- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 23 February 2016 23:36
- Hits: 4177
KSAM ชี้ปี 2558 AUM โต15% เกือบสองเท่าของค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมแนะนำการจัดพอร์ตกระจายสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อผลตอบแทนที่ดีระยะยาว
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด (บลจ.กรุงศรี) เปิดเผยว่า "สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2559 นั้น บริษัทตั้งเป้าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร 373,000 ล้านบาท และขยายฐานลูกค้าเพิ่ม 14% โดยใช้กลยุทธ์การขยายฐานลูกค้าผ่านเครือข่าย ธ.กรุงศรี มากกว่า 630 สาขาและBTMU ที่มีความแข็งแกร่งในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น เน้นมองหาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีแนวโน้มดีเหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนเพื่อเพิ่มทางเลือกในพอร์ตการลงทุนของลูกค้า และเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว ในส่วนของการบริหารกองทุนยังคงรักษามาตรฐานของกระบวนการลงทุน ตลอดจนการสร้างความเข้าใจกับผู้ลงทุนเรื่องการวางแผนการลงทุนระยะยาวให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่มุ่งหวังการเก็งกำไรให้ได้ผลตอบแทนสูงแค่ระยะสั้น ๆ
"สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2558 ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) มูลค่า 3.2 แสนล้านบาท หรือเติบโต 15% จากสิ้นปี 2557 ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต 8% โดยในส่วนของกองทุนรวมภายใต้การบริหารมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.6 แสนล้านบาทหรือเติบโต 20% ในขณะที่อุตสาหกรรมโต 6.7% และมีส่วนแบ่งการตลาดของกองทุนรวมเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 จากอันดับ 6 ในปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งมีจำนวนลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น 20% ด้วยเช่นกัน" (ข้อมูล: AIMC ณ 30 ธ.ค. 58)
"ด้านผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของ บลจ.กรุงศรี ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ กองทุนรวมหุ้นและกองทุนรวมต่างประเทศ(FIF) ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีเงินลงทุนสุทธิไหลเข้าสูงสุดในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกองทุนรวมหุ้นมียอดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิสูงที่สุดในอุตสาหกรรมเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ส่งผลให้กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นปันผล (KFSDIV) ครองตำแหน่งกองทุนรวมหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา" (ข้อมูล: Morningstar ณ 30 ธ.ค. 58)
"ในส่วนของกองทุนรวมต่างประเทศก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) มีการเติบโตกว่า 220% จากสิ้นปี 2557 และมียอดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิสูงที่สุดในอุตสาหกรรม ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดของกองทุนรวมต่างประเทศ (ไม่รวมกองทุน Term Fund) ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรมจากอันดับ 4 ในปีก่อนหน้านี้" (ข้อมูล: Morningstar ณ 30 ธ.ค. 58)
"บลจ.กรุงศรี ยังเป็น บลจ.แรกๆในอุตสาหกรรมที่แนะนำกองทุนประเภท "Income Fund" ให้กับนักลงทุน ถึงแม้ว่าระยะหลังจะเริ่มมีกองทุนประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นในตลาด โดยกองทุน KF-INCOME เป็นหนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมียอดเงินลงทุนไหลเข้าสุทธิสูงที่สุดในช่วงปี 2558 (ข้อมูล: Morningstar ณ ธ.ค.58) นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำกระแสการลงทุนในกองทุนเฮลท์แคร์ ทั้งนี้ กองทุน KF-HEALTHD ที่บริษัทจัดตั้งในเดือน ส.ค. 57 ถือเป็นกองทุนเฮลท์แคร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยมีขนาดกองทุนเพิ่มสูงขึ้นถึง 570% ภายในระยะเวลาเพียง 16 เดือน" (ข้อมูล: Morningstar ณ ธ.ค. 58)
"นอกจากนี้ ในปี 2558 บลจ.กรุงศรี ยังได้รับรางวัล Fund Management Company of the Year in Thailand จากนิตยสาร The Asset ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำด้านการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย และรางวัล Outstanding Asset Management Company ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รางวัลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพด้านการบริหารจัดการกองทุนและความมุ่งมั่นเพื่อการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง"
