- Details
- Category: บลจ.
- Published: Wednesday, 14 February 2018 19:51
- Hits: 2605
บลจ.ไทยพาณิชย์ เตรียมจ่ายปันผล 3 กองหุ้นไทย SCBSE-SCBENERGY-SCBBANKING 20 ก.พ.นี้ มองตลาดหุ้นไทยปัจจัยหนุนเพียบ
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม 2560– วันที่ 31 มกราคม 2561 โดยจะจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยพร้อมกันในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 จำนวน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (SCBSE) ในอัตรา 0.7000 บาทต่อหน่วย โดยแบ่งเป็นจ่ายระหว่างกาลไปแล้วเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2560 ในอัตรา 0.1500 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.5500 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 14 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 6.8100 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิ.ย. 2554)
สำหรับ กองทุน SCBSE เป็นกองทุนคุณภาพ 5 ดาว ได้ที่รับการจัดอันดับโดย Morningstar Rating (ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2560) โดยถือเป็นกองทุนที่โดดเด่นสามารถสร้างผลการดำเนินงานงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานดัชนี SET TRI โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 24.92% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 22% ซึ่งเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 14.86% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 16.42% (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 2561) กองทุนมีกลยุทธ์การลงทุนด้วยวิธี Active Approach โดยการคัดเลือกลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุดและสอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนในขณะนั้น โดยจะใส่น้ำหนักการลงทุนมากน้อยตามความน่าสนใจของหุ้นนั้น และกองทุนจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 ตัว จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงในระดับสูงได้
ส่วนอีก 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET ENERGY SECTOR INDEX (SCBENERGY) จ่ายปันผลในอัตรา 1.000 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 7 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 2.9200 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิ.ย. 2554) มีนโยบายการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดพลังงานและสาธารณูปโภคของตลาดหุ้นไทยมากที่สุด โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 28.50% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 31.08% ซึ่งสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 25.86% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 26.52% (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 2561)
และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET BANKING SECTOR INDEX จ่ายปันผลในอัตรา 0.4000 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 7 รวมจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 3.7500 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งเมื่อ 28 มิ.ย.2554) มีนโยบายการลงทุนในหุ้นหมวดธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยจะใช้กลยุทธ์ที่สร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีหมวดธุรกิจธนาคารให้มากที่สุด ซึ่งมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 13.92% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 11.09% สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานย้อนหลัง 6 เดือน อยู่ที่ 13.22% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 8.66% (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.พ. 2561)
นายสมิทธ์ กล่าวถึงมุมมองการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่าในปีนี้ยังคงมีความน่าสนใจซึ่งเกิดจากการที่เศรษฐกิจไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยการที่ภาครัฐมีการลงทุนในปีนี้เพิ่มมากขึ้นผ่านโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินเบิกจ่ายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การลงทุนภาคเอกชนตามมามากขึ้นจากการที่มีพ.ร.บ.พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเพื่อสนับสนุนโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ EEC ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ นอกจากนี้คาดว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังมีการเติบโตที่ดีต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเลือกประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับแรกๆ ของการท่องเที่ยวต่างประเทศ อีกทั้งยังมีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีนี้
สำหรับ ปัจจัยเสี่ยงนั้นส่วนใหญ่จะมาจากต่างประเทศเป็นหลัก ได้แก่ ความเสี่ยงจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) ที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ความเสี่ยงจากการที่ FED และธนาคารกลางยุโรป (ECB) เริ่มทยอยลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความเสี่ยงจากการที่เงินเฟ้อมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้มองว่าตลาดหุ้นยังคงเป็นหลักทรัพย์ที่น่าสนใจ โดยคาดว่าจะยังให้ผลตอบแทนในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงแนะนำให้นักลงทุนยังคงลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้อยู่