- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 24 December 2014 01:25
- Hits: 2554
สปส.เตรียมขยายมูลคาพอร์ตลงทุนอีก 1 แสนลบ.เป็น 1.3 ล้านลบ. พร้อมยอมรับผลตอบแทนอาจต่ำกว่า 5% หลังเจอความเสี่ยงจากดอกเบี้ยต่ำ - ตลาดโลกผันผวน
สปส. คาดปีหน้ามูลค่าพอร์ตลงทุนจะเพิ่มขึ้นอีกแสนล้านบาทอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านบาท พร้อมยอมรับผลตอบแทนอาจต่ำกว่า 5% หลังเจอความเสี่ยงจากดอกเบี้ยต่ำ - ตลาดโลกผันผวน และอีก 4-5 ปีหน้าเตรียมลดสัดส่วนลงทุนตราสารหนี้ เพิ่มพอร์ตหลักทรัพย์กับการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น
นายวิน พรหมแพทย์ หัวหน้ากลุ่มลงทุน สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวถึงกลยุทธ์การลงทุนของสปส.ในปีหน้าว่า อาจเป็นปีที่ยากลำบากในการทำผลตอบแทน เพราะเป็นการลงทุนอยู่ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ และความเสี่ยงปีหน้าเป็นเรื่องตลาดจะผันผวนมาก หลังจากปลายปีนี้กลุ่มประเทศพึ่งสินค้าโภคภัณฑ์อย่างรัสเซีย บราซิลและแคนาดา เกิดปัญหาค่าเงินตลาดหุ้นร่วง ทำให้ผลตอบแทนจากพอร์ตของสปส.ปีหน้า อาจได้ต่ำกว่า 5% จากที่คาดว่าในปีนี้ทำได้ราว 5%
ทั้งนี้ ขนาดพอร์ตการลงทุนของสปส.ปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1.1 ล้านล้านบาทในปีก่อน และปีหน้าคาดว่ามูลค่าพอร์ตจะขยายเป็น 1.3 ล้านล้านบาท ส่วนผลตอบแทนที่ทำได้จากพอร์ตดังกล่าวในปีที่แล้วอยู่ที่ 4.68 หมื่นล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะได้ 4.3 หมื่นล้านบาท และปีหน้าคาดว่าจะทำผลตอบแทนได้ 4-4.5 หมื่นล้านบาท โดยจากสัดส่วนพอร์ตการลงทุนปัจจุบัน 1.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตราสารหนี้ประมาณ 85% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรรัฐบาล อีก 10% เป็นหุ้น ที่เหลืออีก 5% เป็นตราสารหนี้ต่างประเทศ อสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมต่างประเทศ โดยปีหน้าเขาจะพยายามขยายงานผลักดันให้สัดส่วนการลงทุนในหุ้นและการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากที่มีอยู่ร่วมกัน 15% ให้ได้มากกว่า 15% ถึงแม้ทำได้ค่อนข้างยาก
"หากมอง 4-5 ปีข้างหน้า เราจะลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ลงเพราะดอกเบี้ยต่ำ และจะขยายไปลงทุนอย่างอื่นให้มากขึ้น ในส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นจะเน้นลงทุนในต่างประเทศ ทั้งอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนรวมต่างประเทศ"
นายวิน ยอมรับว่า ปีหน้าดอกเบี้ยนโยบายของไทยจะปรับขึ้นได้ยาก เพราะราคาน้ำมันยังลดลง เงินเฟ้อยังต่ำ และเคยคิดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้นปลายปีหน้าก็กลายเป็นเรื่องยาก ถ้าดอกเบี้ยจะขึ้นก็มีแต่จะขึ้นตามตลาดโลก แต่ดูภาวะแวดล้อมในประเทศโอกาสขึ้นดอกเบี้ยนั้นมีน้อยลง เพราะไม่มีเงินเฟ้อมากดดัน
นายวิน ยังให้ความเห็นเรื่องตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลงแรงเมื่อต้นสัปดาห์ว่า มองตลาดหุ้นไทยลงด้วยภาวะหุ้นในตลาดโลกปรับลดลง บวกกับข่าวลือมากกว่า แต่ปัจจัยพื้นฐานของไทยไม่เปลี่ยนแปลง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่เป็นบริษัทใหญ่ๆ ก็ไม่เปลี่ยนแปลง และเชื่อเสมอว่าบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เป็นหุ้นบลูชิพ ยังมีงบการเงินดีและมีหนี้น้อย ฐานะการเงินกับภาพรวมธุรกิจยังดีอยู่
ทั้งนี้ สปส.ยังยึดหลักการลงทุนไม่ตกใจไปกับข่าวที่เข้ามามากเกินไป ต้องวิเคราะห์ให้ดี ให้เลือกหุ้นดีปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง หากราคาเปลี่ยนแปลงเพราะปัจจัยภายนอกเขาเชื่อว่าหุ้นตัวนั้นยังน่าลงทุนอยู่ ซึ่งเขายอมรับว่าในช่วงตลาดหุ้นลง มีหุ้นหลายตัวที่ดีแต่ราคาปรับลงทำให้เขาอยากได้ และคิดเลือกเป็นบางตัว ถือเป็นโอกาสให้เข้าไปเก็บ
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า กองทุนประกันสังคมกรณี 2 ถือหุ้นขนาดใหญ่ เช่นหุ้นแอดวานซ์26,570,900 หุ้น คิดเป็น 0.89% หุ้นท่าอากาศยาน 16,912,400 หุ้น คิดเป็น 1.18% หุ้นบ้านปู 35,710,000 หุ้น คิดเป็น 1.38% หุ้นแบงก์กรุงเทพ 24,088,500 หุ้น คิดเป็น 1.26% หุ้น บางจาก 26,528,826 หุ้น คิดเป็น 1.93% หุ้นบางกอก เชน 34,793,700 หุ้น คิดเป็น 1.4% หุ้นบีอีซี 15,917,500 หุ้น คิดเป็น 0.8% หุ้นทางด่วน 9,449,700 หุ้น คิดเป็น 1.23% หุ้น กรุงเทพดุสิต 200,180,000 หุ้น คิดเป็น 1.29%
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย