- Details
- Category: บลจ.
- Published: Saturday, 12 July 2014 12:45
- Hits: 2887
สมาคมบริษัทจัดการลงทุน และMorningstarสรุปภาพรวมกองทุ
สรุปภาพรวมกองทุนรวมครึ่งปีแรก 2557
SET Index สร้างผลตอบแทนครึ่งปีแรกอย่างโดดเด่น14.40% ส่วนกองทุนรวมโตอย่างต่อเนื่องดันมูลค่าทรัพย์สินสุทธิกว่า 3.6 ล้านล้านบาทประมาณ 17.05%
อุตสาหกรรมกองทุนรวมประเทศไทย
ผ่านครึ่งแรกของปี 2557 ที่ล้วนเต็มไปด้วยความกังวล ความกลัว ความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกของปีซึ่งสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทุกอย่างเริ่มคลี่คลายและชัดเจนมากขึ้นก็ส่งผลให้บรรยากาศในการลงทุนก็เริ่มกลับมาคล้ายกับเมื่อปีที่แล้ว อุตสาหกรรมกองทุนรวมในประเทศไทยเรียกได้ว่าฝ่าฟันวิกฤตนี้มาได้อย่างสวยงาม โดยที่ครึ่งปีแรก มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของอุตสาหกรรมโตกว่า 17.05%มูลค่าทรัพยสินสุทธิที่ 3.6 ล้านล้านบาทซึ่งตรงนี้ต้องยกเครดิตให้กับคนในอุตสาหกรรมในทุกภาคส่วนที่ช่วยกันส่งเสริม รวมทั้งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ลงทุนในภาวะที่สินทรัพย์หลักในการลงทุนอย่างเช่นหุ้นในประเทศเกิดความไม่แน่นนอนและผันผวน
หากจะกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ (ประเภทกองทุน) ที่ได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเห็นจะหนีไม่พ้น กองทุนประเภท High Yield Bondซึ่งเน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่ได้รับการจัดอันดับเรตติ้งในระดับต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้(non-investment grade) และขายให้เฉพาะกลุ่มผู้ลงทุนประเภท Accredited Investor ซึ่งในเฉพาะครึ่งปีแรกนี้มีการเปิดกองทุนกันกว่า 100 กองทุนหรือคิดเป็นมากกว่า 25% ของจำนวนกองทุนที่ออกมาในปี 2557 นี้ ยิ่งไปกว่านั้นมูลค่าทรัพยสินสุทธิของกองทุนที่สามารถทำได้สูงกว่า 366,000 ล้านบาทเฉลี่ยแล้วกองทุนละ 3,600 ล้านบาท
กองทุนอีกกลุ่มที่ได้นับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างโดดเด่นนั้น ก็คือ กลุ่มกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบเจาะกลุ่มประเทศ (single country) และภูมิภาค (Region) ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเติบโตเฉลี่ยสูงสุดกว่า 71% จากปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้ยอดของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนในกลุ่มนี้สูงถึงเกือบ 6 หมื่นล้านบาท โดยมีกองทุนเปิดใหม่15 กองทุน และมีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 22,980 ล้านบาทซึ่งนำโดยกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นยุโรปคิดเป็นยอดประมาณ 10,633 ล้านบาท (คิดเป็น 46%) ตามมาด้วย กองทุนหุ้น ญี่ปุ่น และ อเมริกา ที่ (15%) และ (14%) ตามลำดับ
ส่วน Trigger fund ยังคงออกมาเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เป็นแม้กระแสจะไม่แรงเหมือนปี 2556 ที่ผ่านมาก็ตามและส่วนที่ต่างจากเมื่อปีที่แล้วก็คือ Triggerfund ส่วนใหญ่นั้นจะเน้นไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศรวมทั้งมีประเทศใหม่ๆอาทิ เกาหลีใต้ เยอรมัน และยุโรป เป็นต้น โดยตั้งแต่ต้นปี มี Trigger Fund ออกสู่ตลาด 34 กองทุนแบ่งเป็นที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ 22 กองทุน และลงทุนในหุ้นไทย 12 กองทุนมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมกว่า 14,000 ล้านบาท โดยมีส่วนแบ่งเท่าๆกันทั้ง 2 ประเภท ส่วนผลการดำเนินการนั้นTrigger Fund ที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยสามารถลงทุนและทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายจำนวน 7 กองทุนและ 5 กองทุนสำหรับกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ยังคงมี Trigger Fund ที่เหลือค้างมาจากปีที่แล้วและไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายจึงต้องเปลี่ยนไปเป็นกองทุนหุ้นแบบปกติจำนวน 27 กองทุนซึ่งโดยเฉลี่ยผลตอบแทนนั้นติดลบที่ -10%ซึ่งนี้คือสิ่งที่ยืนยันว่าการลงทุนใน Trigger Fund นั้นขึ้นอยู่กับจังหวะและเวลาในการลงทุนเป็นสำคัญ
ส่วนกลุ่มกองทุนที่เน้นลงทุนหุ้นไทยยังคงมีเม็ดเงินไหลเข้าแต่เบาบางเพียง 2,115ล้านบาท โดยมาจาก กองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก(Equity General) ประมาณ 330 ล้านบาท และเป็นส่วนของกองทุนหุ้นขนาดใหญ่(Equity Large Cap)1,785 ล้านบาทซึ่งลดลงกว่า 95% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 แต่อย่างไรก็ตามถือว่ามีจำนวนมากที่สุดนับแต่ปี 2548(หากไม่นับปี 2556)
