- Details
- Category: บลจ.
- Published: Tuesday, 26 January 2021 18:06
- Hits: 9957
‘บลจ. พรินซิเพิล’ ชี้เทรนด์ Healthcare Technology เติบโตก้าวกระโดด
เปิดตัวกองทุนใหม่ ‘พรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น’
ลงทุนในนวัตกรรมการแพทย์ระดับโลก ตอบรับกระแสการดูแลสุขภาพยุคใหม่
ชู 2 กองทุนหลักให้ผลตอบแทนปีที่ผ่านมาโดดเด่นกว่า 85% และ 87%
เปิดเสนอขาย IPO 27 ม.ค. – 3 ก.พ.64
บลจ. พรินซิเพิล ประเมินการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม Healthcare สู่ Health Technology ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล AI ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีช่วยในการรักษาแบบเฉพาะเจาะจงและการป้องกันโรค หนุนอุตสาหกรรมเติบโตก้าวกระโดดมากกว่า 20% ต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้า รุกเปิดตัวกองทุน ‘พรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น’ (PRINCIPAL GHEALTH) เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก 27 ม.ค. – 3 ก.พ.64 ชูจุดเด่นเข้าลงทุนหุ้นนวัตกรรมด้านสุขภาพ ผ่านการลงทุนในกองทุน Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund และ Credit Suisse (Lux) Digital Health Equity Fund ที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่นในปีที่ผ่านมาถึงกว่า 85% และ 87% (BM:MSCI World Ac Index และ MSCI World Healthcare Ac Index สามารถสร้างผลตอบแทนได้เพียง 16.50% และ 14.10% (Source: Baillie Gifford, Credit Suisse, Style Analytics, MSCI as of December 2020)
นายวิน พรหมแพทย์, CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า ทีมบริหารจัดการประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมด้านสุขภาพมีแนวโน้มเติบโตที่ดี หลังจากทั่วโลกเผชิญปัญหาการระบาดครั้งใหญ่ของโรค COVID-19 ในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาดูแลรักษาสุขภาพเพิ่มขึ้นและกระตุ้นให้เกิดการคิดค้นพัฒนานวัตกรรมเพื่อสุขภาพและยับยั้งโรคระบาด ประกอบกับโลกในยุคปัจจุบันกำลังเข้าสู่ช่วงบรรจบกันของข้อมูลสุขภาพที่ซับซ้อนและมีปริมาณมหาศาล กับการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้เพื่อเอาชนะโรคร้ายแรง อาทิ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), การประมวลผลขั้นสูง, จีโนมิกส์, พันธุวิศวกรรม ฯลฯ นอกจากนี้หลายประเทศกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุจะส่งผลให้เกิดความต้องการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น
ดังนั้น เชื่อว่าอุตสาหกรรมด้านสุขภาพมีแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการใช้วิธีรักษาแบบทดสอบสู่การรักษาด้วยฐานข้อมูล เน้นการรักษาแบบเฉพาะเจาะจง และเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการป้องกัน ดังนั้นอุตสาหกรรม Healthcare ในวันนี้เป็นการผสานระหว่าง Healthcare และ Technology ที่ทำให้มีศักยภาพเติบโตก้าวกระโดดมากกว่า 20% ต่อปีในช่วงครึ่งทศวรรษข้างหน้า (ที่มา: Global Market Insights, Fortune Business Insight, DataBridge, Allied Market Research, Market Insiders)
นายวิน กล่าวว่า ล่าสุด บลจ.พรินซิเพิล พร้อมเปิดตัวกองทุนเปิด ‘พรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น’ หรือ Principal Global Health Innovation Fund (PRINCIPAL GHEALTH) ชนิดสะสมมูลค่า PRINCIPAL GHEALTH-A มีทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท (Greenshoe 15%) สั่งซื้อขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท กำหนดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) 27 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2564 โดยเป็นกองทุนรวมตราสารทุน (กองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Fund of Funds) ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารทุน และ/หรือหลักทรัพย์ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาสุขภาพโดยมีนวัตกรรมหรือเทคโนโลยี และ/หรือลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม และ/หรือ ETF ที่สอดคล้องกับนโยบายของกองทุน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ทั้งนี้ กองทุนพรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น จะเข้าลงทุนในกองทุน 2 กองทุน ได้แก่ 1. Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund (เป็นสัดส่วนหลัก) บริหารจัดการโดย Baillie Gifford Investment Management (Europe) Limited ที่มีความเชี่ยวชาญการลงทุนในธุรกิจ Healthcare และมีผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกครอบคลุมทั้งด้านการลงทุน แพทย์ นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร เป็นต้น ทำให้สามารถมีมุมมองการลงทุนในเชิงลึกและคัดเลือกหุ้นคุณภาพในการลงทุน ทั้งนี้ ทีมจัดการลงทุนจะเน้นธุรกิจหรือบริษัทที่มีนวัตกรรมที่สามารถปฏิวัติวงการแพทย์ และมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์การลงทุนในการศึกษาเชิงลึกของบริษัทที่เข้าลงทุน ทำให้กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นในปีที่ผ่านมาถึงกว่า 85% (BM:MSCI World Ac Index และ MSCI World Healthcare Ac Index สามารถสร้างผลตอบแทนได้เพียง 16.50%และ 14.10% Source: Baillie Gifford, Credit Suisse, Factset, Style Analytics, MSCI as of Nov 2020 | Note: 1 5-year CAGR, 2 YoY )โดยตัวอย่างหุ้นที่เข้าลงทุน อาทิ Moderna 1 ใน 3 ของผู้นำการผลิตวัคซีนต้าน COVID-19 โดยใช้เวลาน้อยที่สุดในโลกเพียง 42 วัน และคาดการณ์ปี 2564 จะมีปริมาณการผลิตวัคซีนถึง 200 – 1,000 ล้านโดส, บริษัท M3 ผู้ให้บริการข้อมูลทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและ Telemedicine รวมถึงการวินิจฉัยโรคด้วยอัลกอริทึมปัญญาประดิษฐ์ โดยมีรายได้และกำไรจากการดำเนินงานนับจากปี 2553 – 2562 เติบโตเฉลี่ยปีละ 28% และ 21% ตามลำดับ ฯลฯ (Source: Individual company website 3Q20, Tissuepathology, TDRI, Principal Asset Management)
และ 2.Credit Suisse (Lux) Digital Health Equity Fund บริหารจัดการโดย Credit Suisse Fund Management S.A. ภายใต้กลยุทธ์การบริหารงานแบบ Active มุ่งหวังผลประกอบการที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด MSCI World ESG Leader (NR) โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายการลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ Digital Health ด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้านการวิจัยและพัฒนา การรักษาและเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งกองทุนฯ สามารถสร้างผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาสูงถึงกว่า 87% (BM:MSCI World Ac Index และ MSCI World Healthcare Ac Index สามารถสร้างผลตอบแทนได้เพียง 16.50%และ 14.10% Source: Baillie Gifford, Credit Suisse, Factset, Style Analytics, MSCI as of Nov 2020 | Note: 1 5-year CAGR, 2 YoY ) โดยมีหุ้นที่เข้าลงทุน อาทิ Teladoc ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการเข้าถึงแพทย์พื้นฐานด้วยเทคโนโลยี Remote Communication เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์, Exact Sciences ผู้ถือครองทรัพย์สินทางปัญญา Cologuard test เพียงรายเดียวเพื่อใช้ตรวจหามะเร็งลำไส้ระยะเริ่มต้น ฯลฯ
“กองทุน PRINCIPAL GHEALTH เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มพอร์ตการลงทุนในกลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ของโลก ด้วยการกระจายการลงทุนในหุ้นนวัตกรรมการแพทย์ และลงทุนใน 2 กองทุนที่เด่นในด้านการบริหารกองทุน Health Technology ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีในปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่ากองทุน PRINCIPAL GHEALTH จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว” คุณวิน กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนพรินซิเพิล โกลบอล เฮลธ์ อินโนเวชั่น (PRINCIPAL GHEALTH) เสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) 27 มกราคม – 3 กุมภาพันธ์ 2564 กำหนดสั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ทุกสาขาทั่วประเทศ ตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02 686 9595 หรือ www.principal.th หรือ Principal TH Mobile App
*****************************************
คำเตือน
• กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
• ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า (กองทุน) เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
• กองทุนอาจใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนของกองทุน (Hedging) โดยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
• กองทุนมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ กองทุนมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน ผู้ลงทุนอาจได้รับกาไร หรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืน ต่ากว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
• กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย
• กองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare ดังนั้นหากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว
ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
• ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน
• ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
• บริษัทจัดการขอสงวนสิทธิเปลี่ยนแปลงประเภทและลักษณะพิเศษของกองทุนรวมในอนาคตเป็น Feeder Fund หรือกองทุนรวมที่มีการลงทุนโดยตรงในหลักทรัพย์และทรัพย์สิน ทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศได้ หรือกลับมาเป็นกองทุน Fund of Funds ได้โดยไม่ทำให้ระดับความเสี่ยงของการลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ให้เป็นตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
A1676
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