- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 10 June 2014 21:50
- Hits: 3240
บลจ.กรุงศรีออกกองตราสารหนี้ 6M97 ผลตอบแทน 2.60%ขาย 10-16 มิ.ย.
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี (KSAM) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M97(KFFIX6M97) อายุประมาณ 6 เดือน มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น เงินฝากธนาคาร China Construction Bank(สาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Bank of China (สาธารณรัฐประชาชนจีน สาขามาเก๊า) สัดส่วนการลงทุน 20%ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China (Asia) (สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร Agricultural Bank of China(สาธารณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง) สัดส่วนการลงทุน 15% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% ตราสารหนี้ระยะสั้นออกโดยธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10% และตั๋วแลกเงินออกโดยบริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) สัดส่วนการลงทุน 10%
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากการขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2.60% ต่อปี และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป
กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ 6M97(KFFIX6M97) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้เหมาะกับ นักลงทุนที่มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และต้องการล็อคผลตอบแทน โดยสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
ในแง่ภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้นในส่วนของอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อายุสั้น ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรปได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นและสนับสนุนให้เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวต่อเนื่อง โดยใช้มาตรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือร้อยละ 0.15 ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากข้ามคืนลงร้อยละ 0.1 สู่ติดลบร้อยละ 0.1 และปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมลงเหลือร้อยละ 0.4 นอกจากนี้ ธนาคารกลางจะจัดหาเงินรีไฟแนนซ์ระยะยาวอายุ 4 ปี ให้แก่ภาคเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในภาคการเงินในเดือนกันยายนและธันวาคม โดยคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ของธนาคารกลางที่ร้อยละ 0.1
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลงร้อยละ 0.0-0.07 นอกจากนี้ มูดี้ส์ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยและให้มุมมอง‘มีเสถียรภาพ’ โดยระบุว่าทางสถาบันไม่คิดว่าการทำรัฐประหารของกองทัพและการเมืองที่ยังไม่มีความแน่นอนจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของเครดิตของไทยอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ในส่วนของอัตราเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.62 จากช่วงเดียวกันปีก่อนและเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาด ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน สู่ 70.7 จาก 67.8 ในเดือนเมษายน โดยได้แรงหนุนจากการเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้นและการจ่ายเงินให้แก่ชาวนา