- Details
- Category: บลจ.
- Published: Sunday, 20 March 2016 19:34
- Hits: 4706
TISCO รับสินเชื่อทั้งปี 59 อาจทรงตัวหลังครึ่งปีแรกไม่โต เหตุตลาดรถยนต์หดตัว-ศก.ยังไม่ฟื้นดี
นายชาตรี จันทรงาม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายควบคุมการเงินและบริหารความเสี่ยง บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) เปิดเผยว่า สินเชื่อรวมในปีนี้ของธนาคารทิสโก้จะไม่เติบโต หรือขยายตัว 0% ซึ่งฟื้นขึ้นมาจากปีก่อนที่ติดลบ 9% โดยแนวโน้มของสินเชื่อรวมของธนาคารมิสโก้ในครึ่งปีแรกจะยังไม่มีการขยายตัวขึ้น เนื่องจากถูกกดดันจากตลาดรถยนต์ที่ยังมีการชะลอตัวอยู่อย่างต่อเนื่อง หลังรถยนต์คันแรกยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาการใช้งาน 5 ปีในปีนี้ ซึ่งจะไปครบกำหนดในปี 60 ทำให้ความต้องการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ของระบบในปีนี้ยังมีน้อยมาก และส่งผลกระทบมาถึงธนาคาร ซึ่งมีสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มากที่สุดในกลุ่มสินเชื่อรายยิ่ยที่มีสัดส่วน 70% ของสินเชื่อรวม
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยมีรถยนต์ค้ำประกัน (สมหวัง เงินสั่งได้) ที่ยังมีการเติบโตที่ค่อนข้างดี โดยตั้งเป้าเติบโตของสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยมีรถยนต์ค้ำประกัน (สมหวัง เงินสั่งได้) ในปี 59 เติบโต 10% ซึ่งในสิ้นปี 58 สินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคโดยมีรถยนต์ค้ำประกัน (สมหวัง เงินสั่งได้) นั้นมียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 6 พันล้านบาท นอกจากนี้สินเชื่อเพื่อธุรกิจเอสเอ็มอี และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารในปีนี้อาจจะไม่มีการเติบโตหรือเติบโตได้เพียงเล็กน้อย เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ยังไม่มีการเติบโตขึ้นมานัก โดยธนาคารประเมินอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้อยู่ที่ 3% ประกอบกับการลงทุนของภาครัฐยังไม่ออกมามาก ทำให้การลงทุนภาคเอกชนยังคงชะลอตัวอยู่ โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางในปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 20% และ 10% ตามลำดับ ส่วนสินเชื่อคงค้างรวมของธนาคารในสิ้นปี 59 อยู่ที่ 2.38 แสนล้านบาท
“สินเชื่อรวมของธนาคารปีนี้คงจะไม่ขยายตัว แต่ก็ถือว่าฟื้นตัวจากปีก่อนที่ติดลบ 9% โดยหลักๆมาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ยังชะลอตัวอยู่มาก เพราะรถจากโครงการรถคันแรกยังไม่จบปีนี้ และสินเชื่อขนาดใหญ่และเอสเอ็มอีก็อาจจะไม่เติบโตหรือเติบโตเล็กน้อยเช่นกัน เพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้การลงทุนต่างๆก็ไม่ค่อยมีมากนัก ซึ่งโดยรวมแล้วในครึ่งปีแรกสินเชื่อรวมของธนาคารจะไม่โตขึ้น แค่ทรงตัว แต่ครึ่งปีหลังอาจจะโตได้เล็กน้อย หากโครงการรัฐออกมามากขึ้น ก็มีโอกาสที่เอกชนจะเริ่มทยอยลงทุนบ้าง"นายชาตรี กล่าว
ด้านแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ธนาคารตั้งเป้าลดลงให้อยุ่ไม่เกินระดับ 3% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ 3.2% โดยการควบคุมคุณภาพหนี้ ซึ่งจะมีการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อมากมากขึ้น โดยจะทำให้ NPL ตั้งแต่ไตรมาส 1/59 เริ่มปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3%
ทั้งนี้ การพยายามลด NPL และการควบคุมคุณภาพหนี้ จะส่งผลให้ธนาคารสามารถลดค่าใช้ในการตั้งสำรองลดลง ซึ่งในปีนี้ธนาคารจะลดการตั้งสำรองลดลงจากปีก่อน 20% โดยในปีก่อนธนาคารตั้งสำรองไปทั้งปีกว่า 5 พันล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิของธนาคารในสิ้นปี 59 คาดว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4.25 พันล้านบาท
ด้านรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยของธนาคาร (Non-interest income) ในปี 59 ตั้งเป้าเติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.96 พันล้านบาท โดยจะมาจากรายได้ของธุรกิจแบงก์แอสซัวร์รัน รายได้จากธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวม รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจ
อินโฟเควสท์