WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

KTAM-ChawindaKTAM คัดกองทุนเด่นเพิ่มทางเลือกสร้างโอกาสรับผลตอบแทน หุ้นไทยผันผวนแนะกระจายพอร์ตลงตปท.ยุโรป-กลุ่มไฟแนนซ์           

     นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  บริษัทได้มีการจัดตั้งคณะทำงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ และวางแผนกลยุทธ์ เพื่อคัดสรรกองทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีมานำเสนอต่อผู้ลงทุน โดยในช่วงเวลานี้ บริษัทเห็นว่า กองทุนหุ้นต่างประเทศแถบยุโรป  และกองทุนต่างประเทศที่ลงทุนในหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ มีความน่าสนใจ เนื่องจากได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่หุ้นไทยยังมีความผันผวน ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่ดี ในการกระจายการลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี กว่าการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว

   กองทุนเปิดเคแทม ยูโรเปียน อิควิตี้ฟันด์ (KT-EURO) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Invesco Continental  European Small Cap  Equity Fund ส่วนกองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ ไฟแนนซ์เชียล เซอร์วิส ฟันด์ ( KT-Finance ) เน้นลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมให้บริการทางด้านการเงิน โดยลงทุนในหน่วยลงทุยของกองทุน  Fidelity Fund -Global  Financial Service Fund  (Class A ) ซึ่งทั้ง 2 เป็นกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนทั่วไป  ( Retail Fund ) เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

     กองทุน KT-EURO เน้นการลงทุนเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากการเติบโตของหุ้นขนาดเล็กในกลุ่มยูโรโซนไม่รวมอังกฤษ ส่วน KT-FINANCE จะลงทุนในหุ้นกลุ่มของผู้ให้บริการทางการเงิน แก่ผู้บริโภคและกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น สถาบันการเงิน หรือ ตลาดหลักทรัพย์ ทั่วโลก โดยปัจจัยสนับสนุนการลงทุน ได้แก่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว เช่น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แสดงสัญญาณการขยายตัวได้อย่างชัดเจนตามวัฏจักรเศรษฐกิจขาขึ้นเช่นเดียวกับยุโรป ณ ปัจจุบัน จึงถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งจะเป็นอุตสาหกรรมกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยผลกำไรล่าสุดของบริษัทในกลุ่มผู้ให้บริการทางการเงินทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปต่างก็ออกมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเติบโตได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้

    นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจการเงินยังมีศักยภาพในการเติบโตสูงจากแนวโน้มการขยายตัวของสินเชื่อในอเมริกาและยุโรปที่จะช่วยให้กลุ่มสถาบันการเงินการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ข่าวร้ายที่เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มสถาบันเงินทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ หลังวิกฤติทางการเงินปี 2009 ได้เริ่มหมดไป และตลาดน่าจะซึมซับข่าวดังกล่าวไปแล้ว จึงทำให้ความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้น

     ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เห็นว่า การลงทุนในต่างประเทศแถบบยุโรป และในหุ้นต่างประเทศกลุ่มไฟแนนซ์ โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี เนื่องจาก แนวโน้มเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยุโรปในปัจจุบันเริ่มมีทิศทางฟื้นตัวดีขึ้น โดยตัวเลขทางเศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น เช่น ตัวเลขการว่างงานที่ลดลง  และดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ที่สะท้อนมุมมองภาคธุรกิจที่เป็นบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับ ปัจจัยบวกอื่นๆ ที่จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระยะถัดไป  เช่น การใช้มาตรการ QE เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ค่าเงินยูโรที่อ่อนค่าลงจากมาตรการ QE ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการส่งออกและการเร่งตัวของเงินเฟ้อในภูมิภาค ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังอยู่ในระดับต่ำสนับสนุนการบริโภคและการลงทุน และการฟื้นตัวของภาคการธนาคารที่เริ่มปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ในขณะที่บริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคเริ่มมีผลการดำเนินงานดีขึ้นต่อเนื่อง โดยยอดขายและรายได้ของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสสองที่เติบโตได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มการผลิตอุตสาหกรรม และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและการบริการ ทำให้มีแนวโน้มที่จะมีการปรับประมาณการรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะทำให้มูลค่าของหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย

   นอกจากนี้ กระแสการควบรวมกิจการ (M&A) และแนวโน้มการขยายการลงทุนของบริษัทจดทะเบียนยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคต เช่นกัน ในขณะที่เศรษฐกิจยุโรปน่าจะได้รับผลกระทบ จำกัด จากความผันผวนของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปมีการส่งออกไปจีนเพียง 6-7% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้งหมด ในขณะที่การส่งออกสินค้าคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของ GDP ยูโรโซนเท่านั้น 

   ดังนั้น จึงเป็นโอกาที่สดีสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสในการหาผลตอบแทนในต่างประเทศเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศยังเป็นการกระจายการลงทุนไปสู่สินทรัพย์ใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงของพอร์ต การลงทุนโดยรวมได้อีกด้วย

   สำหรับ ผลตอบแทนของกองทุน KT-EURO  ณ วันที่ 2 กันยายน 2558 ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ 12% ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 3.91% ผลตอบแทนนับตั้งแต่วันที่ 5ม.ค -2 ก.ย. ( YTD)  อยู่ที่ 14.02% ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผลตอบแทนสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน  (Benchmark) โดย ย้อนหลัง9 เดือน อยู่ที่ 10.96%   ย้อนหลัง1 ปี อยู่ที่ 4.91%  และ YTD อยู่ที่ 13.20%  ส่วนกองทุน KT-Finance ย้อนหลัง9 เดือนอยู่ที่ 4.33% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 7%  ย้อนหลัง3 ปี อยู่ที่ 55.32%  YTD  อยู่ที่4.51%  ส่วน Benchmark  ย้อนหลัง 9 เดือน อยู่ที่ -2.84% ย้อนหลัง1 ปี  อยู่ที่ -2.54% ย้อนหลัง3 ปี  อยู่ที่  40.31%    และ YTD  อยู่ที่ -2.12%

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ / สำนักประชาสัมพันธ์

คุณแสงสิริ  เนตรอัมพร /   โทรศัพท์  0-2686-6206-7  / 082-082-2121

 คุณสงกรานต์  กันแก้ว   ที่ปรึกษาด้านงานประชาสัมพันธ์ บริษัท คิธ แอนด์ คิน คอมมิวนิเคชั่น แอนด์  คอนซัลแตนท์  จำกัด

  โทรศัพท์  081-455-2111

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!