- Details
- Category: บลจ.
- Published: Thursday, 02 July 2020 11:30
- Hits: 6863
KTAM เปิดขายกองทุน SSF ปกติ 7 กองทุน
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัททำการเปิดเสนอขายกองทุนรวมชนิดเพื่อการออม 7 กองทุน ให้ผู้ลงทุนสามารถเริ่มลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้ครอบคลุมนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกผสมผสานจัดพอร์ตการลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และความเหมาะสมของผู้ลงทุน โดยกองทุนรวมชนิดเพื่อการออม หรือ SSF จำนวน 7 กองทุน ประกอบไปด้วย
(1) กองทุนเปิดกรุงไทย 70/30 เพื่อการออม (ชนิดเพื่อการออม) (KT70/30S-SSF) เป็นกองทุนรวมผสม ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนใน SET เป็นหลัก โดยมีการบริหารกลยุทธ์แบบ Active Management ซึ่งเป็นทีมงานบริหารเดียวกันกับกองทุน KTLF70/30
(2) กองทุนเปิดกรุงไทย พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซิเบิ้ล (ชนิดเพื่อการออม) (KT-PIF-SSF) เป็นกองทุนรวมผสม ที่มีนโยบายเน้นลงทุนหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือหน่วยลงทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนภายใต้ดังกล่าว กองทุนนี้ลงทุนแบบกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ หรือ โครงสร้างพื้นฐาน จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินจำนวนมาก
(3) กองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี (ชนิดเพื่อการออม) (KTESGS-SSF) เป็นกองทุนรวมดัชนี ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยกองทุนจะพยายามสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีผลตอบแทนรวม อีเอสจี ไทยพัฒน์ (Thaipat ESG Index (TR))
(4) กองทุนเปิดกรุงไทยมั่งคั่ง เพื่อการออม (ชนิดเพื่อการออม) (KTMUNG-SSF) เป็น กองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทุน property (กองทุนปลายทาง) ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีดัชนีชี้วัด คือ อัตราผลตอบแทนร้อยละ 9 ต่อปี
(5) กองทุนเปิดกรุงไทยมีทรัพย์ (ชนิดเพื่อการออม) (KTMEE-SSF) เป็น กองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทุน property (กองทุนปลายทาง) ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีดัชนีชี้วัด คือ อัตราผลตอบแทนร้อยละ 7 ต่อปี
(6) กองทุนเปิดกรุงไทยศรีสิริ (ชนิดเพื่อการออม) (KTSRI-SSF) เป็น กองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทุน property (กองทุนปลายทาง) ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีดัชนีชี้วัด คือ อัตราผลตอบแทนร้อยละ 5 ต่อปี
(7) กองทุนเปิดกรุงไทยสุขใจ (ชนิดเพื่อการออม) (KTSUK-SSF) เป็น กองทุนรวมหน่วยลงทุนประเภท Fund of Funds ที่มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวม กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน หรือกองทุน property (กองทุนปลายทาง) ทั้งในและต่างประเทศ ตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมีดัชนีชี้วัด คือ อัตราผลตอบแทนร้อยละ 3 ต่อปี
“สภาวะตลาดการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศมีแนวโน้มการฟื้นตัวดีที่ขึ้น เนื่องจากหลายประเทศเริ่มควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้มากขึ้นและทยอยคลาย Lock Down อย่างต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงเกิดพฤติกรรมแบบใหม่ที่เรียกว่า New Normal ในสังคมโลก ซึ่ง บลจ. กรุงไทย มองว่า ภาครัฐได้มีความพยายามในการออกมาตรการต่างๆ ทั้งนโยบายการเงินและการคลังข้างต้นในการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ตลาดการเงิน ทำให้สถานการณ์ได้รับการบรรเทาในปลายไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 ซึ่งทำให้เศรษฐกิจในประเทศต่างๆ น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี 2563 ในส่วนของประเทศไทยก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดโลก ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำการลดดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับร้อยละ 0.5 และได้มี พ.ร.ก.จัดตั้งกองทุน BSF วงเงิน 400,000 ล้านบาท พร้อมกันนั้น รัฐบาลจะทำการกู้เงินเพื่อบรรเทาสถานการณ์และฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท นับเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจและตลาดการลงทุนโดยรวม อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอาจต้องใช้เวลา รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่คาดว่าจะค่อยๆ ดีขึ้นไปตามลำดับ” นางชวินดากล่าวเสริม
ทั้งนี้ การลงทุนในกองทุนรวมชนิดเพื่อการออม (SSF) ถือเป็นการสร้างวินัยการลงทุนและช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งยังสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการนำมูลค่าซื้อหน่วยลงทุนในหน่วยลงทุนชนิดเพื่อการออม (SSF) ไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินและไม่เกิน 200,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขว่าเมื่อรวมกับกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ประกันบำนาญ และกองทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ตามเงื่อนไขและวิธีการที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนดอีกด้วย โดย บลจ. กรุงไทย ยังเอาใจผู้ลงทุนด้วยโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับการลงทุนในกองทุน KTAM RMF และ SSF (ปกติ) ทุกๆ 50,000 บาท สำหรับการชำระทุกช่องทาง (ยกเว้น RMF2, RMF3, RMF4 และ SSFX (พิเศษ)) จะได้รับเงินคืน 100 บาท เข้ากองทุน KTSTPLUS ตั้งแต่ 2 มกราคม - 30 ธันวาคม 2563 และสามารถชำระผ่านบัตรเครดิต KTC หรือใช้คะแนน KTC FOREVER ทุก 1,000 คะแนน แทนเงินลงทุน 100 บาท ได้อีกด้วย ทั้งนี้ เงื่อนไขโปรโมชั่น การรับเงินคืนและเงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ บลจ.กรุงไทย และบัตรเครดิต KTC กำหนด
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ktam.co.th หรือขอรับข้อมูลเพิ่มเติมหรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. กรุงไทย โทร. 0-2686-6100 กด 9 ในเวลาทำการ และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา และผู้สนับสนุนการขายหรือรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (ถ้ามี) ทั้งนี้ ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน / กองทุนมีปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ เช่น ความเสี่ยงจากความผันผวนของมูลค่าหน่วยลงทุน/ ความเสี่ยงจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น / กองทุน KT-PIF SSF มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน / ผู้ถือหน่วยลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากไม่ปฎิบัติตามเงื่อนไขการลงทุน
AO7018
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web