- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 09 December 2014 16:46
- Hits: 2577
บลจ.กสิกรไทย ปลื้ม โชว์ทริกเกอร์อีกกอง! ในรอบ 1 อาทิตย์ กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 วิ่งเข้าเป้าหมายแรกภายใน 4 เดือน มั่นใจมาตรการ ECB ดันเศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัว
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ บลจ.กสิกรไทย ได้เสนอขายกองทุนเปิดเค ยูโรเปียน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KEET1)ไปเมื่อวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2557ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายแรกที่กำหนดไว้ โดยเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา กองทุน KEET1 มีมูลค่าหน่วยลงทุนแตะที่ระดับ 10.4350 บาทต่อหน่วย โดยใช้ระยะเวลาบริหารเพียง 4 เดือน ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของกองทุน ที่ระบุว่า บลจ.กสิกรไทยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.40 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 4% ดังนั้น บลจ.กสิกรไทยจึงทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในวันที่ 4 ธันวาคม 2557 และจะชำระเงินค่าขายคืนให้กับผู้ลงทุนในราคาไม่ต่ำกว่า 10.40 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 11ธันวาคม 2557
สำหรับ กองทุนเปิดเค ยูโรเปียน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1 (KEET1) มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลักต่างประเทศ คือ กองทุน iShares STOXX Europe 600 (DE) ซึ่งบริหารจัดการโดย iShares บริษัทผู้นำในกลุ่มกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยกองทุนหลักดังกล่าวจะมุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี The STOXX Europe 600 (EUR) ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นยุโรปทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็กจำนวน 600 หุ้น จาก 18 ประเทศทั่วทวีปยุโรป ทั้งนี้ กองทุน KEET1 ตั้งเป้าหมายที่จะให้ผู้ลงทุนได้โอกาสรับผลตอบแทนที่ 8% ภายใน 1 โดยกำหนดเป้าหมายแรกที่ 4% หรือเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.40 บาทต่อหน่วย และกำหนดเป้าหมายต่อมาอีก 4% หรือเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.95 บาทต่อหน่วย ซึ่งบลจ.กสิกรไทยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งหมดและเลิกกองทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าถึงระดับดังกล่าว
“สำหรับ ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปมีการปรับตัวขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่ามาจากการที่ตลาดมีความคาดหวังต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ได้ส่งสัญญาณเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและอาจจะขยายมาตรการการเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม ซึ่งครอบคลุมการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ทำให้นักลงทุนมีมุมมองในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นยุโรปและมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยเชื่อว่ามาตรการของ ECB จะส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นยุโรปในระยะข้างหน้า”นายนาวินกล่าว
นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า “อย่างไรก็ตาม จากผลการประชุมครั้งล่าสุดของ ECB เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา ยังคงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.05% และยังไม่มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยระบุว่าจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้งในช่วงต้นปี 2558 จึงทำให้นักลงทุนบางส่วนผิดหวังจากผลการตัดสินใจดังกล่าวของ ECB ส่งผลทำให้ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงจากแรงเทขายของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม แม้ในระยะสั้นตลาดหุ้นยุโรปจะยังคงมีความผันผวนจากแรงซื้อขายอยู่บ้าง แต่ตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปในไตรมาสที่ 3 เริ่มออกมามีเสถียรภาพมากขึ้น โดยเฉพาะตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่เติบโตที่ระดับ 0.20% ทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และใกล้เคียงกับที่ตลาดดาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจยุโรปในระยะยาว โดยเชื่อว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไป และคาดว่าในปีหน้า ECB จะยังคงดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคาดว่าน่าจะมีการเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภทพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติม
นอกเหนือจากการเข้าซื้อสินทรัพย์ประเภท ABS ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องในตลาด และกดดันอัตราดอกเบี้ยให้ยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังคาดว่าจะมีการขยายขนาดของงบดุลของตัวธนาคารให้ขึ้นไปถึง 2.9 ล้านล้านยูโร (จากระดับปัจจุบันที่ 2.04 ล้านล้านยูโร) หรือคิดเป็นวงเงินการซื้อสินทรัพย์เพิ่มเกือบๆ 1 ล้านล้านยูโร อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงของเศรษฐกิจยุโรปยังคงมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศหลักๆ อาทิ เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงปัญหาด้านเสถียรภาพทางการเมือง เนื่องจากในหลายๆ ประเทศ อาทิ สเปน โปรตุเกส จะมีการเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งอาจจะทำให้นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ รวมถึงแผนด้านงบประมาณการคลังของแต่ละประเทศเปลี่ยนแปลงไป”
นโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และเอกสารเกี่ยวกับกองทุน KEET1 ได้ที่ www.kasikornasset.com หรือบลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุน KEET1 มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนในสกุลเงินของหลักทรัพย์ที่ลงทุน โดยกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้