WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

กบข.คาดผลตอบแทนลงทุนปี 58 ต่ำกว่าปีนี้ที่ 6% ตามทิศทางดบ.แต่ยังสูงกว่าเงินเฟ้อ

    นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า คาดปีนี้ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.จะอยู่ที่ราว 6% สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 4.5% ขณะที่ปีหน้า (58) คาดผลตอบแทนจากการลงทุนกบข. มีแนวโน้มต่ำกว่าปีนี้ แต่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ 2-3% เพราะคาดเศรษฐกิจเติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวา โดยปี 58 คาดการณ์จีดีพีเติบโต 3-4% ขณะที่มองทิศทางดอกเบี้ยในประเทศอยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรมีโอกาสลดลง ซึ่งการลงทุนในพันธบัตรมีสัดส่วนกว่า 60% ของพอร์ตรวมทั้งหมด

    ทั้งนี้ กบข.มีสินทรัพย์สุทธิอยู่ที่ 703,809  ล้านบาท (ณ 30 พ.ย. 57) ผลตอบแทนเฉลี่ยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 6.9% ต่อปี และผลตอบแทนของปี 57 (นับถึง 16 ธ.ค. 57) อยู่ที่ 5.9% สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำธนาคารและอัตราเงินเฟ้อในระยะเวลาเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.7 % และ 1.1% ตามลำดับ

    ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 58 แนวโน้มดีโดยคาดจะเห็นดัชนีฯแกว่งตัวและเป็นจังหวะที่สามารถทำกำไรได้ หลังในช่วงท้ายปีดัชนีฯมีการปรับตัวลดลงแรงวันเดียวกว่า 138 จุด ทำให้คาดยังมีอัพไซด์รวมถึงคาดผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มที่ดี  และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองการลงทุนระยะยาว

   ขณะเดียวกันคาดเศรษฐกิจไทยปี 58 ยังมีการเติบโต โดยเฉลี่ยมีโอกาสที่จะเติบโตได้ราว 3-4% อย่างไรก็ตาม ตลาด ต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศประกอบ ทั้งเรื่องการกำหนดนโยบายการเงินของประเทศหลัก โดยเริ่มจะเห็นสัญญาณสหรัฐมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สะท้อนว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่ทั้งนี้ ยอมรับว่าการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย หรือการกำหนดนโยบายของต่างประเทศ จะมีผลต่อทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ

    ด้านนายยิ่งยง นิลเสนา รองเลขาธิการ กลุ่มงานบริหารกองทุน กบข. เปิดเผยว่า  รู้สึกพอใจกับผลตอบแทนการลงทุนของ กบข. ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ทำได้ระดับ 5.90% เนื่องจากผลตอบแทนชนะอัตราเงินเฟ้อ และเงินฝาก สำหรับปัจจุบันการลงทุนของ กบข.แบ่งเป็นการลงทุนในพันธบัตรราว 60% และลงทุนหุ้นกู้เล็กน้อย

    นอกจากนี้ แบ่งเป็นการลงทุนในตลาดหุ้นไทย 11.5% และตลาดหุ้นต่างประเทศ 14% สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ   ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะเพิ่มหรือลดสัดส่วนในจังหวะใดนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความเหมาะสม โดยคำนึงโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี

     กรณีที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ผ่านร่างพระราชบัญญัติการกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญ ตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. 2494 พ.ศ. .หรือ พ.ร.บ.อันดู (UNDO) นั้น  กบข.คาดมีสมาชิกใช้สิทธิ UNDO ราว 2.1 แสนคน หรือ 30% โดยคิดเป็นจำนวนเงินที่ต้องคืนสมาชิกประมาณ  4 หมื่นล้านบาท

     พร้อมกันนี้ กบข. คาดจะมีสมาชิกที่อยู่ต่อราว 70% หรือ  5 แสนคน  ซึ่งปัจจุบันกำหนดให้สมาชิกแจ้งได้แล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึง 30 มิ.ย. 2558 และจะมีผลในวันที่ 1 ต.ค. 2558  โดย กบข.ได้เตรียมการเรื่องสภาพคล่องไว้เรียบร้อยแล้ว และไม่ต้องขายสินทรัพย์เพิ่มเติม ในกรณีที่มีสมาชิกลาออกเกินกว่าจำนวนที่คาดไว้ นอกจากนี้ ในแต่ละปีจะมีจำนวนสมาชิกใหม่ๆที่เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

      ทั้งนี้ กบข.ได้จัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้กับสมากชิกอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการให้ข้อมูลและติดต่อสื่อสารกับสมาชิกข้าราชการให้มีความเข้าใจการเรื่องการลงทุน และชี้แจงเรื่องสิทธิประโยชน์ของการเป็นสมาชิก กบข. อย่างไรก็ดี เตือนสมาชิกอย่าพิจารณาตามกระแสเพราะหากเป็นสมาชิก กบข.ต่อไป จะได้รับเงินก้อนเมื่อเกษียณอายุ โดยเมื่อรวมเงินสมทบของตนเอง 200,000 บาท และเงินประเดิมก้อนแรก, เงินสมทบจากภาครัฐ 3% และเงินชดเชยที่รัฐสะสม 2% คิดเป็น 800,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุงาน รวมประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งหากสมาชิกยื่นใช้สิทธิ UNDO จะได้เงินจำนวน 200,000 บาท ทั้งนี้ หากสมาชิกทำเรื่องลาออกจากสมาชิก กบข. แล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นสมาชิกใหม่ได้

      ส่วนสมาชิกที่จะลาออกเพื่อใช้สิทธิบำนาญกว่า 30% หรือ 4 หมื่นลบ. ลั่นไม่กระทบสภาพคล่อง เหตุมีกระแสเงินสดไหลเข้าปีละกว่า 1 แสนลบ.

     นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. คาดว่า จะมีสมาชิกใช้สิทธิลาออกเพื่อใช้สิทธิบำนาญ (UNDO) ราว 30% จากผู้มีสิทธิทั้งสิ้น 7 แสนคน หรือคิดเป็นเม็ดเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยย้ำว่าจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของ กบข. และไม่ต้องขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินไปชดเชยกรณีดังกล่าว เนื่องจากปกติ กบข.มีกระแสเงินสดใหม่เข้ามากว่าปีละ 1 แสนบาท

    "เท่าที่เราประเมินในกรณีที่ออกมากสุดถึง 50% จากผู้มีสิทธิ ก็จะต้องจ่ายเงินเพียง 6.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับกระแสเงินสดใหม่ที่เข้ามาในแต่ละปี จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของเราอย่างแน่นอน" เลขาธิการ กบข.ระบุ

    ทั้งนี้ กำหนดให้สมาชิกแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิภายใน 30 มิ.ย.58 และจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.58 เป็นต้นไป ทั้งนี้อยากเตือนสมาชิกอย่าพิจารณาตามกระแส เพราะหากเป็นสมาชิก กบข.ต่อไป จะได้รับเงินก้อนเมื่อเกษียณอายุ โดยเมื่อรวมเงินสมทบของตนเอง 200,000 บาท และเงินประเดิมก้อนแรก, เงินสมทบจากภาครัฐ 3% และเงินชดเชยที่รัฐสะสม 2% คิดเป็น 800,000 บาทขึ้นอยู่กับอายุงาน รวมประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้สร้างธุรกิจได้ หากสมาชิกยื่นใช้สิทธิ UNDO จะได้เงินเพียง 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งหากลาออกจากสมาชิก กบข. แล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นสมาชิกใหม่ได้

กบข. คาดผลตอบแทนการลงทุนปีนี้ราว 6% มากกว่าปีก่อนที่ 4.5% ลั่นสมาชิกลาออกไม่กระทบสภาพคล่อง

     กบข. คาดผลตอบแทนการลงทุนปีนี้ราว 6% มากกว่าปีก่อนที่ 4.5% รับอานิสงส์ตลาดหุ้นโตต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี รับผลตอบแทนปี 58 อาจจะต่ำกว่าปีนี้ แต่มั่นใจชนะเงินเฟ้ออย่างน้อย 2-3 % ประเมินกำไร บจ.ปี 58 โต 10-12% อัพไซด์จำกัด หวั่นเม็ดเงินต่างชาติกดดันหุ้นผันผวน ขณะที่คาดสมาชิกลาออกเพื่อใช้สิทธิบำนาญกว่า 30% หรือ 4 หมื่นลบ. ลั่นไม่กระทบสภาพคล่อง เหตุมีกระแสเงินสดไหลเข้าปีละกว่า 1 แสนลบ.

      นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. คาดว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.ในปีนี้จะอยู่ที่ราว 6% สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 4.5% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งปัญหาการเมืองคลี่คลาย ขณะที่ผลตอบแทนจากพันธบัตรก็มากกว่า 2% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

     "ปีนี้ผลตอบแทนเราค่อนข้างดีมาก เพราะได้อานิสงส์จากตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เรามีผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสูง ก่อนการปรับตัวลงในเดือนนี้ โดยทั้งปีคาดว่าจะอยุ่เฉลี่ย 6%+/- มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 4.5%" นายสมบัติ กล่าว

      ทั้งนี้ ยอมรับว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข. ในปี 2558 อาจจะต่ำกว่าปีนี้ แต่ยังมั่นใจว่าจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ 2-3% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวา ขณะที่มองว่าทิศทางดอกเบี้ยในประเทศจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรมีโอกาสลดลง ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 60% ของพอร์ตรวมทั้งหมด

      นอกจากนี้ ประเมินว่ายังมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินของโลกที่มีการขัดแย้ง โดยญี่ปุ่นและยุโรปจะใช้มาตรการอัดฉีดเงิน แต่สหรัฐจะลดการอัดฉีดและขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนในการไหลของเม็ดเงินในโลกได้

      โดย กบข. ประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าจะเติบโตระดับ 10-12% พร้อมคาดว่า P/E ของตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะซื้อขายที่ราว 14 เท่า โดยมองว่ามีอัพไซด์จำกัด และควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีประเด็นเรื่องนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศต่างๆ ที่เป็นปัจจัยกดดันการไหลเข้าออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติให้มีความผันผวน ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายทางเศษฐกิจต่างๆ ในประเทศว่าจะมีออกมามายน้อยแค่ไหน ทั้งในทางปฏิบัติและในเชิงนโยบาย

     นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า คาดว่า จะมีสมาชิกใช้สิทธิลาออกเพื่อใช้สิทธิบำนาญ (UNDO) ราว 30% จากผู้มีสิทธิทั้งสิ้น 7 แสนคน หรือคิดเป็นเม็ดเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท โดยย้ำว่าจะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของ กบข. และไม่ต้องขายสินทรัพย์เพื่อนำเงินไปชดเชยกรณีดังกล่าว เนื่องจากปกติ กบข.มีกระแสเงินสดใหม่เข้ามากว่าปีละ 1 แสนบาท

     "เท่าที่เราประเมินในกรณีที่ออกมากสุดถึง 50% จากผู้มีสิทธิ ก็จะต้องจ่ายเงินเพียง 6.5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับกระแสเงินสดใหม่ที่เข้ามาในแต่ละปี จะไม่กระทบต่อสภาพคล่องของเราอย่างแน่นอน" เลขาธิการ กบข.ระบุ

     ทั้งนี้ กำหนดให้สมาชิกแจ้งความจำนงในการใช้สิทธิภายใน 30 มิ.ย.58 และจะเริ่มมีผลตั้งแต่ 1 ต.ค.58 เป็นต้นไป ทั้งนี้อยากเตือนสมาชิกอย่าพิจารณาตามกระแส เพราะหากเป็นสมาชิก กบข.ต่อไป จะได้รับเงินก้อนเมื่อเกษียณอายุ โดยเมื่อรวมเงินสมทบของตนเอง 200,000 บาท และเงินประเดิมก้อนแรก, เงินสมทบจากภาครัฐ 3% และเงินชดเชยที่รัฐสะสม 2% คิดเป็น 800,000 บาทขึ้นอยู่กับอายุงาน รวมประมาณ 1 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้สร้างธุรกิจได้ หากสมาชิกยื่นใช้สิทธิ UNDO จะได้เงินเพียง 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งหากลาออกจากสมาชิก กบข. แล้วจะไม่สามารถกลับมาเป็นสมาชิกใหม่ได้

    กบข. ประเมินกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปีหน้าจะเติบโตระดับ 10-12% พร้อมคาดว่า P/E ของตลาดหุ้นไทยในปีหน้าจะซื้อขายที่ราว 14 เท่า โดยมองว่ามีอัพไซด์จำกัด และควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพราะยังมีประเด็นเรื่องนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศต่างๆ ที่เป็นปัจจัยกดดันการไหลเข้าออกของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติให้มีความผันผวน ขณะที่ยังต้องติดตามนโยบายทางเศษฐกิจต่างๆ ในประเทศว่าจะมีออกมามายน้อยแค่ไหน ทั้งในทางปฏิบัติและในเชิงนโยบาย

      คาดว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข.ในปีนี้จะอยู่ที่ราว 6% สูงกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 4.5% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งปัญหาการเมืองคลี่คลาย ขณะที่ผลตอบแทนจากพันธบัตรก็มากกว่า 2% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ดี

      "ปีนี้ผลตอบแทนเราค่อนข้างดีมาก เพราะได้อานิสงส์จากตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เรามีผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสูง ก่อนการปรับตัวลงในเดือนนี้ โดยทั้งปีคาดว่าจะอยุ่เฉลี่ย 6%+/- มากกว่าปีก่อนที่ทำได้ราว 4.5%" นายสมบัติ กล่าว

     ผลตอบแทนจากการลงทุนของ กบข. ในปี 2558 อาจจะต่ำกว่าปีนี้ แต่ยังมั่นใจว่าจะสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ 2-3% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจยังคงเติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวา ขณะที่มองว่าทิศทางดอกเบี้ยในประเทศจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรมีโอกาสลดลง ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 60% ของพอร์ตรวมทั้งหมด

   นอกจากนี้ ประเมินว่า ยังมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินของโลกที่มีการขัดแย้ง โดยญี่ปุ่นและยุโรปจะใช้มาตรการอัดฉีดเงิน แต่สหรัฐจะลดการอัดฉีดและขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนในการไหลของเม็ดเงินในโลกได้

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!