- Details
- Category: บลจ.
- Published: Monday, 08 December 2014 18:04
- Hits: 2411
บลจ.วรรณ รับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติกองทุนเปิด ONE-PREMIER หลังตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว
ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่ากองทุนเปิด วรรณ อินคัม พรีเมียร์ ฟันด์ (ONE-PREMIER) จะมีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในวันที่ 11 ธ.ค. 57 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.2042 บาทต่อหน่วย และจะชำระเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติให้แก่นักลงทุนในวันที่ 16 ธ.ค. 57 โดยตลอดทั้งปีนี้ กองทุนฯ มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไปทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งคิดรวมเป็นการจ่ายผลตอบแทนในส่วนของการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งสิ้นประมาณ 6% ในปีนี้
“โดยในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดีเนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เริ่มกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องทั้งนักลงทุนรายย่อย สถาบันและต่างชาติ หลังการเมืองคลี่คลายและมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศและมีแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งด้านสภาพคล่องที่ล้นระบบอยู่ค่อนข้างมากเข้ามาสนับสนุน โดยเฉพาะการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติมของธนาคารกลางในหลายประเทศ ทั้งในส่วนของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะมีมติให้ยุติการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ไปเรียบร้อยแล้วในเดือน ต.ค. 57 ที่ผ่านมา และทำให้ดัชนี SET Index ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันสามารถปรับตัวขึ้นได้กว่า 22.8%”
“ซึ่งทิศทางตลาดหุ้นดังกล่าวได้สอดคล้องกับมุมมองตลาดหุ้นไทยที่ทาง บลจ.วรรณ ได้ประเมินไว้ก่อนหน้า และได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนในกองทุนเปิด ONE-PREMIER มาเน้นน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยเพิ่มเติม หลังจากมีการลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยลงในช่วงต้นปีถึงกลางปีเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนในหุ้นเนื่องจากในช่วงดังกล่าวตลาดหุ้นไทยเผชิญกับแรงกดดันทางการเมืองในประเทศ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนนี้ที่สามารถกระจายการลงทุนได้ทุกสินทรัพย์ที่อยู่ในประเทศไทยเพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการกองทุนให้มีความเหมาะสมในแต่ละช่วงสถานการณ์ จนทำให้กองทุนฯ นี้สามารถรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติได้เพื่อเป็นกระแสเงินสดรับระหว่างทางให้แก่นักลงทุน”นายวินกล่าว
“สำหรับ มุมมองการลงทุนในระยะถัดไป ผมมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมี Upside Gain ต่อไปได้ เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยหนุน โดยเฉพาะในส่วนของการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ (QE) ของแต่ละธนาคารกลางในประเทศต่างๆ ที่ยังมีโอกาสผ่อนคลายเพิ่มเติม ทำให้สภาพคล่องยังคงล้นระบบเศรษฐกิจต่อไปได้และยังมีกระแสเงินลงทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง รวมทั้งอานิสงส์ของราคาน้ำมันที่ปรับลดลงก็ยังคงสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ จากต้นทุนการผลิตที่ลดลงโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงยังคงเป็นที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนทั้งรายย่อย สถาบันและต่างชาติ ขณะเดียวกันในด้านของมูลค่าหุ้นไทยเอง แม้ว่าจะปรับตัวขึ้นสูงในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP Market (ไทย อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์) โดยปัจจุบันระดับราคาหุ้นต่อกำไร (PE) ของไทยอยู่ที่ 16.91 เท่า เมื่อเทียบกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่อยู่ระดับ 17.17 และ 20.72 เท่า ทำให้มองว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาดที่น่าสนใจอยู่ โดยมองว่า SET Index ในปี 2558 น่าจะมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบที่ระดับ 1,700 จุดจากปัจจัยบวกดังกล่าว ซึ่งทำให้กองทุนฯ นี้ยังคงเน้นน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยต่อจนกว่าจะมีสถานการณ์การลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้กองทุนฯ สามารถบรรลุการสร้างผลตอบแทนเป้าหมายตามที่ได้ตั้งไว้โดยเฉลี่ยที่ 5-8% ต่อปี ควบคู่กับการบริหารความเสี่ยงไม่ให้กองทุนฯ มีความผันผวนไปกับตลาดมากนักในช่วงที่สถานการณ์ผันผวน ซึ่งหากนักลงทุนท่านใดสนใจ ก็สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์และสนับสนุนธุรกิจ บลจ.วรรณ ที่เบอร์ 02-659-8888 ต่อ 1” นายวิน กล่าวปิดท้าย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย