WORLD7

smed PIONEER 720x100ใจฟู720x100pxgpf 720x100 66

บลจ.วรรณ มองหุ้นไทยยังไม่แพง ออกกองหุ้นประเภท Target Fund IPO17-26 พ.ย. 57 หวังผลตอบแทน 4% ภายใน 4 เดือน

   ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด (บลจ.วรรณ) ให้ความเห็นว่า แม้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันดัชนีฯ จะปรับตัวขึ้นกว่า 20.3% ซึ่งนับได้ว่าค่อนข้างมากแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนได้อีกค่อนข้างมากทั้งปัจจัยจากภายนอกประเทศและภายในประเทศ รวมทั้งยังมีมูลค่าหุ้น (PE) ที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่ม TIP Market (อินโดฯ ไทย และฟิลิปปินส์) ทำให้หุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจในสายตาของนักลงทุนต่างชาติอยู่

    “ผมมองว่า ตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้จะยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากยังมีปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนตลาด ทั้งในเรื่องของแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจากกิจกรรมการผลิตในประเทศหลักที่ยังบ่งชี้ถึงภาวะการขยายตัวได้อยู่ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำก็จะสนับสนุนให้การบริโภคภาคเอกชนเร่งสูงขึ้นในอนาคต / สภาพคล่องที่ยังล้นระบบ แม้ว่าปริมาณเงิน QE ของสหรัฐอเมริกาจะสิ้นสุดลงไปแล้วในเดือน ต.ค. 57 แต่ก็มีส่วนอื่นเข้ามาชดเชยโดยเฉพาะการอัดฉีดปริมาณเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปด้วยเม็ดเงินที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะผลักดันให้มีสภาพคล่องเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้เพิ่มเติม รวมทั้งความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่ลดลง หลังที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐล่าสุดที่ผ่านมาได้มีการส่งสัญญาณที่ขัดเจนว่าจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไปอีกช่วงเวลาหนึ่งเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพที่แท้จริง ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดว่า FED น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงเดือน ก.ย. 58 เป็นต้นไป ซึ่งช้าลงกว่าที่เคยคาดกันไว้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ก็จะทำให้การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจอยู่สำหรับนักลงทุน และผลักดันให้ดัชนีฯ ปรับตัวต่อไปได้”

   “ขณะที่ ปัจจัยสนับสนุนจากในประเทศ ผมมองว่าปัจจุบันความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ทยอยกลับคืนมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่การเมืองคลี่คลายและเศรษฐกิจไทยเริ่มเข้าสู่ภาวะการฟื้นตัว โดยเฉพาะปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากการใช้จ่ายภาครัฐผ่านเม็ดเงินลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงแผนลงทุนดังกล่าวในเดือน พ.ย. 57 และมีการประมูลก่อสร้างและเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2558 ที่จะทำให้นักลงทุนเริ่มลงทุนในหุ้นที่ได้รับประโยชน์ดังกล่าวมากขึ้น / แรงซื้อของกองทุนรวม RMF-LTF ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี / แนวโน้มการปรับเพิ่มการคาดการณ์รายได้ของบริษัทจดทะเบียนฯ หลังจากที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ ซึ่งจะทำให้มูลค่าหุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจและทำให้ยังมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นไทยหลังจากที่เริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้น TIP Market แล้วบางส่วน” นายวิน กล่าว

    “ซึ่งจากปัจจัยบวกดังกล่าว ทำให้ผมมองว่าหุ้นไทยปัจจุบันยังคงไม่แพงสำหรับการลงทุนในช่วงนี้เมื่อเทียบกับ SET Index ในปีนี้ที่คาดว่าน่าจะมีโอกาสปรับขึ้นทดสอบ 1,600 จุด และปรับขึ้นทดสอบ 1,700 จุดได้ในปีหน้า แต่นักลงทุนต้องคัดเลือกหุ้นที่จะลงทุนควบคู่กันไป โดยผมมองว่าหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์จากการปล่อยกู้ของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการขยายตัวของสินเชื่อตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มากขึ้น / กลุ่มอสังหาริมทรัพย์จากความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาและการเติบโตของโครงการตามแนวรถไฟฟ้าที่ยังมีความต้องการสูง / กลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร จากต้นทุนอาหารสัตว์ เช่น ราคาข้าวโพดที่ปรับลดลง ทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า รวมทั้งกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากประโยชน์ของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและเอเชียที่ฟื้นตัว” นายวิน กล่าวปิดท้าย

   โดยหากนักลงทุนท่านใดสนใจลงทุนในหุ้นไทย อาจพิจารณาลงทุนในกองทุนเปิด วรรณ สปอท 4/2 ฟันด์ (ONE-SPOT4/2 Fund) ซึ่งจะเน้นลงทุนในอุตสาหกรรมที่กล่าวข้างต้นเพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและโอกาส Short term rebound ของตลาดหุ้นไทย โดยกองทุนนี้จะตั้งเป้าหมายการลงทุนไว้ที่ 4% ภายในเวลา 4 เดือน และบริหารจัดการแบบ Tactical Trading ซึ่งผู้จัดการกองทุนสามารถพิจารณาลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ได้ 0-100% เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดหุ้นไทยในขณะนั้นๆ โดยจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 17-26 พ.ย. 57 หากนักลงทุนสามารถติดต่อสอบถามและขอรับหนังสือ ชี้ชวนได้ที่ฝ่ายการตลาด บลจ.วรรณ ที่เบอร์ 02-659-8888 ต่อ 1 ครับ

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย 

apm

 

 

Facebook

5 ข่าวฮอตนิวส์!