LTF และ RMF เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะเม็ดเงินไหลออกสุทธิของ LTF ที่ไหลออกเพียง -1,792ล้านบาทในครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยผิดปกติจากในอดีตที่ผ่านมาและน้อยที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปีตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ส่วนหนึ่งคงเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนยังคงรอให้ผลตอบแทนดีดกลับขึ้นมาสูงขึ้นอีกครั้งแล้วค่อยทำการขายคืนประกอบกับนักลงทุนบางส่วนเริ่มมีการทยอยลงทุนตั้งแต่ต้นปี
ขณะที่ RMF ยังคงได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆโดยทำสถิติมีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิติดต่อกัน ไตรมาส 9 นับแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี2555 โดยที่ครึ่งแรกปีนี้มีเงินไหลเข้ากว่า 1,765 ล้านบาท ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของ RMF นั้นสูงเกือบ 150,000ล้านบาท และนับเป็นครั้งแรกที่สัดสวนของ RMF ทีเน้นลงทุนในหุ้นมีส่วนแบ่งสูงสุดที่ 37.42% แซงหน้าประเภทที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีส่วนแบ่งอยู่ที่ 35.92% ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีที่ผู้ลงทุนเริ่มเห็นความสำคัญของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างโอกาสในการรับผลตอบแทนให้สอดคล้องกับระดับการรับความเสี่ยงและเป้าหมายทางการลงทุนของแต่ละคน
ผลตอบแทนกองทุนรวมประเภทต่างๆ
ผลตอบแทนกองทุนในครึ่งปีแรกปีนี้ ต้องเรียกว่าสดใสและยอดเยี่ยมในทุกประเภทกองทุน โดยเฉลี่ยแล้วไม่มีประเภทกองทุนใดเลยที่ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนติดลบ ซึ่งกลุ่มที่ทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้สูงที่สุดคือ กลุ่มกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยนำโดยกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก(Equity General)ทำผลตอบแทนได้เฉลี่ย13.98% และกองทุนหุ้นขนาดใหญ่(Equity Large Cap) ก็ทำได้ดีเช่นกันที่เฉลี่ย 12.9%ขณะที่ SET Index ทำได้ 14.40%ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ประเมินตลาดผิดทำให้ผลตอบแทนนั้นน้อยกว่า SET Index ส่วนกองทุนที่สร้างตอบแทนได้ดีตามอีกกลุ่มเห็นจะเป็น กลุ่มกองทุนทองคำและน้ำมัน ที่สามารถทำผลตอบแทนเฉลี่ยบวกอยู่ที่ 8.85%และ 7.44% ตามลำดับ
ครึ่งปีแรกนี้ กองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศดูจะทำผลตอบแทนได้ดีกว่ากองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศโดยเฉพาะกลุ่ม Emerging Market Bond ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 5.98%และ กลุ่ม Global Bond ที่ 3.6%ขณะที่ ตราสารหนี้ที่ลงทุนในประเทศ ทั้งระยะสั้นและยาวทำได้เฉลี่ยที่ 1-2%
กลุ่มสุดท้ายที่นักลงทุนในหุ้นให้ความนิยมสูงสุดนั้นก็คือ กลุ่มกองทุนหุ้นที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งต่างทำผลตอบแทนได้น่าผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจากตลาดเหล่านั้นโตมาค่อนข้างมากเมื่อปีที่แล้ว โดยทั้ง 3 กลุ่มหลัก โดย กลุ่ม Asia Pacific ex-Japan Equity ทำได้เฉลี่ย2.89%กลุ่ม Emerging Market Equity ทำได้เฉลี่ย 4.46% และ กลุ่มGlobal Equity ทำได้เฉลี่ย 3.14%
และหากจะเจาะลึกลงไปในรายละเอียดก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มกองทุนที่ลงทุนใน หุ้นญี่ปุ่น ดูจะประสบปัญหามากที่สุดโดยทำผลตอบแทนเฉลี่ย -4.25% และที่เน้นลงทุนในหุ้นจีนติดลบเฉลี่ย -3.19% ขณะที่กลุ่มที่เน้นลงทุนใน อเมริกาและยุโรป นั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่าๆกันที่ประมาณ5-5.5% เท่านั้น
ทั้งนี้ ผลตอบแทนดังกล่าวเป็นเพียงข้อมูลผลตอบแทนระยะสั้น(6เดือน) ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ลงทุนพิจารณาถึงผลตอบแทนในระยะยาวด้วยเช่นกันเนื่องจากการลงทุนในตราสารที่มีความผันผวนสูงอย่างหุ้น นั้นต้องเน้นลงทุนในระยะยาว
*ข้อมูล ณ วันที่ 30มิถุนายน2557
**ที่มา: บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) www.morningstarthailand.com
***ข้อมูลการจัดอันดับกองทุนและเนื้อหาต่างๆในเอกสารฉบับนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทมอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)และบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการลอกเลียนแบบ แก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆ ที่ปรากฎอยู่นี้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างไรก็ดี บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นทุกกรณีจากการนำรายงานหรือข้อมูลไปใช้อ้างอิง ดังนั้น หากผู้ลงทุนจะดำเนินการอย่างหนึ่ง อย่างใด ผู้ลงทุนควรใช้วิจารณญาณและความรอบคอบในการพิจารณา
ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ กิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ 02-251-9730 ต่อ 15