นางสุภาพร ลีนะบรรจง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า "ข้อมูลจาก ธนาคารกรุงศรีคาดการณ์ว่าจีดีพีไทย (GDP) เติบโต 3.2% ในปี 2559 เนื่องจากมีปัจจัยที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอยู่หลายประการทั้งในส่วนพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่มีความแข็งแกร่ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและแผนการลงทุนในโครงการลงทุนของภาครัฐมีความชัดเจนมากขึ้น การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการเร่งลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนให้กลับมาฟื้นตัว ทั้งนี้การบริโภคของภาคเอกชนจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ภาคการท่องเที่ยวยังคงสดใสโดยปัจจัยหนุนหลักมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่ยังคงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าปริมาณการส่งออกจะปรับตัวสูงขึ้นจากแรงหนุนของเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และได้รับประโยชน์จากการเปิดเขตเศรษฐกิจประชาคมอาเซียน (AEC) ที่มีการปรับลดอากรระหว่างประเทศ ปัจจัยต่างๆดังกล่าวจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกขยายตัวได้ดีขึ้น"
"บลจ.กรุงศรี ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในระยะยาวถึงแม้ว่าในระยะสั้นตลาดจะยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่เชื่อมั่นว่าในระยะยาวตลาดหุ้นไทยยังมีศักยภาพและมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดีได้ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและกำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนฯ มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัว โดยคาดว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนฯ ปี 2559 จะเติบโต 10% และตลาดหลักทรัพย์ไทยยังเป็นที่น่าสนใจต่อนักลงทุนเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในภูมิภาค นอกจากนี้ การฟื้นตัวของประเทศเศรษฐกิจหลักจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกได้เป็นอย่างดี"
"ด้านภาพรวมของตลาดตราสารหนี้นั้น บริษัทมีมุมมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงไว้ที่ระดับต่ำสุดในภูมิภาคที่ 1.50% ต่อไป เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้คาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ในส่วนของตราสารหนี้ระยะกลางถึงระยะยาวยังคงมีความผันผวนสูง ตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรทั่วโลก เนื่องจากความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท และกระแสเงินทุนไหลเข้า-ออกของนักลงทุนต่างชาติ"
"สำหรับสัดส่วนการลงทุนในปี 2559 ที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะฟื้นตัว แนะนำให้ผู้ลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากขึ้น โดยการลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นของตลาดที่พัฒนาแล้วโดยเน้นที่ยุโรปและญี่ปุ่น ด้านการลงทุนในหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ยังคงมีแนวโน้มที่ดีสำหรับการลงทุนในระยะยาว แม้ว่าในระยะสั้นจะมีความผันผวนอยู่บ้าง โดยตัวเลขการจ้างงานในภาคเฮลท์แคร์ของสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้นซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ยังคงให้น้ำหนักกับการลงทุนในตราสารหนี้ไทยที่มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้ต่างประเทศซึ่งได้รับผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (FED)"
"กองทุนแนะนำภายใต้การบริหารของ บลจ.กรุงศรี ได้แก่ KFSPLUS, KFMTFI, KFSEQ, KFTHAISM KF-HJAPAND, KF-EUROPE, KF-HEALTHD, KF-EM และ KF-CHINA" นางสุภาพร กล่าว
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ บลจ.กรุงศรี จำกัด โทร. 02-657-5757 หรือ เว็บไซต์ www.krungsriasset.com หรือ ติดต่อธนาคารกรุงศรีอยุธยาทุกสาขา
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุน KF-HJAPAND, KF-EUROPE, KF-HEALTHD, KF-EM , และ KF-CHINA มีการลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก กองทุนจึงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และ/หรือ การเมืองในประเทศซึ่งกองทุนหลักได้ลงทุน
กองทุน KF-EUROPE, KF-HEALTHD, KF-EM, และ KF-CHINA จะไม่ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงิน จึงอาจมีความเสี่ยงสูงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
กองทุน KF-INCOME เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้มีเงินลงทุนสูงเท่านั้น โดยกองทุนอาจลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าอันดับที่สามารถลงทุนได้ (non-investment grade) หรือไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (unrated bond) ในอัตราส่วนที่มากกว่าอัตราส่วนของกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป กองทุนจึงอาจมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชาระหนี้ ความเสี่ยงด้านเครดิต และความเสี่ยงด้านสภาพคล่องมากกว่ากองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป
ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต