- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 02 December 2014 17:24
- Hits: 3090
บลจ.กสิกรไทย โชว์ผลงานกองทุน เค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 2 พุ่งเข้าเป้า 5% ผู้ลงทุนเฮ เตรียมรับผลตอบแทน เผยสัญญาณเชิงบวกตลาดหุ้นจีนเติบโตต่อเนื่อง
นายนาวิน อินทรสมบัติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า หลังจากที่ บลจ.กสิกรไทย ได้เสนอขายกองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 2 (KCET2) ไปเมื่อวันที่ 19-24 กันยายน 2556 ซึ่งกองทุนดังกล่าวเน้นลงทุนในกองทุน iShares FTSE A50 China Index ETF ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดฮ่องกง และมุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี FTSE China A 50 ที่ประกอบไปด้วยหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นจำนวน 50 หุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุด ทั้งนี้เมื่อ ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 กองทุน KCET2 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายภายหลังจากที่กองทุนมีอายุโครงการประมาณ 14 เดือน ซึ่งบลจ.กสิกรไทยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติทั้งหมดเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.55 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนที่ 5% โดย ณ วันดังกล่าว มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุน KCET2 สามารถปิดที่ 10.5724 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในการเลิกกองทุนก่อนกำหนด บลจ.กสิกรไทยจึงจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติในวันที่ 3 ธันวาคม 2557 และชำระเงินค่าขายคืนให้กับผู้ลงทุนในราคาไม่ต่ำกว่า 10.55 บาทต่อหน่วย ในวันที่ 4 ธันวาคม 2557
“ปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนมีการปรับตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มาจากการที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างไม่คาดหมาย เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยกู้ยืม โดยถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา เพื่อต้องการลดต้นทุนการกู้ยืมและกระตุ้นการลงทุนให้เพิ่มขึ้น ปัจจัยสนับสนุนอีกประการ คือการเปิดตัวโครงการเชื่องโยงตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ซึ่งได้ช่วยเอื้อให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น A-Share มากขึ้นด้วย” นายนาวินกล่าว
นายนาวินกล่าวเพิ่มเติมว่า “บลจ.กสิกรไทย เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจัยหลักมาจากการปฏิรูปแผนโครงสร้างเศรษฐกิจในด้านต่างๆ อาทิ ด้านตลาดเงิน ตลาดทุน สังคม และรัฐวิสาหกิจ เพื่อช่วยเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้มีการเติบโตแบบยั่งยืน รวมถึงการออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงินผ่านการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงดังกล่าว ทั้งนี้แม้ว่า IMF ได้คาดการณ์เศรษฐกิจจีนในปี 2558 ว่าจะมีการเติบโตที่ระดับ 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2557 แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในเป้าหมายของทางการจีนและจัดว่าอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก และด้านตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ ของจีน ต่างก็เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น อาทิ ดัชนีภาคการผลิต PMI ยังยืนอยู่เหนือระดับ 50 จุด ต่อเนื่องตลอดทั้งปี นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกในเดือนตุลาคมมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 11.6% โดยเฉพาะการส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าหลักอย่างประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่เริ่มฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ขณะที่ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมอาจมีการชะลอตัวลงบ้าง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีการชะลอตัวลง”
จากปัจจัยที่กล่าวมา บลจ.กสิกรไทย จึงเชื่อมั่นในตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะตลาดหุ้น A-Share ว่ายังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก โดยเฉพาะจะได้รับปัจจัยบวกจากโครงการเชื่อมโยงระหว่างตลาดหุ้นในประเทศและตลาดหุ้นฮ่องกงดังกล่าว เนื่องจากจะช่วยส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น A-Share มากขึ้น และหากในที่สุดรัฐบาลจีนมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์และยกเลิกโควต้าการลงทุน ก็จะเป็นประตูสำคัญให้บริษัทใหญ่ๆ ของจีน ถูกเข้ามารวมเป็นส่วนหนึ่งในการคำนวณดัชนีที่สำคัญๆ อาทิ ดัชนีหุ้นโลกรวมประเทศเกิดใหม่ (MSCI All Country World Index) ซึ่งจะช่วยทำให้ตลาดหุ้นจีนมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ระดับราคาหุ้นจีนปัจจุบันเองยังมีความน่าสนใจ และยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยปัจจุบันตลาดหุ้น A-Share มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (Forward P/E ) อยู่ที่ประมาณ 11.1 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาว10 ปี อยู่ที่ 16.2 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นได้