- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 23 March 2015 21:35
- Hits: 1524
บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้า AUM ปีนี้โต 22% แตะ 3.3 แสนลบ. - มอง SET Index ผันผวน ให้กรอบ 1,300-1,700 จุด แนะลงทุน ตปท. กระจายความเสี่ยง
บลจ.กรุงศรี ตั้งเป้า AUM ปีนี้ 3.3 แสนลบ.เติบโต 22% จากสิ้นปีก่อน 2.7 แสนลบ. เตรียมออกกองทุน ตปท. อีก 2 กอง พร้อมมอง SET Index ปีนี้ผันผวนระหว่าง 1,300-1,700 จุด การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหนุน แนะกระจายความเสี่ยง ลงทุนทั้งหุ้นไทย-ตปท.
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งเป้ามูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร หรือ AUM ปีนี้ที่ 3.3 แสนล้านบาท หรือเติบโต 22% จากสิ้นปี 2557 ที่อยู่ระดับ 2.7 แสนล้านบาท โดยแผนการดำเนินงานในปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายลูกค้าผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารกรุงศรี 654 สาขาทั่วประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทยังคงศึกษาและแสวงหาโอกาสและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าสามารถจัดสรรการลงทุนที่เหมาะสมกับทุกสภาวะการลงทุน และมุ่งมั่นรักษาคุณภาพของกระบวนการลงทุน และการบริหารจัดการกองทุนให้มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างสม่ำเสมอ
โดยในปีนี้ บลจ.กรุงศรี มีแผนออกกองทุนเอฟไอเอฟ (FIF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ จำนวน2 กองทุน โดยมองประเทศจีนและอินเดีย แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งการที่ในปีนี้มีการออกกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจภายในประเทศและมองว่าเศรษฐกิจในต่างประเทศมีการฟื้นตัวได้ดี
"การลงทุนที่น่าสนใจในปีนี้ คาดว่าการลงทุนในตลาดตราสารทุนยังคงสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และสภาพคล่องยังอยู่ในระดับสูง จากการอัดฉีดเม็ดเงินจากธนาคารกลางขนาดใหญ่ โดยภูมิภาคที่จะได้อานิสงส์จากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในขณะนี้ ได้แก่ ยุโรป และญี่ปุ่น โดยกองทุนแนะนำของ บลจ.กรุงศรี ได้แก่ กอง KF-HEUROPE และ กอง KF-HJAPAND"นาย ฉัตรพี กล่าว
สำหรับ ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีก่อน ถือว่าประสบความสำเร็จและมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่อันดับที่ 6 ของอุตสาหกรรม และทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารโดยรวมเติบโต 37% ซึ่งเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมมีการเติบโต 20%
อีกทั้ง ภาพรวมของกองทุนหุ้น กองทุน LTF และกองทุนตราสารหนี้ ที่เป็นผลิตภัณฑ์ ของบริษัท มีการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมแบบก้าวกระโดด โดยกองทุนหุ้นมีอัตราการเติบโต 50% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 34% กองทุน LTF มีอัตราการเติบโต 51% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 27% กองทุนตราสารหนี้ มีอัตราการเติบโต 48% ในขณะที่อุตสาหกรรมมีการเติบโต 22% นอกจากนี้ บริษัทยังมีจำนวนบัญชีลูกค้าใหม่เพิ่มสูงขึ้น 31% สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมอบให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด ประเมินดัชนีหุ้นไทยปีนี้ 1,300-1,700 จุด โดยหุ้นไทยจะแกว่งตัวประมาณ 300-400 จุด บนอัตรากำไรต่อหุ้นจะเติบโตจากฐานต่ำ ซึ่งในปีนี้คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลบวกจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ
สำหรับ ทิศทางการลงทุนในปีนี้ มองว่าการลงทุนในหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยังสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องอยู่ในระดับสูงจากการอัดฉีดเม็ดเงินจากธนาคารขนาดใหญ่ โดยภูมิภาคที่ได้อานิสงส์จากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินได้แก่ ยุโรป และญี่ปุ่น
ส่วนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) คาดว่าจะมีการทยอยปรับขึ้น 3 ครั้ง ครั้งละ 1% ซึ่งจะไม่ส่งผลลบต่อหุ้นมากนัก
"การลงทุนในปีนี้ แนะนักลงทุนยังไม่ต้องรีบร้อนลงทุนเพราะหุ้นไทยมี P/E อยู่ในระดับสูงถึง 21 เท่า โดยแนะนำกระจายการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศเพื่อเป็นการลดความเสี่ยง"นายประภาส กล่าว