
- ความคืบหน้าในการปฏิรูปเศรษฐกิจจะช่วยยกระดับ Valuation
- คงคำแนะนำ Overweight
การลงทุนทางเลือก
4. น้ำมัน -คาดว่าราคาน้ำมันได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
- ตลาดน้ำมันจะเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้นจากการลดปริมาณการผลิต Shale Oil ในสหรัฐฯ
- คงคำแนะนำ Overweight
ที่มา: TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU)