- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 07 July 2014 18:06
- Hits: 3542
บลจ.วรรณ เสนอขายไอพีโอกองทุนเปิด SSTSS ระหว่างวันที่ 22-31 ก.ค.57
บลจ.วรรณ มองธุรกิจคลังเอกสารเติบโตได้ต่อเนื่อง จับมือทรัพย์ศรีไทย ผู้นำคลังเอกสารจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทย สมาร์ท สโตเรจ IPO 22-31 ก.ค.57 คาดเงินปันผลสุทธิ 10 ปีเฉลี่ย 7% ต่อปี
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยสำหรับแผนการออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ว่า “บลจ.วรรณ เตรียมเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์ศรีไทย สมาร์ท สโตเรจ (SSTSS)ซึ่งเป็นกองทุนฯ แรก ที่บริษัทฯ จะเสนอขายในปีนี้ โดยกองทุนฯ ดังกล่าวจะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ในโครงการทรัพย์ศรีไทย สมาร์ท สโตเรจ ซึ่งเป็นโครงการคลังเอกสาร จำนวน 5 อาคาร มีพื้นที่รวมประมาณ 9,277 ตารางเมตร พร้อมส่วนควบและงานระบบ โดยตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 5-3-52.4 ไร่ บริเวณถนนสุขสวัสดิ์ สมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางระบบโลจิสติกส์และคลังสินค้าที่สำคัญของประเทศ จึงสะดวกต่อการคมนาคมขนส่ง โดยจะสามารถตอบสนองการเดินทางของผู้ประกอบการที่จะขนส่งเอกสารได้ดี
โดยกองทุนรวม SSTSS มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ภายหลังจากที่กองทุนฯ ได้ลงทุนครั้งแรกในทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว กองทุนฯ จะนำทรัพย์สินที่ลงทุนให้เช่าแก่บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) โดยจดทะเบียนสิทธิการเช่าเป็นระยะเวลา 10 ปี โดยกองทุนฯ จะรับค่าเช่าคงที่ชำระทุก 6 เดือนในอัตราเริ่มต้นปีละ 63 ล้านบาทและปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาททุก ๆ 3 ปี รวมทั้งมีหลักประกันการเช่าเป็นเงินรับประกันการเช่าในอัตราครึ่งหนึ่งของค่าเช่ารายปีตลอดระยะเวลาการเช่า 10 ปี และมีหนังสือค้ำประกันจากธนาคารพาณิชย์ในอัตราครึ่งหนึ่งของค่าเช่ารายปี ตลอดระยะเวลาในการเช่า 5 ปีแรก โดยโครงสร้างค่าเช่าและหลักประกันนี้จะเพิ่มความมั่นใจให้แก่นักลงทุน และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนในช่วง 10 ปีในอัตราเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี”นายวิน กล่าว
“โดย บลจ.วรรณ ประเมินว่าธุรกิจคลังสินค้าจากนี้จะมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนของอุปสงค์ต่อธุรกิจจัดเก็บเอกสารยังมีโอกาสขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งทำให้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องใช้บริการฝากเอกสารเพื่อเก็บไว้ตรวจสอบหรืออ้างอิงตามกฎหมายกำหนด หรือตามนโยบายของแต่ละบริษัทก่อนที่จะถึงช่วงที่กำหนดทำลายเอกสาร ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่มักเลือกฝากเอกสารดังกล่าวไว้กับคลังเอกสารเพื่อประหยัดต่อการเช่าพื้นที่สำนักงานในการเก็บเอกสารซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่านำมาฝากไว้ที่คลังเอกสาร รวมทั้งมีความปลอดภัยมากกว่าเมื่อเทียบกับเก็บไว้ที่บริษัทเอง นอกจากนี้ค่าเช่าพื้นที่อาคารสำนักงานที่แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการมีข้อจำกัดของการขยายพื้นที่ในการเก็บเอกสาร ขณะที่ในด้านอุปทานคลังเอกสาร ผู้ให้บริการรับฝากเอกสารไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิม เนื่องจากต้นทุนที่ดินในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เป็นข้อจำกัดทำให้ไม่มีผู้ประกอบการรายใหม่ที่ไม่มีที่ดินสะสมเข้ามาในอุตสาหกรรม ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจการเช่าคลังเอกสารด้วยเช่นกัน” นายวิน กล่าวเสริม
จุดแข็งของกองทุนฯ นี้อยู่ที่การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์และมีรายได้จากค่าเช่าที่สม่ำเสมอเป็นระยะเวลา 10 ปี รวมทั้งมีความมั่นใจในการให้ทรัพย์ศรีไทยเป็นผู้เช่าและผู้บริหารทรัพย์สิน ซึ่งเป็นผู้มีความเป็นมืออาชีพโดยมีประสบการณ์และความชำนาญในธุรกิจบริหารจัดการคลังเอกสาร รวมทั้งมีชื่อเสียงและสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้ามายาวนาน มีความโปร่งใสในการบริหารจัดการและมีธรรมาภิบาลที่ดีเนื่องจากเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพย์สินของกองทุนฯ มีคลังเอกสารหนึ่งคลังที่ใช้การติดตั้งระบบจัดเก็บเอกสารอัตโนมัติ (Automation) โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดเก็บและเรียกคืนกล่องเอกสาร ทำให้เกิดประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่และลดต้นทุนแรงงานในการดูแลและจัดเก็บเอกสารในคลังได้เป็นอย่างดี ทำให้ บลจ.วรรณ มั่นใจว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการที่กองทุนฯ ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ดีแห่งหนึ่ง” นายวิน กล่าวปิดท้าย
ด้านนายศุภสิทธิ์ สุขะนินทร์ กรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทรัพย์ศรีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SST กล่าวถึงการนำโครงการทรัพย์ศรีไทย สมาร์ท สโตเรจ เข้าร่วมจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในครั้งนี้ว่า “ทรัพย์ศรีไทยเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในธุรกิจจัดเก็บเอกสารที่ยาวนานและมีชื่อเสียง จึงมีฐานลูกค้าจำนวนมาก และมีพื้นที่ในการบริการมากที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น ทำให้มีความประหยัดต่อขนาดและทำให้มีความสามารถในการแข่งขันมากกว่าคู่แข่งรายใหม่ที่จะเข้ามาในธุรกิจคลังเอกสาร เนื่องจากการดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้จะต้องใช้เวลาในการสร้างความไว้วางใจจากลูกค้า เพราะเอกสารที่นำมาฝากมีความสำคัญต่อธุรกิจของลูกค้าค่อนข้างมาก ซึ่งสัญญาบริการส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยประมาณ 1-3 ปี และลูกค้ารายใหญ่ 10 อันดับแรกของทรัพย์ศรีไทยมีระยะเวลาในการเป็นลูกค้าเฉลี่ยประมาณ 10 ปีขึ้นไป”
“ทั้งนี้ ในด้านรายได้จากการรับฝากกล่องเอกสารของคลังสินค้าทรัพย์ศรีไทยเพิ่มขึ้นคิดเป็นอัตราการเติบโตที่ทบต้นกว่าปีละ 11.8% และจำนวนกล่องเอกสารที่รับฝากมีการเติบโตต่อเนื่องแบบทบต้นกว่าปีละ 11% รวมทั้งสัญญาบริการส่วนใหญ่จะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 1-3 ปี และอัตราการใช้พื้นที่คลังเอกสาร (Utilization rate)ในปี 2556 อยู่ที่ประมาณ 82% และคาดว่าจะปรับเพิ่มมาอยู่ที่ประมาณ 96% ในปี 2557 ซึ่งทำให้บริษัทฯ จะสามารถบริหารทรัพย์สินดังกล่าวและสร้างรายได้ให้แก่กองทุนฯ อย่างสม่ำเสมอ” นายศุภสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทรัพย์ศรีไทย สมาร์ท สโตเรจ จะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 22-31 ก.ค. 57 นี้ ผู้สนใจลงทุนสามารถติดต่อได้ที่ บลจ.วรรณ และผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่ บลจ.วรรณ แต่งตั้ง ทั้งนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนการตัดสินใจลงทุน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย