- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 08 October 2014 20:57
- Hits: 2417
ศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีเชื่อมั่นทองเดือนต.ค.หดตัวอยู่ที่ 38.67 จุด ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ย มองราคาปี 58 สูงสุดไม่เกิน 22,000 บาท
ศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีเชื่อมั่นทองเดือนต.ค.หดตัวอยู่ที่ 38.67 จุด ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ย มองราคาปี 58 สูงสุดไม่เกิน 22,000 บาท ด้านนายกส.ค้าทองฯ มองช่วงที่เหลือปี 57 ทองยังผันผวน คาดสิ้นปีอยู่ที่ 1,250 เหรียญ ส่วนเทรนด์ปีหน้ายังเป็นขาลงมีแววได้เห็น 1,100 เหรียญ แย้มปีหน้าได้เห็นศูนย์ Gold Exchange ซื้อขายทองแท่ง หวังดึงเงินลงทุนตัดหน้าสิงคโปร์ - ฮ่องกง
นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในเดือนตุลาคม 2557 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำปรับตัวลดลง 3.94 จุด จากเดือนกันยายนมาอยู่ที่ระดับ 38.67 จุด สะท้อนมุมมองเชิงลบเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน ซึ่งสอดคล้องกันทั้งกลุ่มผู้ลงทุนทองคำและกลุ่มผู้ค้าทองคำ โดยได้รับแรงกดดันมาจากการการปรับตัวแข็งค่าขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและความวิตกการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยหลัง FED ใกล้จะจบนโยบาย QE ขณะมองเงินบาทอ่อนค่าต่อ
ด้านดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำในระยะสามเดือนข้างหน้ากลับมาสะท้อนมุมมองเชิงลบครั้งแรกในรอบ 5 เดือน โดยค่าดัชนีลงมาอยู่ที่ระดับ 49.57 จุด ลดลงจากเดือนก่อน 7.08 จุด ซึ่งสะท้อนว่าในช่วงปลายปีถึงต้นปีหน้ากลุ่มตัวอย่างไม่แน่ใจว่าราคาทองคำจะสามารถฟื้นตัว เนื่องจากปัจจัยการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ กดดัน
ดร.ทรรศนะ บุญขวัญ ประธานคณะทำงานศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยบทสรุปความคิดเห็นผู้ค้าทองคำ (Gold Trader Consensus) จากผู้ประกอบกิจการค้าทองคำรายใหญ่ ผู้ค้าส่งทองคำ และผู้ประกอบกิจการนายหน้าซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ จำนวน 12 ตัวอย่าง พบว่าผู้ค้าส่วนใหญ่มีมุมมองราคาทองคำในช่วงเดือนตุลาคมในเชิงลบ โดยมีผู้ค้า 3 รายมองทองคำเฉลี่ยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 3 รายมองราคาทองเฉลี่ยจะใกล้เคียงกับเดือนกันยายน ขณะที่อีก 6 รายเชื่อว่าราคาทองคำเฉลี่ยจะปรับตัวลดลงระหว่างเดือน โดยผู้ค้ามองว่าราคาทองคำในตลาดโลกน่าจะมีกรอบราคาสูงสุดอยู่ระหว่าง 1,220-1,240 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวของราคาต่ำสุดอยู่ที่ 1,160-1,180 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ (ความบริสุทธิ์ 95.5%) กลุ่มตัวอย่างให้น้ำหนักราคาสูงสุดที่ 18,800-19,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ และกรอบการเคลื่อนไหวต่ำสุดอยู่ที่ 18,000-18,200 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยทองคำยังได้จัดทำผลสำรวจประมาณการเป้าหมายราคาทองคำในปี 2558 ราคาทองคำในตลาดโลกผู้ค้ารายใหญ่และผู้ประกอบการธุรกิจนายหน้าอนุพันธ์ทองคำจำนวน 7 ราย เชื่อว่าราคาทองคำในตลาดโลกจะอยู่ในกรอบ 1,050-1,450 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ โดยมีราคาเฉลี่ย 1,230 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ด้านราคาทองคำในประเทศเชื่อว่าราคาอยู่ในกรอบ 17,000-22,000 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ โดยมีราคาเฉลี่ย 19,062.14 บาทต่อหนึ่งบาททองคำ
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า กรอบราคาทองคำในช่วงไตรมาส 4 ปี 2557 ยังมีแนวโน้มผันผวน โดยราคาทองสิ้นปีอาจปิดอยู่ที่ระดับ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือประมาณ 20,000 บาท แต่อย่างไรก็ตามระหว่างถึงสิ้นปีราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ เนื่องจากนักลงทุนหันมาเก็งกำไรในช่วงราคาทองคำถูก เพราะในช่วงเดือน ต.ค.ราคาทองคำปรับตัวลดลงแรง ซึ่งวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมาราคาแตะถึงระดับต่ำสุดที่ 1,180 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยระหว่างนี้ให้จับตาดูประเด็นข่าวสารต่างๆ อาทิ ตัวเลขว่างงานของสหรัฐฯ หรือเหตุการณ์ก่อการร้ายต่างๆ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำผันผวน
ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวราคาทองคำในปีหน้า คาดว่ายังมีโอกาสปรับตัวลดลง โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,100-1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งปัจจัยกดดันสำคัญมาจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้ ภายในปีหน้าคาดว่าจะได้เห็นศูนย์บริการทองคำ Gold Exchange ซึ่งเปิดให้บริการซื้อขายทองคำในประเทศ โดยนักลงทุนต่างชาติและในประเทศสามารถเข้ามาลงทุนในศูนย์ดังกล่าวได้ โดยปัจจุบันยังอยู่ในแนวทางการพูดคุยถึงโครงสร้างของศูนย์บริการดังกล่าว ซึ่งจะร่วมมือระหว่างสมาคมค้าทองคำและตลาดหลักทรัพย์ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะจัดตั้งบริการซื้อขายทองคำแท่งประเภท 99.99% และ 96.50%
โดยการจัดตั้งศูนย์บริการดังกล่าวอยากให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากปัจจุบันนี้ประเทศสิงคโปร์และฮ่องกงเริ่มรุกตลาดศูนย์กลางทองคำมากขึ้น โดยการดึงตัวผู้ค้าทองคำรายใหญ่ในประเทศไทยไปลงทุนในประเทศตัวเอง โดยยื่นข้อเสนอที่น่าจูงใจหลายอย่าง อาทิ เรื่องภาษี เป็นต้น ดังนั้นทางสมาคมค้าทองคำจึงอยากทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการซื้อขายทองคำที่สะดวกมากขึ้น เพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับผู้ค้าทองคำทั้งหมด
ด้านนายกมลธัญ พรไพศาลวิจิตร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เปิดเผยว่า สำหรับการจัดตั้ง Gold Exchange คาดว่าในปีหน้าคงเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งการจัดตั้งศูนย์บริการดังกล่าวมองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน เนื่องจากศูนย์ Gold Exchange จะเป็นตัวกลางในการกำหนดราคาและบริการให้การซื้อขายทองคำ นอกจากนี้จะส่งผลให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากขึ้น
"แต่ก่อนนี้หากความต้องการซื้อในประเทศมาก แต่ผู้ค้าทองในประเทศมีทองไม่เพียงพอต่อความต้องการก็ต้องไปซื้อทองจากตลาดต่างประเทศเพิ่ม ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนจากจุดนั้นส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวน แต่ถ้าบ้านเรามีศูนย์ Gold Exchange เป็นของตัวเองจะทำให้ผู้ค้าทองคำแต่ละรายหันมาจับมือร่วมกัน และสามารถให้บริการซื้อขายทองคำได้ทันท่วงที ซึ่งจะทำให้ค่าเงินบาทไม่ผันผวนจากการซื้อขายในประเทศ"นายกมลธัญ กล่าว