- Details
- Category: บลจ.
- Published: Saturday, 18 July 2015 13:21
- Hits: 5555
บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดตัวกองทุนบิลเลี่ยนแนร์ ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตามพอร์ตมหาเศรษฐีชื่อดัง
บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดตัวกองทุนบิลเลี่ยนแนร์ ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตามพอร์ตมหาเศรษฐีชื่อดัง คาด AUM ปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อน ที่ 1.09 ล้านลบ. เหตุอัตราการเติบโตของสินทรัพย์ลดลงตามตามสภาวะ ศก. มองตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังผันผวน กำไร บจ.โตเป็นเลขหลักเดียว
นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายกองทุนต่างประเทศ คือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ บิลเลี่ยนแนร์ มูลค่ากองทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในพอร์ตหลักทรัพย์เช่นเดียวกันกับนักลงทุนมหาเศรษฐีแนวหน้าที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุนมายาวนาน อาทิ วอร์เร็น เอ็ดเวิร์ด บัฟเฟตต์, จอร์จโซรอส, คาร์ล ไอคาห์น, เรย์ ดาลิโอ เป็นต้น ซึ่งกองทุนนี้จะเริ่มเสนอขายครั้งแรกวันที่ 16-23 ก.ค. 2558 โดยเงินลงทุนขั้นต่ำ5,000 บาท
"กองทุนไทยพาณิชย์ บิลเลี่ยนแนร์ เน้นลงทุนในตราสารทุนในประเทศสหรัฐฯ หรือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศที่เน้นลงทุนในตราสารทุนของประเทศสหรัฐฯ เป็นหลัก ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยมุ่งหวังให้ผลตอบแทนของกองทุนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีบิลเลี่ยนแนร์"นายสมิทธ์ กล่าว
นายสมิทธ์ เปิดเผยว่า คาดมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ปีนี้จะต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1.09 ล้านล้านบาท เนื่องจากอัตราการเติบโตของสินทรัพย์มีการชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงโดยการหันไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนการลงทุนสินทรัพย์ในต่างประเทศ 30% และส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนในประเทศไทย
โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการออกกองทุนตราสารหนี้ 79 กอง ทริกเกอร์ ฟันด์ 4 กอง กองทุนหุ้น 1 กอง และกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ 2 กอง ซึ่งการออกกองทุนดังกล่าวทำให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) เพิ่มขึ้น 2 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ มีแผนออกกองทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"AUM ปีนี้อาจจะต่ำกว่าปีก่อนที่ 1.09 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของสินทรัพย์ลดลง และเม็ดเงินเข้าระบบก็เติบโตช้า เป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่มองว่าในแง่ของการลงทุนในกองทุนก็ยังดีกว่าการที่จะนำเงินไปฝากสถาบันการเงิน เนื่องจากดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำ"นายสมิทธ์ กล่าว
นอกจากนี้ กำไรของบริษัทฯ ใน 6 เดือนแรกสามารถเติบโตได้แล้วกว่า 6-10% ซึ่งถือว่าเติบโตเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากบริษัทฯ มีการออกกองทุนในต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลทำให้มีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้น
นายสมิทธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังเคลื่อนไหวผันผวน (Sideway) และหากระดับดัชนีฯ ปรับตัวลดลงมา 1,450 จุด หรือ 1,400 ต้นๆ มีโอกาสที่จะรีบาวน์ขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยยังคงมีความกดดันจากเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว อีกทั้งมองว่าอัตราการขยายตัวของจีดีพีในปีนี้คาดเติบโตต่ำกว่า 3% ประกอบกับนักลงทุนในต่างประเทศมีการขายสุทธิอย่างต่อเนื่องหลายปีติดต่อกัน และในปีนี้เองก็ยังเป็นการขายสุทธิเช่นเดิม
โดยมองว่า นักลงทุนยังคงจับตาดูการเติบโตของเศรษฐกิจไทยและการเบิกจ่ายงบประมาณของโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ รวมไปถึงการส่งออกที่ยังคงติดลบ เป็นผลจากประเทศไทยมีการส่งออกสินค้าที่ยังไม่เป็นไปตามความต้องการของตลาดโลก
นอกจากนี้ บริษัทฯ คาดกำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้จะเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียว ซึ่งถือว่าหากทำได้ในระดับนี้ ก็ถือว่าดีแล้ว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ประกอบกับเป็นการเติบโตจากฐานที่ต่ำในปีก่อน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย