WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

TISCOธรนาถบลจ.ทิสโก้ คาดดัชนีฯ ครึ่งปีหลังอยู่ที่ 1640 จุด เหตุการลงทุนภาครัฐหนุน ขณะที่กำไร บจ.ปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 10-15%

   บลจ.ทิสโก้ คาดดัชนีฯ ครึ่งปีหลังอยู่ที่ 1640 จุด เหตุการลงทุนภาครัฐหนุน ขณะที่กำไร บจ.ปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 10-15%'วรรณ' มอง SET ปีนี้ 1480-1650 จุด บนพื้นฐานพี/อี 15 เท่า - กำไร บจ.โต 10% แนะลงทุนหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนปันผลสูง - ผลประกอบการดีแม้ ศก.ชะลอ  

      นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส  กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยขณะนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว จึงมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 9% จากปัจจุบันที่ระดับ 1,500 จุด ไปอยู่ที่ 1,640 จุด เนื่องจากได้รับผลดีจากโครงการภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม  ปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องระมัดระวังคือการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) หากปรับขึ้นดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปีนี้ เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ผันผวนเพราะได้รับข่าวไปแล้ว เว้นแต่การปรับขึ้นนั้นมากกว่า 1-52 ครั้ง จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดหุ้น แต่ที่ผ่านมาพบว่า นักลงทุนต่างชาติได้ขายหุ้นไทยออกไปมากแล้ว หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดเชื่อว่าจะมีเงินไหลออกไม่มาก

    สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน ช่วงที่เหลือของปีนี้ นักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่จะได้รับผลดีจากการลงทุนของภาครัฐ คือ วัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง กลุ่มแบงก์ โดยเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง เน้นลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ที่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง คือหุ้นกลุ่มการบริโภคในประเทศ และส่งออก จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และประเทศต่างๆ ที่พยายามทำให้ค่าเงินของตัวเองอ่อนค่าลง ทำให้มีการแข่งขันทางด้านราคามากขึ้น

  "ดัชนี ตลาดหุ้นไทยจากนี้ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 9% จะไปอยู่ที่ 1,640 จุดได้ จากปัจจัยการลงทุนของภาครัฐ ซึ่งนักลงทุนควรเลือกลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ในหุ้นขนาดเล็กเพราะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งกองทุนทิสโก้ Small Cap จากต้นปีถึงปัจจุบันให้ผลตอบแทน 30% เมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นไม่ถึง 1% แต่นักลงทุนควรมีการกระจายการลงทุนไปต่างประเทศด้วย เพราะการลงทุนในต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่ดีประมาณ 10%" นายธีรนาถ กล่าว

  นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อเบอร์ดีน คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยจากนี้ไป ไม่น่าจะปรับลงไปต่ำกว่านี้ หรือหากจะปรับขึ้นก็คงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากรอปัจจัยบวกเข้ามาหนุน คือเห็นความชัดเจนการลงทุนของภาครัฐ

 ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า มองแนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ระดับ 1,480 -1,650 จุด บนพื้นฐานการเติบโตการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนที่ 10% และมีระดับ P/E ที่ 15.5 เท่า  แต่ในช่วงปลายไตรมาส 2- ต้นไตรมาส 3/2558 คาดว่าดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1,480-1,550 จุด ซึ่งในช่วงนี้ยังขาดปัจจัยทั้งบวกและลบ

 อย่างไรก็ตาม คาดว่า ในช่วงปลายไตรมาส 3/2558 ดัชนีหุ้นไทยจะปรับตัวดีขึ้น ผลจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ อาทิเช่น ปัจจัยในประเทศคาดว่าจะได้ความชัดเจนในเรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง และการลงทุนภาครัฐ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคือ เรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และปัญหาของกรีซ

 สำหรับ กลยุทธ์ในการลงทุน แนะเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มที่แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีการชะลอตัว แต่ประชาชนยังต้องมีการใช้บริการ และบริโภคสินค้านั้นๆ อยู่ เช่น หุ้นกลุ่มสื่อสาร หุ้นกลุ่มบริโภค อาทิเช่น CPALL นอกจากนี้ควรลงทุนหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนปันผลสูง

     ดร.วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังคงเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.05 แสนล้านบาท หรือเติบโต 30% จากปีก่อนที่ 8.3 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมา บลจ.วรรณสามารถทำได้ตามเป้าหมายแล้ว โดยจะเป็นการเติบโตมาจากกองทุนรวม, กองทุนส่วนบุคคล, กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนอสังหาริมทรัพย์

  ด้านนายต่อ อินทวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปีนี้อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่า 8 พันล้านบาท จากการออกกองทุนใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแผนออกกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ  เน้นแถบเอเชียจำนวน 2 กอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

 "ส่วนตัวมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 1,640 จุด ซึ่งมากกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1,600 จุด เนื่องจากจะได้รับผลดีจากการลงทุนของภาครัฐที่จะส่งผลให้ภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ในช่วงไตรมาส 3 คาดว่าดัชนีจะทรงตัวเนื่องจากเป็นช่วงที่หน่วยงานต่างๆมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจ โดยคาดดัชนีหุ้นจะแกว่งตัวอยู่ที่ 1,400 ปลายๆ ถึง 1500 ปลายๆ เช่นกัน ขณะที่กำไร บจ.ปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 10-15% จากปีก่อนที่กลุ่มพลังงานขาดทุนสต็อกน้ำมัน จึงฉุดกำไร บจ." นายต่อ  กล่าว

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!