- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 19 November 2014 21:55
- Hits: 2229
บลจ.กสิกรไทย คาดกนง.คงดบ.นโยบาย 2.00% ต่อเนื่อง เหตุศก.ฟื้นตัวล่าช้า แนะนำ3 กองทุนตราสารหนี้ใหม่ รับผลตอบแทนสูงสุด 2.55% ต่อปี เสนอขาย 18-24 พ.ย. นี้
นางสาวยุพาวดี ตู้จินดา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในวันที่ 18-24 พฤศจิกายน 2557 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 6 เดือน เอ (KEFI6MA) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.55% ต่อปี กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ 3 เดือน จี (KEFI3MG) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.35% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซีเจ (KFI6MCJ) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 2.35% ต่อปี โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ด้านสถานการณ์การลงทุนในตราสารหนี้ นางสาวยุพาวดีกล่าวว่า “อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ในระยะสั้นยังคงมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำ โดยรัฐบาลได้ออกมาประเมินตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้ว่าอาจต่ำกว่าที่คาดที่ 1.5% จากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในระดับต่ำและยังคงฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด จึงมองว่าการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในเดือนธันวาคมนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง แต่หากเศรษฐกิจไทยยังชะลอตัวต่อเนื่อง อาจมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจมีนโยบายการเงินเพิ่มเติม ทั้งนี้ สำหรับกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการ ซึ่งบลจ.กสิกรไทย ได้เสนอขายในสัปดาห์นี้ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย และต้องการลงทุนในช่วงระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน”
นางสาวยุพาวดีกล่าวต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุน KEFI6MA จะเข้าไปลงทุนในเบื้องต้นประกอบด้วยเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ VakifBank, ประเทศตุรกี และตราสารหนี้ Banco BTG Pactual S.A., ประเทศบราซิล นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และจะลงทุนในตั๋วแลกเงินของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน)
ด้านกองทุน KEFI3MG จะเข้าลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Akbank T.A.S., ประเทศตุรกี ร่วมด้วยตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) และจะลงทุนในตั๋วแลกเงินของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว บลจ.กสิกรไทย ขอแนะนำกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ 6 เดือน ซีเจ (KFI6MCJ) ซึ่งจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation เงินฝาก Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ประเทศไทยของธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
สำหรับ ผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFI6MA กองทุน KEFI3MG และกองทุน KFI6MCJ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com